ญี่ปุ่นก็แค่ปากซอย! มาดู ที่เที่ยวญี่ปุ่น 2024 กันเถอะ ฮิตดีนักนะ! คราวนี้จัดมาให้ 17 เมือง 50 ที่เที่ยวกันไปเลยจ้า อยากไปเมืองไหนมีที่เที่ยวสวย ๆ น่าไปมาแนะนำให้ครบทุกเมืองเลยล่ะ เผื่อว่าใครวางแผนอยากไปเที่ยวฤดูยอดนิยมอย่างช่วงฤดูใบไม้ผลิไปดูดอกไม้ดูซากุระเงี้ยมาเก็บข้อมูลไว้รอก่อนเดินทางได้เลย เดี๋ยวมาดูกันว่า YouTrip จะมีที่เที่ยวในญี่ปุ่นแต่ละเมืองที่ไหนมาแนะนำบ้าง บอกเลยสวยมากเวอร์
ที่เที่ยวโตเกียวยอดฮิตที่ห้ามพลาด
เปิดตัว ที่เที่ยวญี่ปุ่น 2024 ที่แรกกันที่โตเกียวเมืองหลวงกันก่อนเลย โตเกียวเป็นเมืองหลวงซึ่งเป็นหนึ่งจังหวัดในภูมิภาคคันโตและอยู่ทางตอนใต้ ภาพรวมของโตเกียวหลัก ๆ เลยคือเป็นเมืองที่รวมสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังไว้เยอะเลยล่ะและการขนส่งทางรถไฟก็คือสะดวกแบบสุดครอบคลุมทุกพื้นที่ แถมยังเป็นแหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหารชื่อดังของญี่ปุ่นหลายร้านก็อยู่ในโตเกียวเหมือนกัน ที่เที่ยวก็มีทั้งแหล่งช้อปปิ้ง สวนสนุก ธรรมชาติ วัมนะธรรม พระราชวัง วัด ศาลเจ้า แม่น้ำ ภูเขา เพียบมากกกก เดี๋ยวมาดูกันว่า YouTrip จะแนะนำที่ไหนในโตเกียวบ้าง
1. วัดเซนโซจิ หรือ วัดโคมแดง (Sensoji Temple)
คุ้นตากันแน่นอนกับวัดโคมแดงเพราะถ้าพูดถึงญี่ปุ่นก็ต้องพูดวัดทรง ๆ นี้อ่ะเนาะ ที่นี่เป็นวัดทางพุทธขนาดใหญ่ที่สุดของโตเกียวในย่านอาซากุสะเลย (วัดมีอีกชื่อนึงว่าวัดอาซากุสะด้วยนะ) ภายในเป็นที่ประดิษฐานของเจ้าแม่กวนอิมซึ่งเป็นเทพของความเมตตาคนที่นิยมมาขอพรกันมากเลย โดยเฉพาะคนไทยแทบจะทุกคนต้องมาแวะที่นี่ไหว้พระขอพร แล้วก็เป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตด้วย แถมข้างวัดจะมีถนนนากามิเสะซึ่งเป็นถนนยาวเข้าสู่ภายในวัดมีร้านค้าเยอะมากทั้งอาหารแล้วก็ของที่ระลึกแบบญี่ปุ่น ๆ ด้วย
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : 06.00 – 17.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟลงที่สถานี Asakusa Station ได้เลย จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 5 นาทีเข้าสู่ตัววัด
2. โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower)
สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่เป็นแลนด์มาร์คตลอดกาล อยู่ใจกลางเมืองเรียกได้เป็นสัญลักษณ์ของโตเกียวเลยก็ได้ เขาเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวได้แบบ 360 องศา เห็นโตเกียวแบบมุมกว้าง ๆ เห็นบอกว่าวันไหนฟ้าโปร่ง ๆ สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ด้วยแหละ จุดชมวิวจะมี 2 ระดับความสูงคือ 150 เมตรและ 250 เมตร ส่วนด้านบนสุดของโตเกียวทาวเวอร์จะเป็นหอส่งสัญญาณวิทยุและโทรทัศน์ ใครเห็นภาพแล้วเอ๊ะใจว่านี่คือหอไอเฟลรึเปล่าก็ไม่ต้องแปลกใจไปนะ เพราะว่าเขาก็ได้แรงบัลดาลใจมาจากหอไอเฟลประเทศฝรั่งเศสนั่นแหละ ใครอยากลุ้นดูภูเขาไฟฟูจิจากโตเกียวก็แนะนำตอนกลางวัน ส่วนใครอยากให้แสงสีของโตเกียวมาตอนกลางคืนเลย สวยมาก!
ค่าเข้าชม : Main observatory ผู้ใหญ่ 1,200 JPY / เด็ก 500 JPY
Top Deck observatory ผู้ใหญ่ 2,800 JPY / เด็ก 1,200 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 09.00 – 23.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟ Metropolitan Subway Oedo Line ลงสถานี Akabanebashi Station ออกประตู Akabanebashi เเล้วเดินต่ออีก 5 นาที
3. ย่านชิบูย่า (Shibuya)
มาจ้าาาา ที่เที่ยวญี่ปุ่น 2024 จะไม่มีชิบูย่าได้ไงอ่ะมาญี่ปุ่นทั้งที่อ่ะเนาะ ใครติดซีรี่ย์ญี่ปุ่น Alice in Borderland เหมือนกันก็คือจะอินเป็นพิเศษ 555 เพราะโลเคชั่นอยู่ที่ชิบูย่าเต็ม ๆ เลย ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือทางม้าลายใหญ่ห้าแยกชิบูย่าที่มีคนข้ามถนนตลอดทั้งวันจนกลายเป็นจุดแลนด์มาร์คสำคัญของชิบูย่า และที่จุดถ่ายรูปที่ได้รับความนิยมมากอีกด้วย ต่อมาก็คือการเป็นแหล่งช้อปปิ้งด้านแฟชั่นแล้วก็มีศูนย์การค้าทันสมัยหลายที่ทั้งเสื้อผ้าแฟชั่น ร้านอาหาร บาร์ ไนท์คลับ เรียกได้ว่าชิบูย่าไม่เคยหลับไหลเลยจริง ๆ บางร้านเปิด 24 ชั่วโมงก็มีอยู่ได้ทั้งวันทั้งคืน ใครขาช้อปขาเที่ยวต้องไม่พลาดมาชิบูย่า
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : สามารถนั่งรถไฟมาลงที่สถานี Shibuya ได้เลย มีรถไฟหลายสายที่ผ่านเช่น JR: Yamanote Line, Chuo Line, Saikyo Line, Shonan-Shinjuku Line
4. ย่านฮาราจุกุ Harajuku
ฮาราจุกุก็เป็นอีกย่านท่องเที่ยวยอดนิยมเช่นกัน มีทั้งแหล่งช้อปปิ้ง แหล่งวัฒนธรรมและธรรมชาติอยู่ในย่านนี้ใจกลางเมืองกันเลย จุดเที่ยวสำคัญ ๆ ในฮาราจุกุก็มีหลายที่มาก เช่น สถานีรถไฟ Harajuku Station เป็นสถานีสำหรับรถไฟสาย JR Yamanote Line สถานีสร้างจากอิฐและไม้สไตล์ญี่ปุ่น ถือเป็นสัญลักษณ์ของฮาราจุกุเลยล่ะ อีกทีคือศาลเจ้าเมจิ เป็นศาลเจ้าชินโตขนาดใหญ่กิจกรรมฮิตคือการเขียนข้อความลงบนแผ่นไม้ Ema เพื่อขอพร ข้างในมีสวนป่าด้วยนะ และแน่นอนที่พลาดไม่ได้คือแหล่งช้อปปิ้งอย่าง Takeshita Street ที่ได้ชื่อว่าเป็นถนนแฟนชั่นญี่ปุ่นขนานแท้ เต็มไปด้วยร้านเสื้อผ้าแฟชั่นและชุดคอสเพลย์
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี (ร้านค้าส่วนใหญ่จะเปิด 10.00 – 20.00 น.)
