ใครฝันอยากไปเที่ยวฝั่งยุโรปสักครั้งในชีวิตหนึ่งในประเทศในดวงใจก็น่าจะมีฝรั่งเศสอยู่ในลิตส์ท่องเที่ยวก็หลาย ๆ คนอยู่แล้วล่ะเนอะ ทั้งสถานที่เที่ยวและบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยความงดงามของธรรมชาติและสถาปัตยกรรมระดับโลกกันเลย วันนี้ YouTrip เลยรวบรวม ที่เที่ยวฝรั่งเศส มาอัพเดตให้สำหรับใครมีแพลนจะไปเที่ยวฝรั่งเศสเร็ว ๆ นี้นะ 

เที่ยวฝรั่งเศส ไปเดือนไหนดี ?
ฝรั่งเศสไปเที่ยวได้ทั้งปีมี 4 ฤดูกาล ดังนี้

ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม)
อากาศ 10-18 องศา เย็นสบายค่อนไปหนาวนิดหน่อย เหมาะเดินเล่นเดินได้เยอะไม่เหนื่อย บรรยากาศดีมาก แสงแดดอ่อน ๆ กับต้นไม้ดอกไม้เบ่งบานดูโรแมนติกมากเลยล่ะ

ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม)
อากาศ 20-30 องศา ร้อนแต่ไม่แผดเผาเท่าบ้านเรา ข้อดีคือแต่งตัวง่าย ซื้อชุดเหมือนไทยได้เลย ท้องฟ้าแจ่มใสถ่ายรูปสวย เที่ยวได้นานเพราะกลางวันจะยาวกว่ากลางคืน

ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – ธันวาคม)
อากาศ 10-15 องศา กลับมาเย็นอีกครั้ง ฤดูนี้เป็นฤดูที่มีสีสันเพราะเต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีทั้งเหลือง แดง ส้ม น้ำตาล อาจเจอฝนบ้างวันไม่ใช่พายุ

ฤดูหนาว (ธันวาคม – มีนาคม)
อากาศ 2-5 องศา อากาศหนาวเย็นเจี๊ยบ มีหิมะตก ได้จัดเต็มแฟชั่นเครื่องกันหนาวเหมาะกับคนชอบหิมะและอากาศเย็น แถมเป็นช่วงไฮซีซั่นเลยด้วยเพราะจะเต็มไปด้วยบรรยากาศของเทศกาลปีใหม่และคริสต์มาส

การเดินทางในปารีส

มาทำความรู้จักกันก่อนว่าการเดินทางในปารีสเป็นยังไงบ้าง ซึ่งการเดินทางในปารีสไม่ยากอย่างที่คิดเพราะมีระบบขนส่งสาธารณะให้เลือกใช้หลากหลายเลย

1. รถไฟใต้ดิน หรือ Metro เป็นระบบขนส่งสาธารณะหลักที่นิยมมากที่สุด และสามารถเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวหรือสถานที่สำคัญได้ทันที มีทั้งหมด 16 สาย ราคาก็ไม่แรงอยู่ที่ 1.8 EUR ตลอดสายไปเลย โดยรถไฟใต้ดินจะครอบคลุมพื้นที่ภายในตัวเมืองโซน 1-2 เท่านั้น
   
2. รถไฟ RER เน้นการเดินทางจากใจกลางเมืองตั้งแต่โซน 3 – 5 ไปยังบริเวณชานเมือง แบ่งเป็น 5 สายหลัก ได้แก่ A, B, C, D และ E ราคาเริ่มที่ 1.8 EUR – 11 EUR ขึ้นอยู่กับระยะทาง
   
3. รถราง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการชมวิวระหว่างทาง มีเส้นทางหลักๆด้วยกัน 3 สาย ซึ่งจะสามารถเชื่อมต่อกันทั้งหมด ราคาแบบเที่ยวเดียว 1.8 EUR
   
4. รถประจำทาง สามารถเข้าถึงสถานทีท่องเที่ยวได้หลากหลายมีบริการทั่วถึงทั้งภายในใจกลางเมืองรวมถึงบริเวณรอบ ๆ ปารีส แต่ใช้เวลาเดินทางนานกว่ารถไฟ
   