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR Yamanote Line ลงสถานี Harajuku ได้เลย
5. ตลาดปลาสึกิจิ (Tsukiji Fish Market)
หนึ่งในตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีการซื้อขายสินค้าจากทะเลกว่า 2,000 ตัน/วัน ใช่แล้วทุกคนต่อวันเลยจ้า ใหญ่มาก ๆ ตลาดจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือด้านนอกเป็นร้านค้าปลีกและร้านอาหารนักท่องเที่ยวอย่างเรา ๆ ก็ทานอาหารกันโซนนี้แหละ ใครอยากทานปลาดิบสด ๆ แบบเพิ่งตกขึ้นจากทะเล ซูชิอร่อย ๆ ต้องไม่พลาด สดจริงจัง นอกจากอาหารทะเลแล้วยังมีผลไม้ญี่ปุ่นน่ากิน ๆ เยอะเลย ที่เห็นฮิตก็เป็นเมลอนหวานฉ่ำนี่แหละ หรือพวกผลไม้แบบเสียบไม้สตอเบอร์รี่ลูกโต ๆ อะไรแบบนี้ ร้านดังมีอยู่เพียบอย่างไข่ม้วนชื่อดังร้าน Yamacho แค่ยืนดูเขาทำก็สนุกแล้ว หรือจะร้าน Matcha Stand Maruni ชาเขียวญี่ปุ่นแท้ ๆ ที่โชว์การชงชาสด ๆ หน้าร้านเลย เรียกได้ว่าใครเป็นสายกินมาทีพุงแตกแน่นอน
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : 03.00 – 14.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดิน Oedo Subway Line ลงที่ Tsukiji Shijo Station จากนั้นเดินต่ออีก 3 นาที
6. สวนสนุก Tokyo Disneyland และสวนสนุกธีมทะเล Tokyo DisneySea
ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ปฏิเสธไม่ได้เลยจริง ๆ ว่าต้องมาดิสนีย์แลนด์อ่ะ เข้าได้ทุกเพศทุกวัยจริง ๆ แต่เขาจะมี 2 โซนเดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังว่าต่างกันยังไง เริ่มที่ Tokyo Disneyland ก่อน โซนนี้จะให้ความเป็นดิสนีย์มากกว่า มีความปราสาทหลังใหญ่ได้ฟีลเจ้าหญิงได้กระโปรงยาวเดินหมุนตัวร้องเพลงไรงี้อ่ะ มีความเทพนิยายม๊ากกก แล้วก็จะมีเครื่องเล่นที่อยู่ในการ์ตูนดิสนีย์เช่น สโนว์ไวท์ผจญภัย ซินเดอเรลล่าส์แฟรี่เทลฮอลล์ เครื่องเล่นพร้อมตัวการ์ตูนแสนน่ารักที่คุ้นเคย และขบวนพาเหรดจากเหล่าตัวละครดิสนีย์ รองเล่นเต้นกันสุด
ส่วน Tokyo DisneySea เป็นส่วนสนุกธีมทะเลแห่งเดียวของโลก มีความแปลกใหม่กว่าเน้นการผจญภัยเต็ม ๆ ไฮไลท์เป็น ภูเขาไฟโพรมีธีอุส ส่วนเครื่องเล่นหลัก ๆ จะอิงจากหนังแนวแอคชั่นของดิสนีย์ เช่น นเดียนาโจนส์ แอดเวนเจอร์ : วิหารกะโหลกแก้ว เกาะธีมแนวอารยธรรมโบราณที่สาปสูญ อะไรแบบนี้ เหมาะกัยสายลุย ๆ ส่วนใครเป็นสาวน้อยเขาก็มีโลกของเงือกแอเรียล จากเงือกน้อยผจญภัยด้วยจ้า ใครเป็นสายไหนเลือกเลอ
ค่าเข้าชม :สำหรับ 1 วัน ผู้ใหญ่ ราคา 7,900 JPY / เด็ก 4,700 JPY (ทั้ง 2 โซน ราคาเท่ากันแต่ต้องซื้อตั๋วแยก)
เวลาเปิด-ปิด : 09.00 – 21.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย JR Yamanote Line ลงที่สถานี Maihama Station จากนั้นเดินต่อ 5 นาที
ที่เที่ยวโอซาก้ายอดฮิตที่ห้ามพลาด
ต่อกันที่เมืองฮิตอีกเมืองอย่างโอซาก้าเมืองที่เต็มไปด้วยสีสันและสถานที่เที่ยวครบทุกแนวไม่แพ้โตเกียวเลยทั้งวัดญี่ปุ่น สถาปัตยกรรม สวนสนุกระดับโลก แหล่งช้อปปิ้ง แถมอาหารคือสุดยอด มีอาหารท้องถิ่นอร่อย ๆ เพียบ ใครสายกินนี่บอกเลยห้ามพลาด สำหรับจังหวัดโอซาก้าจะอยู่ในภูมิภาคคันไซอยู่ตรงกลางของเกาะฮอนชูพอดี๊ดีแถมเป็นจังหวัดที่มีขนาดเล็กเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่นด้วยนะ แต่ถึงจะเล็กแต่กลับมีประชากรอาศัยอยู่มากเป็นอันดับ 2 รองจากโตเกียวเลย ฉะนั้นคึกครื้นไม่เหงาแน่นอน
7. ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)
สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นอันดับหนึ่งของโอซาก้าที่ต้องมาแหละไม่งั้นเหมือนมาไม่ถึงอ่ะบอกเลย ปราสาทอลังการใหญ่โตถึง 8 ชั้น ล้อมด้วยกำแพงหิน คูน้ำ และมีสวนนิชิโนมารุด้วยรวม ๆ แล้วพื้นที่ใหญ่มากกก ที่นี่ได้รับความนิยมอยู่ตลอดนะแต่จะฮอตมาเป็นพิเศษช่วงฤดูใบไม้ผลิเพราะว่าสวนนิชิโนมารุเป็นสวนที่มมีต้นซากุระกว่า 600 ต้นจ้า เวลาซากุระบานพร้อมกันคืออื้อหื้อ เพิ่มความสวยงามให้ปราสาทไปอีก เอาเป็นว่าใครมาโอซาก้าอย่าลืมแวะมาชมความงามของปราสาทโอซาก้ากันนะ
ค่าเข้าชม : เดินรอบ ๆ ฟรี ด้านในปราสาทผู้ใหญ่ 600 JPY เด็กนักเรียนเข้าฟรีจนถึงช่วงมัธยมต้น
เวลาเปิด-ปิด : 09.00 – 17.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR ลงสถานี Morinomiya จะใกล้ที่สุด จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 20 นาที
8. สะพานแขวนโฮชิโนะบุรังโกะ (Hoshi no Buranko)
สะพานแขวนขนาดใหญ่ยาว 280 เมตร ไปเดินเล่นชมวิวธรรมชาติกัน ไม่ได้มีความหวาดเสียวใด ๆ นะเดินข้ามเพลิน ๆ ได้ พื้นปูด้วยไม้กระดานแข็งแรงแน่นอน ไฮไลท์ของที่นี่คือการได้ชมวิวแบบ 360 องศาจากบนสะพานแขวน ช่วงพีคคือฤดูใบไม้เปลี่ยนสีพฤศจิกายนถึงช่วงต้นธันวาคม ระหว่างทางก่อนถึงสะพานมีจุดปีนผาและที่ปิคนิคด้วยนะ ใครหาที่เที่ยวแบบชิล ๆ เดินเล่นชมนกชมไม้มาได้เลย
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : 09.15 – 17.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟ Keihan สาย Katanosen มาลงที่สถานี Kisaichi แล้วเดินทะลุเส้นทางเดินป่าเข้ามาอีกประมาณ 40 นาที
9. ย่านโดทงโบริ (Dotonbori)
ย่านช้อปปิ้งที่ฮิตที่สุดในโอซาก้า แม้จะไม่ใช่แหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่เหมือนที่อื่น ๆ แต่ก็คึกคักไปด้วยผู้คนและร้านค้าอย่างหนาแน่น โดยเฉพาะช่วงค่ำคนจะเยอะเป็นพิเศษและเต็มไปด้วยแสงสีเสียงจากป้ายไฟโฆษณาต่าง ๆ ที่อยู่บนตึก ย่านโดทงโบริยังเป็นถนนที่อยู่เลียบคลองโดทมโบริอีกด้วยนะเห็นมีบริการล่องเรือชมวิวด้วยแหละ แต่ที่เป็นไฮไลท์ใครมาก็ต้องถ่ายรูปคือป้ายไฟกูลิโกะสุดดังนั้นเอง อยู่บริเวณสะพานเอบิซู และที่นี่ยังมีอาหารขึ้นชื่อของโอซาก้าให้ลองชิมเพียบเลยนะ ทั้งปูยักษ์ ราเม็งต้นตำรับสูตรเด็กของโอซาก้า
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ร้านค้าเปิดประมาณ 10.00 – 22.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟได้หลายสายทั้ง Subway Midosuji ,Sennichimae และYotsubashi Line ลงที่สถานี Namba แล้วเดินอีกประมาณ 10 นาที
10. ย่านชินเซไก (Shinsekai)
ที่เที่ยวญี่ปุ่น 2024 สำหรับสายเที่ยวกลางคืน ร้านกินดื่มยามดึกเพียบเลย ชี้พิกัดให้นิดนึงว่าจะมีถนนเล็ก ๆ แคบ ๆ ชื่อว่า จันจัน โยโกะโช เป็นแหล่งรวมร้านกินดื่มที่คนญี่ปุ่ชอบมาก คึกคักสุด ๆ ด้วยเพราะเขาจะเปิดไฟร้านเรียกแขกแข่งกันแบบสุด มีร้านอาหารร้านขนมร้านกับแกล้มแบบโอซาก้าให้ลองร้านหลายเลย ใครสายดื่มลองแกล้ง ๆ เดินไปดูนะ อาจจะได้กลับเช้าเลย ฮ่า ๆ หรือใครไม่ใช่สายดื่มแนะนำให้มาลองร้านอาหารท้องถิ่นได้ เขาได้ทุกร้านเลยอร่อยหมด แต่ทีเด็กคือพวกของทอดเสียบไม้ มีทั้งเนื้อไก่ วัว ฟักทอง หน่อไม้ กล้วย ไอศครีม ฯลฯ
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ร้านค้าเริ่มเปิดประมาณ 11.00 – 23.00 น. หรือบางร้านก็เปิดตลอด 24 ชม.
การเดินทาง : สามารนั่ง Subway สาย Midosuji หรือ Tanimachi ก็ได้มาลงที่สถานี Dobutsuen-mae แล้วเดินต่อ 5 นาที
11. ตลาดคุโรมง (Kuromon Ichiba Market)
ตลาดเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโอซาก้าที่ได้ฉายาว่าเป็นครัวของโอซาก้าเลยทีเดียวนะ มีร้านค้ามากมายกว่า 160 ร้าน ทั้งของสดและร้านปรุงพร้อมทาน อาหารว่าง ของกินเล่น ของพื้นเมือง ตลาดเป็นทางเดินเล็ก ๆ ประมาณ 600 เมตร ที่นี่เน้นขายอาหารทะเลมีทั้งแบบสด ใครอยากกินซาชิมิสด ๆ ซูชิปั้นใหม่ ๆ เมนูหอยนางรมตัวใหญ่ ๆ แนะนำให้มาแต่เช้าเลย ส่วนใครไม่กินดิบก็มีเมนูปรุงสุกอย่างปลาไหลย่าง หมึกย่าง กุ้งเทมปุระ อะไรแบบนี้แต่อร่อยแน่นอนเพราะของสดมาก นอกจากนี้ก็ยังมีพวกผลไม้ตามฤดูกาลอย่างแอปเปิ้ล สตอเบอร์รี่ กีวี่ เมล่อน ราคาถูกและสดมาก ๆ
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : 09.30 – 18.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Sakaisuji Line ลงที่สถานี Nippombashi ใช้ทางออก 10
12. สวนสนุก Universal Studios Japan
สวนสนุกในฝันของใครหลายคนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ฮิตติดอันดับโลกไปแล้วกับ Universal Studios Osaka เพราะว่ามีสวนสนุกและตัวละครจากหนังเรื่องดังอย่าง Harry Potter อย่าง he Wizarding World of Harry Potter แต่ทำใจหน่อยนะสำหรับแฟน ๆ เพราะคนเยอะอยู่ตลอดเลย ไปแล้วอาจจะต้องรอคิวกันนานหน่อย แต่คุ้มค่าแน่นอนเพราะเหมือนได้เข้าไปในโลกเวทมนต์จริง ๆ ทั้งป่าทั้งห้าม สถานีรถไฟคิงส์ครอส ชานชลา 9 ¾ หมู่บ้านฮอกส์มี้ด บลา ๆ อย่าลืมซื้อผ้าคลุมและไม้กายสิทธ์ใส่ระหว่างเที่ยวเดียวนะ ได้ฟีลมาก นอกจากนี้ก็ยังโซนจากหนังดังเรื่องอื่นเพียบเช่น Minion, Spiderman และที่เที่ยวญี่ปุ่นเปิดใหม่โซนใหม่อย่าง Super Nintendo World เป็นต้น
ค่าเข้าชม : บัตรแบบ 1 วัน ผู้ใหญ่ 8,400 JPY / เด็ก 5,400 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 08.30 – 21.00 น.