5. แท็กซี่ ตอบโจทย์คนที่ต้องการเดินทางแบบรวดเร็ว แต่ต้องระวังแท็กซี่เถื่อน โดยแท็กซี่ที่มีใบอนุญาตถูกต้อง จะมีป้าย Taxi Parisien ด้านบนหลังคา ใบอนุญาตขับรถที่จะต้องแปะโชว์ให้เห็นด้านข้างขวาและมีระบบมิตเตอร์ ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 2.20 EUR 
   
6. จักรยาน ราคาถูกเริ่มที่ 1.70 EUR เท่านั้น (แต่ต้องมีเงินมัดจำอีก 150 EUR ด้วยนะ แต่จะได้รับเงินหลังจากนำจักรยานมาคืนเรียบร้อยแล้ว) เหมาะกับนักท่องเที่ยวมากแถมมีเส้นทางจักรยานเพียบพร้อมจุดเช่ากว่า 100 จุดทั่วปารีสเลย
   
   

แล้วหากต้องการไปเมืองน่าเที่ยวในฝรั่งเศสที่อื่น ๆ ทำยังไง

มาทั้งที่จะอยู่แต่ในปารีสก็อาจจะเบื่อเนอะ ออกไปนอกเมืองกันบ้าง โดยการเดินทางจะต้องนั่งรถไฟความเร็วสูง หรือ TGV เดินทางจากปารีสไปยังเมืองต่าง ๆ รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตทั่วฝรั่งเศสมากกว่า 1,400 แห่ง ภายในรถไฟมีบริการ wifi ฟรีด้วย เดินทางนาน ๆ ไม่มีเบื่อแน่นอน ราคาเริ่มต้นที่ 49 EUR

การใช้จ่ายในฝรั่งเศสใช้อะไรดี ?

ฝรั่งเศสก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เป็นสังคมไร้เงินสดแล้ว แต่ทั้งนี้ก็ยังสามารถใช้จ่ายแบบเงินสดได้เช่นกัน ใช้เงินสกุล EUR ฉะนั้นไปเที่ยวก็แลกเงินสดไว้นิดหน่อยติดตัวเผื่อฉุกเฉินที่เหลือก็ใช้บัตรได้เลย สะดวกมาก แนะนำวิธีใช้จ่ายให้ประหยัดขึ้นในทริปฝรั่งเศสครั้งนี้ด้วย YouTrip ยกตัวอย่างเช่น ตั้งงบเที่ยวฝรั่งเศสไว้ที่ 1,514 EUR หากจ่ายด้วยบัตรเครดิตจะอยู่ที่ยอด 61,860 บาท แต่หากจ่ายด้วย YouTrip จะเหลือเพียง 60,000 บาทเท่านั้น ประหยัดถึง 1,860 บาทกันไปเลย เพราะ YouTrip ให้เรทที่ดีและไม่มีค่าธรรมเนียม 2.5% ในการใช้จ่ายนั่นเองจ้า

ที่เที่ยวฝรั่งเศส เปิดใหม่!!

1. Bourse de Commerce

เป็นที่เที่ยวเปิดใหม่ที่เพิ่งได้ไม่นานมานี้นี่เองนะกับพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งใหม่ของฝรั่งเศส Bourse de Commerce อดีตที่นี้เป็นตลาดหลักทรัพย์เก่าใจกลางปารีสแต่ปัจจุบันปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ร่วมสมัยโดยใช้เวลาสร้าง 3 ปีเต็ม โดยคอลเล็กชันศิลปะทั้งหมดเป็นของส่วนตัวของมหาเศรษฐีชาวฝรั่งเศส ฟรองซัวส์ ปิโนต์ เจ้าของกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมมีชื่ออย่าง Gucci, Saint Laurent, Bottega Veneta หรือ Balenciaga ที่เขาสะสมมาทั้งชีวิตกว่า 10,000 ชิ้น ไม่ว่าจะเป็นงานของ Jeff Koons, Cindy Sherman, Cy Twombly และ Damien Hirst เรียกได้ว่ามีแต่ผลงานท็อปจากศิลปินเทพ ๆ ทั้งนั้นเลย แถมอยู่ในย่าน Les Halles ใจกลางกรุงปารีสที่รอบ ๆ เต็มไปดูสถานที่สำคัญและพิพิธภัณฑ์มากมาย ใครชอบงานศิลปะ ดูเพลิน ๆ แวะมาได้