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย JR Osaka Loop Line มาที่สถานี Nishikujo จากนั้นเปลี่ยนสายไปขึ้น JR Yumesaki Line มาลงที่สถานี Universal City ได้เลย
ที่เที่ยวเกียวโตยอดฮิตที่ห้ามพลาด
มาต่อกันกับ ที่เที่ยวญี่ปุ่น 2024 กับเมืองเก่าอย่างเกียวโต ใครชอบเที่ยวแบบชมศิลปะซึมซับวัฒนธรรมญี่ปุ่นแนะนำให้มาเกียวโตเลยจุใจแน่นอน ด้วยความที่เกียวโตเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นและเคยเป็นที่ประทับของจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นมากกว่า 1,000 ปี เมืองนี้เลยมีวัฒนธรรมและศิลปะญี่ปุ่นเก่าแก่ที่ยังคงอยู่ให้ดูเพียบเลยล่ะ เกียวโตอยู่ในภูมิภาคคิงกิ เป็นเมืองใหญ่ล้อมรอบด้วยภูเขาเป็นส่วนใหญ่
13. วัดทองคินคะคุจิ (Kinkaku-ji)
หนึ่งในสถานที่ไฮไลท์ของเกียวโตและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วยนะเมื่อปี ค.ศ. 1994 สวยงามตามชื่อวัดทองเลยจริง ๆ ตัวปราสาทของวัดเป็นสีทองแบบทองอร่ามตั้งอยู่กลางน้ำ มองมาเป็นเหมือนปติมากรรมชั้นยอดเลยจริง ๆ ใครมาเกียวโตนี่ห้ามพลาด นอกจากนี้บริเวณรอบ ๆ วัดยังมีสวนสไตล์ญี่ปุ่นอยู่รอบเลย ชมความสวยงามของตัววัดแล้วก็เดินเล่นรอบวัดสูดความสดชื่นก็ต้นไม้น้อยใหญ่ได้เลย ร่มรื่นมาก ๆ
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 400 JPY / เด็ก 300 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 09.00 – 17.00 น.
การเดินทาง : สถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดจะเป็น Kitanohakubaicho Station จากนั้นต่อรถหมายเลข 204, 205 ลงป้าย Kinkakujimichi แล้วเดินเข้าวัด
14. ศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอกอินาริ หรือศาลเจ้าแดง (Fushimi Inari Shrine)
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่คุ้นตามาก ๆ อีกหนึ่งที่ ที่คือศาลเจ้าจิ้งจอกเป็นศาลเจ้าชินโต ไฮไลท์คือประตูโทริอิหรือเสาสีแดงที่เรียงตัวกันเป็นแนวยาวเหมือนประตูอยู่หลังศาลเจ้าหลายหมื่นต้นจนสามารถกลายเป็นทางเดินได้ทั้งภูเขาอินาริกันเลยทีเดียว ซึ่งภูเขาอินาริก็เป็นภูเขาที่คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ด้วย โดยเชื่อว่าเทพอินาริเป็นตัวแทนเกี่ยวกับความอุดมสมบูรณ์เรื่องข้าว พืชไร่อะไรแบบนี้ แล้วก็มีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กายนอกจากจะชื่อศาลเจ้าจิ้งจอกแล้วในวัดก็ยังมีรูปปั้นจิ้งจอกอยู่เยอะเลยด้วย
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย JR Nara ลงสถานี JR Inari วัดจะอยู่หน้าสถานีเลย
15. วัดน้ำใส (Kiyomizu-dera Temple)
วัดเก่าแก่ที่สร้างตั้งแต่ปีค.ศ. 780 เป็นอีกวัดที่ดังที่สุดในญี่ปุ่นได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วด้วยเรียบร้อย ซึ่งชื่อวัดน้ำใสนี่ก็มาจากที่วัดมีน้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติไหลผ่านั่นเอง มาจากน้ำตกโอโตวะ และอีกอย่างหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเลยคืออาคารไม้ขนาดใหญ่ที่การสร้างทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่มีตะปูสักชิ้นเลยจ้า! นับเป็นความเก่งกาจด้านภูมิปัญญาของคนญี่ปุ่นสมัยก่อนจริง ๆ เลยอ่ะเนอะ นอกจากอาคารใหญ่ซึ่งเป็นอาคารหลักแล้วในวัดก็ยังมีอาคารอื่น ๆ อีก 9 อาคารเลยนะ ใครชอบงานสถาปัตยกรรมเจ๋ง ๆ โบราณ ๆ แบบนี้จัดด่วน
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 300 JPY / เด็ก 200 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 06.00 – 18.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟ Keihan Railway Line ลงที่สถานี Kiyomizu-Gojo แล้วเดินต่อ 20 นาทีเข้าวัด
16. สวนป่าไผ่ (Arashiyama Bamboo Forest)
ไปเดินเล่นชิว ๆ แบบเย็น ๆ ที่สวนป่าไผ่ชื่อดังของเกียวโตกัน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นแนวธรรมชาติที่เหมาะกับเดินเล่นมากเวอร์ (มาเดทก็ดีนะ) ที่นี่จะมีเส้นทางเดินเล็ก ๆ บรรยากาศแบบป่า ๆ ล้อมไปด้วยต้นไผ่สูงที่สูงแบบสุดลูกหูลูกตา ไม่ต้องกลัวร้อนเลยเพราะแดดได้ดีเวอร์ เดินไปลมพัดมาทีได้กลิ่นหอมไม้ไผ่อ่อน ๆ ธรรมชาติสุด ๆ นอกจากนี้เขาก็มีร้านขายของที่ทำจากไม้ไผ่จำหน่ายด้วยนะ พวกแบบตะกร้าสานไม้ไผ่ ถ้วยไม้ไผ่ กล่องใส่ข้าว อะไรแบบนี้ ซื้อเป็นของฝากติดมือกลับไปนะก็น่ารักดีนะ
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย JR Sagano ลงที่ Saga Arashiyama Station แล้วเดินต่อ 10 นาที
17. ย่านฮิกาชิยาม่า (Higashiyama)
มาเที่ยวแต่ละเมืองก็ต้องไม่พลาดจะไปแหล่งการค้าของเมืองนั้น ๆ แหละเนอะ สำหรับเกียวโตก็ต้องที่ย่านฮิกาชิยาม่าเลย ร้านค้าเยอะมาก มีทุกแนวตั้งแต่ร้านอาหาร ของกินเล่น เสื้อผ้า สินค้าพื้นเมือง ของฝาก ร้านกาแฟ แต่สิ่งที่ทำให้ที่นี่ดึงดูดผู้คนก็คือเสน่ห์ของร้านค้าที่ยังคงเป็นอาคารบ้านแบบเก่าแก่ บ้านไม้โบราณเลยล่ะ มองมาแล้วให้ความรู้สึกเหมือนย้อนยุคกลับไปญี่ปุ่นสมัยก่อนเลย แถมแต่ละร้านก็แต่งร้านได้มีเอกลักษณ์สมเป็นเมืองมรดกโลกจริง ๆ มีร้านเครื่องถ้วยชามแบบ คิโยะมิสุ-ยากิ ซึ่งเป็นถ้วยชามเซรามิกเพนท์ลายญี่ปุ่นแบบเก่าจำหน่ายด้วยนะ ถือเป็นของฝากชั้นดีที่ควรซื้อกลับไปเลย
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : 10.00 – 18.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Hankyu Line มาลงที่สถานี Kawaramachi แล้วเดินต่อประมาณ 15 นาที
18. ศาลเจ้าคิฟุเนะ (Kifune Shrine)
ที่เที่ยวญี่ปุ่น 2024 เหมาะกับคนโสด ฮ่า ๆ ศาลเจ้าเล็ก ๆ บนเขาทางตอนเหนือของเกียวโตเป็นศาลเจ้าชินโตเก่าแก่อายุกว่า 1,300 ปี ขึ้นชื่อเรื่องการขอพรเกี่ยวกับความรัก คนโสดมาที่นี่ก็ขอให้ได้ให้โดนนะ ฮ่า ๆ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่ศาลเจ้าเขาจะมีการจัดงานด้วยชื่อว่า Kibune Momiji-tourou มีการประดับไปตอนกลางคืนตามถนนและช่วงเมืองร่วมไปถึงในศาลเจ้าด้วย ใครอยากมาดูไฟจดไว้ได้เลย กิจกรรมยอดฮิตของการมาเยี่ยมชมศาลเจ้านอกจากขอพรเรื่องความรักแล้วยังมีเซียมซีลอยน้ำ หรือ Omikuji มันคือกระดาษเซียมซีเปล่า ๆ ที่ไม่มีตัวหนังสืออะไรเลย ต้องเอาไปลอยน้ำเพื่อให้ตัวหนังสือปรากฏออกมา เป็นไง เริ่ดนะ แถมไม่ต้องกลัวอ่านไม่ออกเพราะมี QR Code แปลภาษาอังกฤษไว้ให้ด้วย ส่วนจุดถ่ายรูปฮิตก็คือบันไดหินทางขึ้นที่มีเสาโคมไฟสีแดงเรียงแถวยาวนั่นเอง ใครแวะมาห้ามพลาดถ่ายรูปที่จุดนี้เลย
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : 06.00 – 20.00 น.
การเดินทาง : จากสถานีเกียวโต Kyoto Station ขึ้นรถไฟ Eizen Electric Railway สาย Kurama Line มาลงสถานี Kibune-Guchi Station และขึ้นรถบัสมาลงที่ Kibune
ที่เที่ยวฮอกไกโดยอดฮิตที่ห้ามพลาด
พูดถึงฮอกไกโดนี่อดคิดถึงเรื่องอาหารไม่ได้เนอะ เพราะฮอกไกโดเป็นเกาะขนาดใหญ่อยู่ทางเหนือสุดของญี่ปุ่นเลย อากาศเย็นสบาย ๆ ทั้งปี แต่นอกจากเรื่องของอาหารแล้วฮอกไกโดยังเป็นมีเที่ยวเยอะไม่แพ้เมืองอื่นเลยนะ และด้วยความที่เป็นเกาะแบบนี้บอกเลยธรรมชาติสวยงามสุด ฤดูหนาวจะเป็นฤดูที่มีนักท่องเที่ยวไปเยอะมากที่สุดของปีเลย เขาว่ากันว่าเวลาหิมะตกที่ฮอกไกโดเนี้ยเหมือนเมืองในเทพนิยายเลยแหละ เดี๋ยวมาดูกันว่าฮอกไกโดจะมีสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นอะไรน่าไปเยือนบ้าง
19. ริมคลองโอตารุ (Otaru Canal)
แลนด์มาร์คสำคัญของเมืองโอตารุอยู่ใจกลางเมืองเลยแหละหาง่ายสุด ๆ แต่ก่อนตรงนี้เป็นท่าเรือคึกคักมากมีการค้าขายสินค้าอยู่ตลอดในช่วงศตวรรษ 20 รอบ ๆ ก็เป็นโกดังสินค้า เวลาผ่านไปช่วงยุค 80 ก็มีการพัฒนาบูรณะให้สวยงามมากขึ้นจนเป็นที่ท่องเที่ยวได้ โกดังเดิมมีการปรับเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ ทำร้านค้าร้านอาหาร ปัจจุบันนี้ก็กลายเป็นที่เดินเล่นยามเย็นของชาวเมือง บางสัปดาห์จะมีศิลปินมาโชว์ผลงานศิลปะด้วย แต่ไฮไลท์อยู่ช่วงกลางคืนตอนท้องฟ้ามืดค่ำแล้วต่างหาก เขาจะมีการจุดโคมไฟก๊าซซึ่งเป็นโคมไฟแบบโบราณด้วยนะ ทำให้ริมคลองโอตารุโรแมนติกสุด ๆ ไปเลย หน้าหนาวนี่ก็จะดเป็นเทศกาลจริงจังเลยชื่องาน Otaru Snow Light Path Festival ลองมากันได้จ้า
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : นั่งรถไฟลงที่สถานี Otaru ได้เลยแล้วเดินต่ออีก 10 นาที
20. บ่อน้ำสีฟ้าแห่งเมืองบิเอะ (Shirogane Blue Pond)
บ่อน้ำสีฟ้าแห่งนี้เกิดจากการสร้างเขื่อนป้องกันภัยจากภูเขาไฟที่ระเบิดครั้งใหญ่เลยเมื่อปี 1988 ก็เลยมีการขุดบ่อและทำเขื่อนกั้นไว้ ซึ่งสีฟ้าที่เราเห็นนี่เกิดจากธาตุคอลลอยด์และธาตุอะลุมิเนี่ยมผสมกันทำให้แสงตกกระทบของเหลวเหล่านี้จนเกิดเป็นสีฟ้าอย่างที่เราเห็นกันนี่แหละ ยิ่งวันไหนแดดแรง ๆ แสงกระทบลงมาก็จะยิ่งฟ้ากว่าเดิมด้วยนะ การชมบ่อน้ำสีฟ้าก็มีทางเดินให้แวะถ่ายรูปได้และจะกั้นด้วยรั้วไม้ ไม่อนุญาตให้ลงเล่นน้ำ เอามือจุ่มใด ๆ ทั้งสิ้นนะ ฉะนั้นห้ามซน ส่วนใครมาหน้าหนาวจะไม่ได้เห็นน้ำสีฟ้านะเพราะน้ำจะกลายเป็นน้ำแข็งแต่ก็มีการประดับไฟที่ต้นไม้กลางนำ้ก็สวยไปอีกแบบเหมือนกัน
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : 07.00 – 19.00 น. (หน้าหนาวเปิดถึง 21.30 น.)
การเดินทาง : นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Asahikawa จากนั้นต่อรถบัส Dohoku Bus ลงที่ป้าย Shirogane blue pond ได้เลย
21. ทะเสาบโทยะ (Lake Toya)
อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองซัปโปโรล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติ มีภูเขาไฟ Usu ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับด้วยนะ แถมบริเวณตรงกลางของทะเสสาบยังมีเกาะชื่อว่า Nakajima สามารถไปเที่ยวได้ด้วย ส่วนบริเวณรอบ ๆ ทะเลสาบก็สามารถทำกิจกรรมได้เยอะนะ อย่างเดินชมวิว ปั่นจักรยาน ล่องเรือชมทะเลสาบ แช่ออนเซ็น เดินป่า ส่วนใครที่มาเดือนเมษายนถึงตุลาคมเขาจะมีจุดดอกไม้ไฟชื่อว่า Lake Toyako Long Run Fireworks สวยมากกก ใครอยากดูใกล้ ๆ ก็มีเรือให้บริการตอนกลางคืนด้วย
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR ลงสถานี Toya Station จากนั้นต่อรถบัสไปลงที่ป้ายทายาโกะออนเซ็นได้เลย
22. หุบเขานรกจิโงคุดานิ (Jigokudani Noboribetsu)
เห็นชื่อแล้วอย่าเพิ่งกลัวนะ ใจเย็นก่อน ที่นี่เขาได้ฉายาว่าเป็น Hell Valley ที่จริงเรียกว่าเป็นหุบเขาที่สวยใช้ได้เลยนะ แถมใครชอบเดินเขาเดินป่าก็น่าจะชอบแหละเพราะมีเส้นทางตามหุบเขาให้เดินไต่เนินขึ้นไปด้วยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ใครอยากเดินขึ้นพกรองเท้าผ้าใบมาด้วยนะ ที่สำคัญที่นี่มีบ่อน้ำร้อนในลำธารด้วยมีแร่กำมะถันอย่างดีเลยล่ะ อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส กำลังน่าแช่น้ำเลยเนอะ ซึ่งบ่อน้ำร้อนเนี้ยมีให้เห็นได้ตลอดทางเลยนะสามารถเอาเท้าแช่ได้ ช่วงพีคอยู่ที่ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีมาชมใบไม้เปลี่ยนเป็นสีส้มกันได้นะ
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : ขึ้น JR ไปยังสถานี Noboribetsu จากนั้นให้ต่อรถบัส Donan bus ไปลงที่ป้าย Noboribetsu Onsen
23. โจซังเคออนเซ็น (Jozankei Onsen)
ไปออนเซ็นกันหน่อยดีกว่าที่นี่ถือว่าเป็น ที่เที่ยวญี่ปุ่น 2024 และเป็นการไปออนเซ็นแบบสะดวกมากเลยนะเพราะว่าอยู่ในอุทยานแห่งชาติชิโกะซุ โทยะ ในซัปโปโรเดินทางแค่ชั่วโมงเดียวถึงเลย โจซังเคเป็นหมู่บ้านออนเซ็นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก มีโรงแรมเยอะเลยที่สามารถมาแช่ออนเซ็นได้โดยไม่ต้องค้างคืน แถมที่นี่ยังมีต้นน้ำที่เป็นน้ำธรรมชาติจริง ๆ อยู่เหนือขึ้นไปด้วยนะ ทำให้เมืองนี้ค่อนข้างอุดมสมบุรณ์เลยล่ะ เอาเป็นว่าวันไหนอยากพักผ่อนแบบสบาย ๆ ก็มาแช่ออนเซ็นอุ่น ๆ สักหน่อยให้คลายเมื่อยได้เหมือนกัน
ค่าเข้าชม : รอบ ๆ หมู่บ้านเข้าฟรี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : นั่งรถบัสที่ Sapporo Station Bus Terminal ให้ขึ้นรถ Jotetsu Bus เบอร์7,8 ไปลงที่ Jozankei Onsen ได้เลย
24. หอคอยโกเรียวคาคุ (Goryokaku Tower)
หนึ่งในจุดท่องเที่ยวไฮไลท์ของเมืองฮาโกดาเตะ จุดชมวิวที่สวยมากอีกทีหนึ่งของเมืองฮาโกดาเตะเลยก็ว่าได้ แนะนำให้มาช่วงซากุระบานที่นี่มีต้นซากุระเยอะเลยมองมาจากข้างบนสวยมาก ๆ ดอกไม้บ้านสะพรั่งกับท้องฟ้าแจ่มใสมันจับใจสุด ๆ และที่พลาดไม่ได้อีกอย่างเมื่อมาที่นี่ก็คือป้อมโงเรียวกาคุ หรืออีกชื่อคือป้อมดาว 5 แฉก เป็นพื้นที่ในการวางปีนใหญ่ตั้งแต่สงครามสมัยยุคเอโดะ ซึ่งต้องมองลงมาจากมุมสูงนะถึงจะเห็นเป็นดาว 5 แฉก ต่อมาก็ถูกดัดแปลงให้เป็นสวนสาธารณะมีการปลูกซากุระกว่าร้อยต้นเลยทีเดียว ที่นี่เลยเป็นอีกที่ที่ป๊อปมากช่วงซากุระบานนั่นเอง
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 900 JPY / เด็ก 450 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 09.00 -18.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR ลงสถานี Hakodate จากนั้นต่อรถรางสาย 2 หรือ 5 ไปลงที่ Goryokaku Koen Mae แล้วเดินต่ออีก 10 นาที
ที่เที่ยวยามานาชิยอดฮิตที่ห้ามพลาด
มาต่อ ที่เที่ยวญี่ปุ่น 2024 กันที่จังหวัดยามานาชิ จังหวัดที่มีภูเขาไฟฟูจินั่นเอง พูดงี้ต้องร้องอ้อแน่นอนแม้ว่าชื่อจังหวัดจะไม่คุ้นหูเนอะ ที่นี่อากาศดี มีทะเลสาบ น้ำใส ไวน์เริ่ด และด้วยความที่อยู่ห่างจากโตเกียวแค่ 2 ชั่วโมงดังนั้นจังหวัดยามานาชิควรค่าที่จะเก็บเข้าเป็นลิสต์หนึ่งในที่เที่ยวญี่ปุ่นในทริปนี้เลยล่ะ ยามานาชิอยู่ในภูมิภาคชูบุ พื้นที่ส่วนเป็นภูเขาสูง ต้นไม้เยอะมากเป็นอีกหนึ่งจังหวัดไฮไลท์ช่วงฤดูใบไม้ร่วงเลย
25. ภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji)
ที่เที่ยวญี่ปุ่นยอดฮิตของดีประจำยามานาชิภูเขาไฟฟูจิได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกปี 2013 มีความสวยงามและสำคัญต่อธรรมชาติมาก ความสูงเหนือระดับน้ำทะเลอยู่ที่ 3,776 เมตร และแน่นอนว่ากิจกรรมยอดฮิตนอกจากมาถ่ายรูปแล้วก็คือปีนภูเขาไฟฟูจิ! ใครสายเทรลต้องมาลองนะบอกเลย โดยเขาจะเปิดให้ขึ้นไปได้เฉพาะช่วงเดือนกรกฏาคมถึงต้นเดือนกันยายนของทุกปีเท่านั้น ซึ่งคนส่วนมากจะนิยมปีนกันที่ Fuji Subaru Line 5 ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมงไปถึงยอดเขา ส่วนใครไม่ใช่สายเทรลก็ไปถ่ายรูปสวย ๆ เป็นที่ระลึกได้จ้า
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี (ปีนเขาได้เฉพาะช่วงเดือนกรกฏาคมถึงต้นเดือนกันยายน)
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR ไปลงที่สถานี Kawaguchiko จากนั้นต่อรถบัสไปที่ Fuji Subaru Line 5th Station ถ้าขึ้นเขาได้เลย
26. เจดีย์ชูเรโตะ (Chureito Pagoda)
สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นในตำนานที่จะต้องเห็นภาพอยู่ในโปสเตอร์ท่องเที่ยวญี่ปุ่น ทัวร์ญี่ปุ่น หรือในหนังสือเรียนก็มี ที่นี่คือเจดีย์ชูเรโตะ เจดีย์ 5 ชั้นที่อยู่บนเนินเขาอยู่ในศาลเจ้าอาราคุระเซนเกน ไฮไลท์ของที่นี่คือจุดชมวิวที่สวยที่สุดสวยแบบตะโกนนั่นก็คือวิวของภูเขาไฟฟูจิที่จะมีเจดีย์ชูเรโตะอยู่ข้าง ๆ นั่นเอง โดยจะต้องขึ้นบันไดกว่า 400 ขั้นนะจ๊ะกว่าจะได้เห็นวิวนี้ แต่หายเหนื่อนแน่นอนเพราะได้วิวสวย ๆ เป็นอาหารตาอาหารใจสุดคุ้มค่า ช่วงที่สวยที่สุดคือช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกดินและฤดูใบไม้ผลิ
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : 09.00 – 16.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย Chuo Line ไปลงที่สถานี Otsuki จากนั้นเปลี่ยนสายรถไฟเป็น Fujikyu Railway แล้วลงที่สถานี Shimo-Yoshida เดินต่ออีกประมาณ 20 นาทีถึงจุดชมวิว
27. ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko)
ที่นี่เป็นหนึ่งในทะเลสาบที่เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟฟูจิจากลาวาที่กระจายตัวออกมาปิดกั้นพื้นเดิมเก่าแต่เดิมเคยเป็นแม่น้ำจนกลายมาเป็นทะเลสาบที่เที่ยวแสนสวยทุกวันนี้ วิวไฮไลท์เลยคือทะเลสาบคาวากุจิโกะที่มีภูเขาไฟฟูจิเป็นแบล็คกราว หรือใครอยากชมวิวจากมุมสูงก็มีกระเช้าขึ้นภูเขาเทนโจ Kawaguchiko Mt. Fuji Panorama Ropeway มีจุดชมวิวแบบ 360 องศา ด้านบนมีตัวการ์ตูนญี่ปุ่นชื่อดัง Kachi Kachi Yama ด้วย แนะนำให้มาช่วงซากุระบานหรือฤดูใบไม้ร่วงนะ จะได้เห็นวิวแบบในภาพนี้เลย
ค่าเข้าชม : ไม่มี (กระเช้าคนละ 900 JPY (ไป-กลับ))
เวลาเปิด-ปิด : 09.00 -16.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR ลงสถานี Kawaguchiko จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
28. ทะเลสาบยามานากะโกะ (Lake Yamanakako)
อีกหนึ่งทะเลสาบที่เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟฟูจิเช่นกัน ที่นี่คือทะเลสาบยามานากะโกะซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาทะเลสาบรอบภูเขาไฟฟูจิเลยล่ะ กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่เป็นไฮไลท์และถูกพัฒนาให้มีเรียวกัง โรงแรม ออนเซ็นมากมายเลย ที่โดดเด่นเลยคือเรือนำเที่ยวรูปหงส์ขาว น่ารักน่าขึ้นมาก ๆ ที่เป็นหงส์ขาวเพราะว่าทะเลสาบนี้มีหงส์อยู่เยอะนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์อีกอย่างคือ Diamond Fuji เป็นปรากฏการที่พระอาทิตย์จะขึ้นตั้งตรงกับภูเขาไฟฟูจิพอดีแบบตรงกลางเลยสามารถชมปรากฏการณ์นี้ได้ในช่วงกลางเดือนตุลาคมและต้นเดือนกุมภาพันธ์
ค่าเข้าชม : เฉพาะจุดชมวิวเข้าฟรี
เวลาเปิด-ปิด : จุดชมวิวเปิดตลอดเวลา
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JRลงสถานี Kawaguchiko จากนั้นนั่งรถบัสไปลงที่ Yamanakako Ashigaoka จะเป็นจุดที่ใกล้จุดชมวิวมากที่สุด
29. หมู่บ้านน้ำใส โอชิโนะฮักไก (Oshino Hakkai)
มาเดินเที่ยวเดินกินในหมู่บ้านใกล้ ๆ ภูเขาไฟฟูจิบ้างดีกว่า ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ น่ารักมาก เหมือนหมู่บ้านในการ์ตูนเลย เดิมที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ของทะสาบรอบ ๆ ภูเขาไฟฟูจิเนี้ยแหละแต่หลายปีผ่านไปน้ำก็แห้งหายไปโดยธรรมชาติ ตอนนี้ก็เลยจะเหลือบ่อน้ำอยู่ 8 แห่งแล้วน้ำก็ใสมาก ใสสมชื่อหมู่บ้านเลยล่ะ น้ำสามารถดื่มได้ด้วยเป็นน้ำที่ละลายมาจากหิมะบนภูเขามีแร่ธาตุด้วย แถมคนญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ด้วย ใครดื่มแล้วจะอายุยืนยาวอะไรแบบนี้ ไฮไลท์อีกอย่างก็คือบ้านไม้ทรงโบราณที่มีฟูจิซังอยู่ด้านหลังนี่แหละส่วนมาก เหมือนอยู่ในยุโรปเลย แล้วก็ยังมีจัดแสดงของโบราณต่าง ๆ ด้วยนะ เช่น อุปกรณ์การเกษตร ชุดเกราะ ดาบซามูไร ฯลฯ
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : 9:00 – 17:00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR ลงที่สถานี Kawaguchiko จากนั้นต่อรถบัสสายไหนก็ได้ที่วิ่งไปทางทะเลสาบยามานากะโกะ
30. สวนสนุกฟูจิคิวไฮแลนด์ (Fuji-Q Highland)
ที่เที่ยวญี่ปุ่น 2024 สำหรับคนชอบความท้าทาย และแล้วก็ถึงเวลาของคนชอบความหวาดเสียว มาดูวิวภูเขาไฟฟูจิแบบใหม่ ๆ กันบ้างดีกว่าที่สวนสนุกฟูจิคิวไฮแลนด์ตั้งอยู่บริเวณทะเลสาบคาวากุจิโกะโด่งดังสุด ๆ เรื่องเครื่องเล่นสุดหวาดเสียวที่สามารถชมวิวฟูจิซังได้ด้วย ซึ่งเครื่องเล่นดับหนึ่งเลยคือ FUJIYAMA The King of Coaster รถไฟเหาะที่ขนาดเครื่องเล่นสูงพอ ๆ กับภูเขาเลยเวอร์วังมาก อันนี้คือห้ามพลาดนะตัวจริงต้องเล่นให้ได้ ฮ่า ๆ ในขณะที่รถไฟเหาะเคลื่อนตัวขึ้น จะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิในมุมกว้างแต่เพียบอึดใจเดี๋ยวนางจะปล่อยเราดิ้งลงมาเทียบเท่ากับอาคารสูง 20 ชั้นด้วยความเร็ว 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เขาจะมีกล้องติดอยู่บนเครื่องเล่นขณะเล่นด้วยนะ ซื้อภาพความประทับใจกลับไปได้ด้วย
ค่าเข้าชม : ค่าเข้าฟรี จ่ายเฉพาะเครื่องเล่นที่จะเล่นได้เลยมีราคาตั้งแต่ 800 – 1,500 JPY
เวลาเปิด-ปิด : แต่ละเดือนจะมีเปิดปิดไม่เหมือนกัน เช็คเวลาได้ https://www.fujiq.jp/en/schedule/
การเดินทาง : สามารถนั่งรถไฟ Limited Express Fuji Excursion ตรงจากชินจุกุถึงฟูจิคิวไฮแลนด์ได้เลย
ที่เที่ยวฟุกุโอกะยอดฮิตที่ห้ามพลาด
คุ้นหูกันดีเนอะกับจังหวัดฟุกุโอกะเมืองใหญ่สุดบนเกาะคิวชูแล้วก็เป็นชื่อของสนามบินด้วย ส่วนใหญ่สถานที่เที่ยวในฟุกุโอกะจะเป็นสถานที่พักผ่อนแบบชิล ๆ มีที่ช้อปปิ้งที่กินเพียบเลยใครมองหาที่เที่ยวแบบต้องการความผ่อนคลายจริง ๆ จังหวัดฟุกุโอกะเป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียว ฟุกุโอกะเป็นจังหวัดหลักของเกาะคิวชูมีพื้นที่ติดกับทะเลด้านเหนือ
31. ศาลเจ้ามิยาจิดาเกะ (Miyajidake Shrine)
แนะนำสถานที่เที่ยวญี่ปุ่น 2024 กับจุดชมพระอาทิตย์ตกสุดฮิตที่นักท่องเที่ยวนิยมมากันมาก ๆ ที่นี่เป็นศาลเจ้าของศาสนาชินโต เอกลักษณ์ของที่นี่คือเชือกชิเมะนะวะอันขนาดใหญ่ซึ่งจะอยู่บริเวณศาลหลัก ส่วนไฮไลท์จุดชมพระอาทิตย์ตกจะอยู่ที่ทางเดินหินที่เหมือนเดินขึ้นมาสุดแล้วหันหลังกลับไปจะได้เห็นวิวพระอาทิตย์ตกดินเป็นทางยาวทอดตกลงไปในทะเล เป็นภาพความสวยงามที่แสนจะประทับใจเลยจริง ๆ
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : 07.00 – 19.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานี Fukuma แล้วต่อรถบัส Nishitetsu สาย 5 มาลงที่ป้าย Miyajidake Miya Mae
32. ศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังกุ (Dazaifu Tenmangu)
เทพเจ้าแห่งการศึกษาในญี่ปุ่น ศาลเจ้านี้มักจะมีเด็กนักเรียนและผู้ใหญ่วัยทำงานมาไหว้สักการะกันเป็นประจำเลย แถมว่ากันว่าส่วนใหญ่มักจะสมปรารถนาด้วยล่ะ ส่วนใหญ่เด็ก ๆ นักเรียนก็จะมาขอพรเรื่องการสอบการเรียน ส่วนวัยทำงานก็มาขอให้การสัมภาษณ์งานผ่านไปได้ด้วยอะไรแบบนี้ ส่วนรอบ ๆ ศาลเจ้าก็บรรยากาศดีร่มรื่นมีดอกบ๊วยสีชมพูสวนงามเป็นไฮไลท์ ใครมีเกณฑ์ต้องวางแผนเรื่องเรียนเรื่องทำงานมีโอกาสไปญี่ปุ่นอย่าพลาดไปขอพรนะ
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : 06.00 – 19.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Tenjin Omuta Line จากสถานี Nishitetsu Fukuoka ไปลงที่สถานี Nishitetsu Futsukaichi จากนั้นเปลี่ยนสายรถไฟไปเป็น Dazaifu Line ไปลงที่สถานี Dazaifu จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที
33. ย่านเมืองเก่าฮากาตะ (Hakata Old Town)
พูดถึงฟุกุโอกะแล้วก็คงหนี้ไม่พ้นความเป็นเมืองเก่า วัด ศาลเจ้าอะไรแบบนี้เนอะ ชวนมาเดินเที่ยวเล่นที่ย่านเมืองเก่าฮากาตะ เสพความเป็นญีปุ่นแบบ 100% กัน โดยสิ่งที่เราจะได้เห็นในย่านนี้ก็จะเจอตั้งแต่ประตูฮากาตะเซนเนนโนะมงซึ่งเขาสร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการต้อนรับสู่ย่านฮากาตะนั่นเอง หรือจะเป็นวัดนิกายรินไซสายไดอย่าง Myorakuji แถมยังเป็นจุดกำเนิดของขนมอุอิโรด้วย หรือจะเป็นที่วัดโทโจจิ มีพระพุทธรูปปางสมาธิทำจากไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นและเจดีย์ห้าชั้นสีแดงเป็นจุดเด่น โดยรวมแล้วย่านนี้เหมาะกับเดินเล่นพักผ่อนไหว้พระ ชมศิลปะแบบญี่ปุ่นชิล ๆ นั่นเอง
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Kuko Line ลง Hakata Station ได้เลย
34. เกาะนาคะสุ (Nakasu Island)
ย่านบันเทิงแห่งฟุกุโอกะเป็น ที่เที่ยวญี่ปุ่น 2024 อีกหนึ่งที่ ๆ เราอยากแนะนำมากเหมือนกัน ตอนกลางคืนจะเต็มไปด้วยร้านค้าข้างทาง มีสีสันเป็นพ่อค้าแม่ค้าที่มักจะมีเอกลักษณ์ในการเรียกแขกเข้าร้านเนี้ยแหละทำให้ย่านนี้คึกคักสุด ๆ เลย ที่นี่มีร้านอาหารและบาร์อยู่รวมกันกว่า 3,500 แห่งแน่นมากแต่ที่เยอะก็คือพวกร้านยะไต หรือร้านรถเข็นนั่นเอง มีอาหารทุกแบบเลยนะตั้งแต่ราเมง ซูชิ อาหารว่าง ไอศครีม ผลไม้ เครื่องดื่ม ฯลฯ ใครชอบเดินกินยามค่ำคืนต้องมาแล้วนะ
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ส่วนใหญ่ร้านจะเปิดตั้งแต่ประมาณ 18.00 – 24.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินสาย kuko ไปลงที่สถานี Narasu Kawabata ได้เลย
ที่เที่ยวนาโกย่ายอดฮิตที่ห้ามพลาด
นาโกย่าเป็นเมืองที่ใหญ่รองจากโตเกียวและโอซาก้า นาโกย่าเป็นเมืองหลวงของจังหวัดไอจิที่อยู่ทางตอนกลางของญี่ปุ่นภูมิภาคชูบุ เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศญี่ปุ่นด้วยนะ แถมเมืองนี้ยังเป็นเมืองอุตสาหกรรมรถยนต์ชื่อดังอย่างโตโยต้าด้วย ดังนั้นที่นี่เลยได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรมและเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในชูบุ เดี๋ยวมาดูว่ามีที่ไหนน่าแวะเที่ยวบ้าง
35. หุบเขาโครังเค (Korankei)
เป็นหุบเขาที่ดังที่สุดในเมืองเลยล่ะเพราะว่าเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีสุดปังแบบเวอร์มากกก ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของวัดโคจาคุจิอีกด้วยนะเลยยิ่งเสริมให้โลเคชั่นดีมากขึ้นไปอีก แนะนำให้มาช่องเดือนพฤศจิกายนจะได้ชมใบเมเปิ้ลเปลี่ยนสีแสนสวยด้วย ส่วนจุดชมที่สวยที่สุดแบบว่ามาแล้วห้ามพลาดคือริมแม่น้ำโทโมเอะ มีสะพานไม้ไทกะสึเคียวสะพานสัญลักษณ์ประจำโครังเค แล้วเขาก็จะมีเทศกาลช่วงเดือนพฤศจิกายนด้วย มีการประดับไฟบนสะพานมีการแสดงดนตรี ใครเข้ามาเก็บข้อมูลไปเที่ยวฤดูใบไม้เปลี่ยนเก็บเข้าลิสต์ด่วน
ค่าเข้าชม : คนละ 300 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 09.00 – 17.00 น.
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟที่สถานี Nagoya ให้นั่งรถไฟสาย Meitetsu Nagoya Line ไปลงที่สถานี Higashi Okazaki Station จากนั้นต่อรถบัส Meitetsu Bus ไปยัง Korankei
36. ปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle)
ไม่พูดถึงไม่ได้นะอันนี้แลนด์มาร์คของนาโกย่าที่ห้ามพลาดไม่งั้นเหมือนมาไม่ถึงนาโกย่าเลยแหละ ตัวปราสาทคือเป็นงานสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นโบราณเลย ตัวอาคารหลังคาสีเขียวโดดเด่นมาก สร้างตั้งแต่ค.ศ. 1610 เลยนะ เก่าแก่มากจริง ๆ แถมยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของชาติด้วยและเป็นจุดชมดอกซากุระอีกแห่งที่สวยมาก ๆ ในเมืองนาโกย่า นอกจากนี้ในบริเวณปราสาทก็ยังมีตำหนักฮมมารุซึ่งเป็นที่รับรองแขกให้สมัยก่อน ด้านในมีภาพวาดบนกำแพงไม้ด้วยนะ สวยมากไปเยี่ยมชมกันได้
ค่าเข้าชม : เดินรอบ ๆ ฟรี ด้านในปราสาทผู้ใหญ่ 500 JPY / เด็กเข้าฟรี
เวลาเปิด-ปิด : 09.00 – 16.30 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินสาย Higashiyama Subway Line ไปลงที่ Sakae Station แล้วเปลี่ยนสายไปนั่ง Meijo Subway Line ไปลงที่ Shiyakusho Station จากนั้นเดินต่อ 3 นาที
37. อาคารโอเอซิส 21 (Oasis 21)
ที่เที่ยวญี่ปุ่น 2024 ที่เป็นแลนด์มาร์คอีกที่ของนาโกย่า อยู่ใจกลางเมืองเลยจริง ๆ อารมณ์แบบเหมือนศูนย์การค้าแหละมีร้านอาหาร ร้านขายของเพียบเลย แล้วก็โซนที่เป็นสวนสาธารณะชื่อ Milky Way Square เป็นพื้นที่ไว้จัดกิจกรรมการแสดงต่าง ๆ หรือจะโซน Water Spaceship roof ช่วงหน้าร้อนที่มีบริการสระน้ำขนาดใหญ่ด้วย เรียกได้ว่าเป็นจุดศูนย์รวมเลยล่ะสำหรับวันไหนที่อยากจะแค่ออกมาหาอะไรกินง่าย ๆ ไม่เที่ยวเยอะมากที่นี่มีครบทุกอย่างเลย
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : 10.00 – 21.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย Higashiyama Line ไปลงที่ Sakae Station ได้เลย
ที่เที่ยวนากาโน่ยอดฮิตที่ห้ามพลาด
ที่เที่ยวญี่ปุ่น 2024 ที่อยากแนะนำต่อมาคือจังหวัดนากาโน่ จังหวัดที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่น่าไปเยี่ยมเยือนสักครั้ง ใครเป็นสายเสพธรรมชาติบอกเลยต้องชอบแน่นอน จังหวัดนากาโน่เป็นหนึ่งจังหวัดในภูมิภาคชูบุ ไม่มีพื้นที่ติดทะเลเลยอยู่ใจกลางเกาะฮอนชูล้อมด้วยภูเขาหลายลูกมาก ๆ ธรรมชาติสุดพีคขนาดนี้ไปดูที่เที่ยวสวย ๆ กันเลยดีกว่า
38. สวนลิงจิโกคุดานิ (Jigokudani Monkey Park)
เคยเห็นลิงออนเซนกันไหม ถ้าไม่เคยต้องมาเลยที่สวนลิงจิโกคุดานิ อยู่กลางหุบเขาจิโกคุดานิถือว่าเป็นแลนด์มาร์คสุดฮอตอีกทีหนึ่งของเมืองเลยนะ ที่จริงแล้วที่นี่เป็นสวนสาธารณะแหละด้านในเขาทำสระว่ายน้ำขึ้นมาสำหรับให้พวกเจ้าลิงโดยเฉพาะ เห็นเขาบอกว่าที่นี่ลิงเยอะมากขนาดว่าเดินเข้าแปปเดียวก็เห็นลิงตลอดทั้งเส้นทางได้เลย พอมาถึงสระก็จะเจอพวกลิงจับกลุ่มพากันแช่น้ำแบบสบายใจน่าเอ็นดูเชียวล่ะ ลิงคุ้นเคยกับคนนะแต่อย่างไรก็ตามอย่าไปจับหรือให้อาหารเลยจะดีกว่า
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 800 JPY / เด็ก 500 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 09:00-16:00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟไปลงที่ Yudanaka Station จากนั้นต่อรถบัสไปที่ Kanbayashi Onsen จากนั้นเดินตามทางไปเรื่อย ๆ อีกประมาณ 30 นาทีจะถึงสวนลิง
39. ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle)
ปราสาทนี้มีอีกชื่อเล่นหนึ่งอีกปราสาทอีกา เพราะว่าภายนอกคือมีสีดำเป็นส่วนมากเกือบทั้งหลังเลยแถมยังทำมาจากไม้เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นด้วย เห็นว่าอายุกว่า 400 ปีเลยทีเดียวนะ และเมื่อบอกออกไปที่ด้านหลังของปราสาทจะได้เห็นวิวของเมืองมัตสึโมโตะและเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นด้วย เสริมให้ตัวปราสาทสวยงามมากขึ้นไปอีก ส่วนรอบ ๆ ปราสาทก็มีจุดไฮไลท์อย่างสะพานสีแดงข้ามคูน้ำเป็นมุมฮิตที่นิยอมถ่ายรูปด้วยเหมือนกัน
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 610 JPY / เด็ก 300 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 08:30 – 17:00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟด่วน JR Super Azusa ได้เลยโดยขึ้นจากสถานี Shinjuku ไปลงที่สถานี Matsumoto ได้เลย
40. สวนสาธารณะซากปราสาททาคาโตะ (Takato Castle Ruins Park)
ที่นี่เป็นหนึ่งในจุดชมซากุระที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นมีการปลูกต้นซากุระสีชมพูสายพันธุ์โคอิกังประมาณ 1,500 ต้น เวลาดอกซากุระบานคือเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกนึงเลย สวยมาก ๆ เล่าความเป้นมาของที่นี่นิดนึง แต่ก่อนที่นี่เป็นปราสาททาคาโตะมาก่อนแต่ก็ถูกทำลายไปตามกาลเวลา ปัจจุบันก็เหลือฐานหินของปราสาทอยู่ไม่มากแล้วล่ะ แต่ก็มีจุดน่าสนใจอยู่ใจกลางสวย มีสะพานโค้งโค้งโออุนเคียว (Ounkyo) เป็นหนึ่งในจุดชมดอกซากุระที่ดีที่สุดของสวนแห่งนี้ด้วย
ค่าเข้าชม : ช่วงเทศกาลซากุระค่าเข้าคนละ 500 JPY ช่วงปกติเข้าฟรี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR Azusa limited express ไปลงที่สถานี Chino Station แล้วนั่งรถบัสต่อไปประมาณ 25 กิโลเมตร ลงที่ Takato Castle Ruins Park จากนั้นเดินต่อไปอีก 15 นาที
41. ภูเขาคามิโคจิ (KAMIKOCHI)
มาเที่ยวแนวธรรมชาติก็ต้องการเดินป่ากันหน่อยละนะ ที่ภูเขาคามิโคจิเป็นอีกหนึ่งธรรมชาติที่สมบูรณ์และสวยงามตลอดทั้งปี ล้อมรอบด้วยเทือกเขาขนาดใหญ่และแม่น้ำอาซุสะ แม่น้ำสีฟ้าใสยาวตลอดหุบเขา แต่ไฮไลท์น่ะอยู่ที่สะพานกัปปะพาดข้ามผ่านแม่น้ำพร้อมเป็นจุดชมวิวของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น ฤดูที่แนะนำให้ไปเที่ยวคือหน้าร้อนและใบไม้เปลี่ยนสีนะ เพราะว่าจะเปิดให้ท่องเที่ยวได้ตั้งแต่เดือนเมษายน-พฤศจิกายนเท่านั้น
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : จากรถไฟ JR สถานี Matsumoto ให้นั่งรถไฟสาย Kamikochi line ไปลงที่ปลายทางเลยสถานี Shin-Shimashima จากนั้นต่อรถบัสอีก 1 ชั่วโมงจะถึงคามิโคจิ
ที่เที่ยวกิฟุยอดฮิตที่ห้ามพลาด
เดาว่าหลายคนต้องไม่คุ้นหูกับจังหวัดนี้แน่ ๆ เลย แต่บอกเลยนะว่าจังหวัดนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่เป็นมรดกโลกเลยด้วย จังหวัดที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและธรรมชาติอย่างเต็มเปี่ยม จังหวัดกิฟุเป็นจังหวัดทางภาคกลางของญี่ปุ่นจริง ๆ แล้วจังหวัดนี้อยู่ระหว่างกลางระหว่างโตเกียวกับเกียวโตนะ เดินทางไม่ยาก เดี๋ยวพาไปดูที่เที่ยวกันก่อน
42. หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
และนี่คือสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่ได้รับการขึ้นเป็นมรดกโลก หมู่บ้านน่ารัก ๆ ที่มีบ้านทรงกัชโชสึคุริ คือจะบอกว่าไม่เหมือนญี่ปุ่นเลยเหมือนอยู่สวิตเซอร์แลนด์อะไรแบบนั้นอ่ะ หมู่บ้านถูกล้อมไปด้วยธรรมชาติและหุบเขายิ่งหิมะตกยิ่งสวยเหมือนเมืองในหนังเลย ที่นี่ไปเที่ยวได้ทุกฤดูสวยงามต่างกันไป ในหมู่บ้านมีโซนที่เป็นพิพิธภัณฑ์ด้วย จำลองแบบบ้านในสมัยก่อนคือมีเตาถ่านวางอยู่กลางบ้านไว้ล้อมวงทานอาหารช่วงหน้าหนาวนั่นเอง จุดชมวิวที่พลาดไม่ได้คือ Shiroyama Viewpoint ชมวิวหมู่บ้านจากมุมสูงสวย ๆ กันไปเลย
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : นั่งรถบัสที่ Kanazawa ให้ใช้รถบัสของ Nohi หรือ Hokutetsu ก็ได้จะมุ่งไปที่หมู่บ้านชิราคาวาโกะเลย
43. ฮิดะทาคายามะ (Hida Takayama)
อีกหนึ่งที่ ๆ อยากแนะนำคือเมืองเก่าฮิดะทาคายามะ เมืองที่ยังคงบรรยากาศและสภาพบ้านเรือนแบบญี่ปุ่นไว้เหมือนเดิมให้เราได้เห็นในปัจจุบัน ละแวกนี้ก็ยังมีสถานที่เที่ยวสำคัญหลายที่เลยอย่างย่านเมืองเก่าซันมะจิ เข้ามานี่จะได้กลิ่นอายอดีตมาเลยเหมือนย้อนยุคไปในญี่ปุ่นสมัยโบราณ มีร้านค้าขายของท้องถิ่นอย่างสาเกญี่ปุ่นด้วย โดยเฉพาะเดือนพฤษภาคมย่านนี้จะสวยเป็นพิเศาเพราะดอกฟูจิจะบานสะพรั่งให้เราได้ชมดอกไม้สีม่วงเรียงรายอยู่รอบ ๆ หมู่บ้านด้วย
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : จากสถานี Nagoya โดยสารรถไฟ JR Limited Express Wide View Hida ไปลงที่สถานี Takayama
ที่เที่ยวนิกโก้ยอดฮิตที่ห้ามพลาด
นิกโก้เมืองมรดกโลกอันทรงคุณค่าที่ควรมาเยี่ยมเยือนเมื่อมีโอกาสได้มาเที่ยวญี่ปุ่น อากาศดีได้สูดอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มปอด เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม และธรรมชาติที่สวยงาม นิกโก้เป็นเมืองอยู่ในจังหวัดโทชิกิ ภูมิภาคคันโต ด้วยความเป็นเมืองมรดกโลกนี้ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวมากถึง 10 ล้านคนต่อปีเลยนะ เดี๋ยวไปดูกันว่ามีที่ไหนน่าสนใจบ้าง
44. สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)
สะพานศักดิ์สิทธิ์ในเขตของศาลเจ้าฟุตุระซัง สะพานทำจากไม้ที่เคลือบด้วยยางไม้สีแดงข้ามผ่านแม่น้ำไดยากาวะ ได้ขึ้นเป็นมรดกโลกแล้วเรียบร้อยเมื่อปี 1999 สะพานยาว 28 เมตร มีชื่อที่เจ้าบ้านนิยมเรียกกันด้วยว่าสะพานเทพโดยมีความเชื่อว่าเมื่อครั้งก่อนมีพระภิกษุถูกกระแสน้ำขวางทางเลยขอพรจาพเทพเจ้าให้คุ้มครองตน ก็ได้มีเทพผู้พิทักษ์องค์หนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาแล้วเนรมิตให้เกิดสะพานเดินข้ามผ่านน้ำไปนั่นเอง แต่ข้ามไปแล้วไม่มีอะไรเป็นทางตันแต่ก็สามารถเดินข้ามไปมาเพื่อชมวิวได้
ค่าเข้าชม : ข้ามสะพานผู้ใหญ่ 300 JPY / เด็ก 100 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 08.30 – 16.00 น.
การเดินทาง : จากสถานี Utsunomiya ขึ้นรถไฟสาย JR Nikko ไปลงที่สถานี Nikko เดินประมาณ 20 นาทีจากสถานี JR Nikko หรือสถานี Tobu Nikko จะถึงสะพานพอดี
45. หมู่บ้านเอโดะ วอนเดอร์แลนด์ (EDO WONDERLAND Nikko Edomura)
ใครใส่ชุดกิโมโนแล้วอยากถ่ายรูปสวย ๆ ได้ฟีลญี่ปุ่นโบราณแบบเต็ม ๆ มาเลยที่หมู่บ้านเอโดะ ที่นี่เขาจะจำลองบ้านเมืองในสมัยยุคเอโดะเอาไว้อย่างดีเลย มีทั้งหมู่บ้านนินจา บ้านซามูไร ร้านอาหารโบราณ วิถีชีวิตและการแต่งกาย แถมยังมีการแสดงของนินจาอะไรแบบนี้มาโชว์ด้วยนะ ส่วนนักท่องเที่ยวแบบเราอยากใส่กิโมโนเขาก็มีให้เช่าเดินเล่นในหมู่บ้านด้วย อินสุด ๆ เลยเป็น ที่เที่ยวญี่ปุ่น 2024 ที่ได้สัมผัสความเป็นญี่ปุ่นมาก ๆ
ค่าเข้าชม : บัตรแบบเต็มวัน ผู้ใหญ่ 5,800 JPY / เด็ก 3,000 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 09:30 – 16:00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Kinugawa Onsen หรือ Nikko Edomura (Edo Wonderland) ก็ได้ จากนั้นสามารถใช้บริการรถบัสของหมู่บ้านมาได้เลย
ที่เที่ยวไซตามะยอดฮิตที่ห้ามพลาด
จังหวัดไซตามะเป็นจังหวัดใหญ่ติดกับโตเกียวทางตอนเหนือ แถมใครที่เป็นแฟนการ์ตูนชินจังก็คงจะคุ้นหูเนอะเพราะที่นี่คือจังหวัดบ้านเกิดของชินจังนั่นเองล่ะ ด้วยความใกล้โตเกียวก็ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงชั่วโมงเองนะ สามารถเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองได้เลย เหมาะกับการเปลี่ยนบรรยากาศจากในเมืองมานอกเมืองแบบใกล้ ๆ
46. ย่านคาวาโกเอะ (Kawagoe)
ย่านที่ได้ฉายาว่าเอโดะน้อยด้วยนะ น่ารักน่าใจมาก ย่านคาวาโกเอะเป็นย่านที่มีเอกลักษณ์มากให้ความรู้สึกแบบเมืองเก่าทั้งย่านเต็มไปด้วยบ้านเรือสมัยยุคเอโดะที่ได้รับการดูแลอย่างดีมาก ๆ เหมือนได้หลุดเข้าไปในยุคเอโดะกันเลยทีเดียว ในย่านนี้มีที่เที่ยวน่าสนใจหลายที่อย่างเช่น วัดคิตาอิน สร้างมาแล้วกว่าพันปีไฮไลท์อยู่ที่รูปปั้นพระพุทธหิน Gohyaku Rakan จำนวน 540 รูป โดยแต่ละองค์นั้นจะทำท่าทางและสีหน้าไม่เหมือนกันเลย หรืออีกที่ที่คนนิยมไปเช่นกันก็คือย่านเมืองเก่าเอโดะ เป็นไฮไลท์ของเมืองเลยก็ว่าได้ มีบ้านเรือนเก่าให้เดินชม ร้านอาหารโบราณ ของกิน ของเล่นโบราณมีให้เดินชมเดินซื้อกันเพียบ ใครชอบแนววัฒนธรรมโบราณต้องมาที่คาวาโกเอะเลย
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Hon-Kawagoe แล้วเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที
ที่เที่ยวฮิโรชิม่ายอดฮิตที่ห้ามพลาด
จังหวัดฮิโรชิม่าตั้งอยู่บริเวณภาคชูโงบนเกาะฮนซู คุ้นชื่อกันแน่นอนกับชื่อฮิโรชิม่าเพราะเป็นในหนึ่งในสองเมืองของญี่ปุ่นที่ถูกปล่อยระเบิดปรมาณูใส่โดยอเมริกาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นก็ทำให้คนลุกขึ้นมาต่อต้านสงครามและเมืองฮิโรชิม่าก็ได้ชื่อเรียกว่าเป็นเมืองสันติภาพโลกด้วย สำหรับที่เที่ยวก็มีครบเหมือนกันนะ ประวัติศาสตร์ วัด ที่กิน ทะเล ครบครันไม่แพ้เมืองอื่น
47. ศาลเจ้าอิสึกุชิมะ (Itsukushima Shrine)
ที่นี้เป็นศาลเจ้าที่ดังมาก ๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดฮิโรชิม่าซึ่งก็ดังมาจากประตูโทริอิสีแดงขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางทะเลจนมองผ่าน ๆ แล้วดูเหมือนว่าประตูลอยอยู่ในน้ำเลยซึ่งประตูนี้เปรียบเหมือนสัญลักษณ์ความศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่บนน้ำ หากมองในด้านศิลปะแล้วก็คงเป็นความลงตัวกันของธรรมชาติและวัฒนธรรมที่เข้ากันได้ดีมาก ๆ ละแวกนี้มีเรียวกังสามารถแวะข้างคืนได้แถมตอนกลางคืนก็สามารถชมแสงไฟที่ส่องสว่างจากศาลเจ้าได้จากเรียวกังได้ หรือใครอยากจะนั่งเรือชมอ่าวก็ได้เขามีให้บริการเหมือนกันยิ่งช่วงน้ำขึ้นเรือจะขับรอดไปที่เสาโทริอิกลางทะเลด้วย เป็น ที่เที่ยวญี่ปุ่น 2024 อีกหนึ่งที่ ๆ ควรมาเยือนสักครั้งเมื่อมาที่ฮิโรชิม่า
ค่าเข้าชม : คนละ 300 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 06:30 – 18:00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR Hiroshima Station สาย Sanyo Line ไปลงที่ Miyajimaguchi Station แล้วต่อเรือเฟอรี่ไปลงที่เกาะมายาจิม่า ใช้เรือ JR Nishinihon Miyajima Ferry จากนั้นเดินต่ออีกเล็กน้อย 5 นาที
ที่เที่ยวยามากุจิยอดฮิตที่ห้ามพลาด
จังหวัดแห่งธรรมชาติที่สมบูรณ์อีกทีหนึ่งของญี่ปุ่น จังหวัดยามากุจิตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะฮอนชู ล้อมรอบไปด้วยทะเลญี่ปุ่นและทะเลเซโตะ ใครชอบอาหารทะเลมาทางนี้เลยจ้า โดยเฉพาะปลาปักเป้าเป็นอาหารทะเลขึ้นชื่อของจังหวัดนี้เลย อิ่มจุกแน่นอน แถมยังอุดมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นทางประวัติศาสตร์มากมายเลยด้วย
48. ศาลเจ้าโมโตโนสุมิ อินาริ (Motonosumi Inari Shire)
จุดเด่นที่แสนงดงามของศาลเจ้านี้คือประตูโทริอิสีแดงที่ตั้งเรียงกันเป็นแถวยาว ศาลเจ้าโมโตโนสุมิ อินาริ สร้างตั้งแต่ปี 1955 โดยเจ้าประมงอยู่อาศัยอยู่ในละแวกนี้เนื่องจากฝันเห็นจิ้งจองสีขาวที่เป็นสัตว์คู่กายของเทพอินารินั่นเอง แต่การจะไปทำบุญที่ศาลเจ้านี้ต้องเดินผ่านประตูโทริอิก่อนซึ่งต้องเดินผ่านทั้งหมด 123 ต้น และกล่องทำบุญก็อยู่สูงบนเสาถึง 5 เมตร ซึ่งเชื่อกันว่าหากใครโยนเหรียญเข้ากล่องจะสมหวังนั่นเอง อ่ะก็น่าไปลองเสี่ยงทายดูเหมือนกันเผื่อว่าจะได้โชคดีติดมือกลับมาบ้าง อีกอย่างที่ศาลเจ้านี้อยู่ติดทะเล ประตูโทริอิสีแดงก็ติดทะเลเลยเหมือนกัน แถมยอดหน้าผาหันหน้าเข้าหาทะเลญี่ปุ่น ลมข้างบนเลยค่อนข้างแรงจะได้เห็นละอองน้ำธรรมชาติพุ่งขึ้นมาทะเลซึ่งก็เกิดจากการที่คลื่นซัดกระทบกับแนวหิน ได้ชมวิวสวย ๆ ของทะเลญี่ปุ่นพร้อมขอพรไปในตัวเลย
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าสักการะทุกวัน เวลา 5:30 – 17:30 น.
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Hakata ขึ้นรถไฟชินคันเซ็นไปลงที่สถานี Kokura จากนั้นต่อรถไฟสาย Kagoshima ไปลงที่สถานี Shimonoseki แล้วต่อรถไฟสาย Sanin ไปลงที่สถานี Nagato-Furuichi จากนั้นนั่งรถแท็กซี่ไปอีก 20 นาที
ที่เที่ยวเฮียวโงะยอดฮิตที่ห้ามพลาด
เฮียวโงะเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะฮนชูและเป็นที่ตั้งของเมืองท่าชื่อดังที่หลายๆ คนน่าจะรู้จักกันดีอย่างโกเบ นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมมากมาย ซึ่งเต็มไปด้วยวิถีชีวิต, ประวัติศาสตร์, วัฒนธรรมตามแบบฉบับญี่ปุ่นเป็น ที่เที่ยวญี่ปุ่น 2024 ที่น่าไปเที่ยวไม่แพ้เมืองใหญ่ ๆ เลย
49. ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle)
ปราสาทนี้เป็นสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งซึ่งรอดเหลือมาจากระเบิดปรมาณูในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองและแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในโกเบเมื่อปี พ.ศ. 2538 ด้วย แถมยังได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น แต่ก็คือสวยจริง ๆนะ ด้านนอกปราสาทเหมือนจะสร้างจากหินตัวอาคารทาสีขาวเป็นหลักให้ความรู้สึกสงบร่มเย็นดีแถมยังมีฉายาว่าปราสาทนกกระสาขาวอีกชื่อด้วย
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 1,000 JPY / เด็ก 300 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 09:00-17:00 น.
การเดินทาง : จากสถานี Sannomiya Station ให้ขึ้นรถไฟสาย Hankyu Kobe Line ไปลงที่สถานี Himeji Station และเดินต่อไปประมาณ 200 เมตร ก็จะถึงปราสาทฮิเมจิ
ที่เที่ยววากายามะยอดฮิตที่ห้ามพลาด
จังหวัดวากายามะตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรคิอิภูมิภาคคันไซอุดมไปด้วยทะเลและภูเขา มีสถานที่เที่ยวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก มีแหล่งออนเซ็นที่เป็นที่นิยมไปถั่วญี่ปุ่นอย่างชิราฮามะออนเซ็น อาหารก็เริ่ดมีวาคายามะราเม็งและอาหารทะเลสด ๆ ด้วย
50. น้ำตกนาจิ (Nachi Falls)
อีกหนึ่งที่เที่ยวอันซีนเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นเลยนะ สุดว้าวกับน้ำตกนาจิ สูงถึง 133 เมตร ลึก 10 เมตร ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกโดยยูเนสโก้ มีความเชื่อว่าน้ำตานาจิเนี้ยมีเทพเจ้าศาลเจ้าฮิโรอาศัยอยู่ด้วย สำหรับเจดีย์ที่เห็นอยู่นี้คือศาลเจ้าคุมาโนะนาชิและวัดเซกันโทจิ ซึ่งมุมที่เรานำภาพมาฝากนี่ก็มุมที่ใครก็ต้องมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก เพื่อให้ได้อรรถรสในการเดินไปไหว้ศาลสามารถเช่าชุดยุคเฮอันโบราณมาใส่ได้ด้วยนะ ใครกำลังวางแผนหาที่เที่ยวญี่ปุ่น 2566 แนวธรรมชาติสวย ๆ อยากให้ใส่น้ำตกนาจิเข้าไปในลิสต์เลย ควรค่าแก่การมามาก ๆ
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 1,100 JPY / เด็ก 600 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 08.30 – 16.00 น.
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Nachi Station ให้นั่งรถบัสไปยังศาลเจ้า ลงที่ป้าย Nachisan แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
เที่ยวญี่ปุ่นด้วย YouTrip ประหยัดกว่า
เที่ยวญี่ปุ่นยังไงให้ถูกกว่าประหยัดคุ้ม ๆ ต้องเที่ยวกับ YouTrip ถูกกว่ายังไจะเล่าให้ฟัง สมมุติตั้งงบเที่ยวญี่ปุ่นไว้ 120,000 JPY ที่ร้านแลกเงินจะเป็นเงินทั้งหมด 32,520 บาท หากจ่ายด้วยบัตรเครดิตจะต้องจ่ายที่ 33,350 บาท แต่ถ้าจ่ายด้วย YouTrip จะเหลือยอดจ่ายเพียง 32,418 บาท ประหยัดถึง 932 บาท เพราะ YouTrip ให้เรทที่ดีกว่าแถมไม่มีค่าธรรม 2.5% ในการใช้จ่ายด้วยนั่นเอง
เท่านั้นยังไม่พอ! เมื่อมีแพลนเดินทางอย่าลืมจองที่พักล่วงหน้าเตรียมไว้ด้วยละ นอกจาก YouTrip จะให้คุณแลกเงินได้เรทที่ดีกว่าเที่ยวถูกกว่าใครแล้ว เรายังมีฟีเจอร์ใหม่ “YouTrip Perks” จองที่พัก Agoda หรือซื้อตั๋วค่าเข้าที่เที่ยวผ่าน Klook ได้เงินคืนแบบคุ้มๆ กันไปเลย
สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นนี่เรียกได้ว่าติดมรดกโลกเยอะมาก ๆ เลยนะ แต่ก็สมแล้วล่ะเพราะแต่สถานที่เที่ยวญี่ปุ่นคือสวยงามและทรงคุณค่าต่อการดูแลรักษาไว้จริง ๆ ใครที่กำลังวางแผนไปญี่ปุ่นปีนี้จดที่เที่ยวตามที่แนะนำได้เลยนะ เริ่ดทุกทีควรค่าแก่การไปเยือน และเพื่อให้การเที่ยวญี่ปุ่นของเราไม่ติดขัด อย่าลืมสมัคร YouTrip ไว้ใช้จ่ายในต่างประเทศแบบสบายใจโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม 2.5% การันตีที่สุดเรื่อง “เรทดี ทุกที่ทั่วโลก” แถมไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี คุ้มขนาดนี้ สมัครเลย!