ค่าเข้าชม : 14 EUR / คน
เวลาเปิด-ปิด : 11.00 – 19.00 น.
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟ RER สาย A ไปลงที่ Chatelet Les Halles จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 450 เมตร 

2. Hotel de la Marine

ที่เที่ยวเปิดใหม่อีกที่ที่ไม่อยากให้พลาดถ้ามีโอกาสมาถึงปารีส ที่นี่เป็นอาคารเก่าแก่ตั้งอยู่ใน place de la concorde จัตุรัสที่กว้างขวางที่สุดในปารีสและเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ด้วย ที่นี่เคยเป็นพื้นที่ของกระทรวงกองทัพเรือฝรั่งเศสมายาวกว่า 200 ปี ก่อนจะถูกบูรณะและเปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้าชมความสวยงามด้านใน ถ้าใครได้มีโอกาสไปเยือนก็จะได้สัมผัสกับการตกแต่งตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 เลยทีเดียว ทั้งภาพวาดเก่าแก่ เฟอร์นิเจอร์ ผ้าม่าน วอล์เปเปอร์ ทุกอย่างให้กลิ่นอายความดั้งเดิมของฝรั่งเศสสุด ๆ ซึ่งการบูรณะต้องทำถึง 2 ปีเต็มกว่าจะเปิดให้เข้าชมได้เลยทีเดียว

ค่าเข้าชม : 17 EUR / คน
เวลาเปิด-ปิด : 10.30 – 19.00 น.
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินสาย 1 La Défense (Grande Arche) มาลงที่สถานี Concorde จากนั้นเดินต่ออีก 1 นาที

ที่เที่ยวฝรั่งเศสสุดฮิตแต่ละเมือง

3. หอไอเฟล (Eiffel Tower) – กรุงปารีส

ไม่มีไม่ได้นะอันนี้ หอไอเฟลนั่นเองจ้าแลนด์มาร์คของประเทศฝรั่งเศส ด้วยความที่สูง 324 เมตร หรือสูงเท่ากับตึก 81 ชั้น ตั้งอยู่แถบถนนที่เรียกว่า ชองป์ เดอ มารส์ เราสามารถมองเห็นได้จากหลายบริเวณมากทั้งสะพาน ร้านอาหาร โรงแรมบริเวณใกล้เคียง โดยตัวหอไอเฟลแบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ คือ ส่วนฐาน เป็นส่วนที่เอาไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว มีของที่ระลึก มีซุ้มนิทรรศกาล และสามารถซื้อตั๋วขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ ต่อมาคือส่วนกลาง พื้นที่โล่งเปิดรับให้คนชมบริเวณรอบ ๆ และชมวิวจากข้างบนลงไปข้างล่าง ส่วนสุดท้ายคือส่วนยอด ต้องใช้ลิฟท์ในการขึ้นไป แต่จุดฮิตสุดก็คงหนีไม่พ้นลานตรงข้างหน้าปราสาท Palais de Chaillot เป็นมุมที่ถ่ายรูปแล้วจะได้เห็นหอไอเฟลแบบเต็มจอกันไปเลย ก็ถือเป็นที่เที่ยวอันดับหนึ่งของฝรั่งเศสที่ใครมาแล้วไม่ได้รูปกลับไปคือเหมือนมาไม่ถึงแหละเนอะ

ค่าเข้าชม : 13 EUR / คน
เวลาเปิด-ปิด : 09.00 – 23.00 น.
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟ RER สาย C ไปลงสถานี Champ de Mars Tour Eiffel ทางออก Sortie ทาง Eiffel

4. พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Musee Du Louvre) – กรุงปารีส

พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์อีกหนึ่งแลนด์มาร์คของฝรั่งเศส เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แนน่นอนว่าจุดเด่นก็คือพีระมิดแก้วที่ใหญ่โตและสวยงามมาก ภายในมีไฮไลท์ที่ห้ามพลาดคือรูปภาพโมนาลิซ่า ของศิลปินดาวินชี และผลงานอื่น ๆ อย่างเช่น รูปปั้นเทพีวีนัส, รูปปั้นเทพีไนกี้แห่งซาโมเทรซ, ภาพพิธีบรมราชาภิเษกของจักรพรรดินโปเลียน ฯลฯ ปัจจุบันมีผลงานทางศิลปะถูกเก็บรวบรวมอยู่ที่นี่กว่า 35,000 ชิ้นตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์จนถึงศตวรรษที่ 19

ค่าเข้าชม : 17 EUR / คน
เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์ วันพุธ วันพฤหัสบดี และวันอาทิตย์ 09.00-17.45 น. / วันพุธและวันศุกร์ 09.45-21.45 น.
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินลงที่สถานี Palais Royal หรือนั่งรถประจำทางสาย 21, 24, 27, 39, 48, 68, 69, 72, 76, 81, 95 ลงหน้าพิพิธภัณฑ์ได้เลย

5. พระราชวังแวร์ซาย (Chateau De Versailles) – กรุงปารีส

พระราชวังแวร์ซายอีกหนึ่ง ที่เที่ยวฝรั่งเศส ที่น่าจะคุ้นหูกันดี ที่นี่เป็นพระราชวังเก่าแก่ของฝรั่งเศสและเป็นมรดกโลกด้วยนะ สร้างตั้งแต่สมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 บอกเลยว่าไม่มีอยากให้พลาดที่นี่เพราะนอกจากได้ชื่นชมความสวยงามของพระราชวังแล้วยังถือว่าได้ชมงานศิลปะไปในตัวด้วยนะ เพราะที่พระราชวังแวร์ซายมีภาพวาด 6,123 ภาพ งานแกะสลักมี 15,034 ชิ้น ทั้งเครื่องใช้เก่าแก่ทำมือทั้งหมดและปรานีตมาก ๆ ความใหญ่โตของนี่ก็คือตัวพระราชวังทำด้วยหินอ่อนสีขาว มีห้อง 700 ห้อง และแต่ละห้องที่ตกแต่งแบบสถาปัตยกรรมสไตล์คริสต์ศตวรรษที่ 17 และ 18 เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอยู่ตลอดเวลาเลยล่ะ

ค่าเข้าชม : 15 EUR / คน
เวลาเปิด-ปิด : 09:00 – 17:30 น.
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟ RER สาย C ลงที่สถานี Versailles Rive Gauche (Versailles RG) เดินเท้าต่ออีกประมาณ 15 นาที

6. ประตูชัยฝรั่งเศส (Arc de Triomphe) – กรุงปารีส

รีวิวเที่ยวปารีสกับประตูชัยฝรั่งเศสอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญที่คนนิยมไปเช็คอิน ตั้งอยู่กลางจัตุรัสชาร์ล เดอ โกล ทางทิศตะวันตกของช็องเซลีเซ เป็นซุ้มประตูที่มีความงดงามและเป็นผลงานแกะสลักที่ได้รับการยอมรับว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในโลกด้วยนะ ประตูชัยนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นการสดุดีเหล่าทหารกล้าที่ได้ร่วมรบเพื่อประเทศฝรั่งเศสนั่นเอง โดยประตูชัยจะเป็นจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดของถนนถึง 12 เส้นทางเชื่อมโยงถึงเมืองสำคัญต่าง ๆ ไปยันชานเมืองปารีสเลยทีเดียว ก็นับว่าเป็นสถานที่สำคัญอันดับต้น ๆ ที่นักท่องเที่ยวแวะมาเยือนล่ะ

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่คนละ 8 EUR / เด็กต่ำว่า 17 ปีเข้าฟรี
เวลาเปิด-ปิด : 10.00 – 23.00 น.
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟ RER สาย A ไปลงที่ Charles de Gaulle หรือ รถ Metro สาย 1, 2 และ 6, ลงสถานี Charles-de-Gaulle-Etoile จากนั้นให้ออกทาง Wagram Exit เพื่อขึ้นไปที่เกาะกลางที่มีประตูชัยอยู่ เพราะจะไม่สามารถเดินข้ามถนนไปได้

7. ถนนฌ็องเซลิเซ่ (Champs-Elysees) – กรุงปารีส

มาฝรั่งเศสเมืองแห่งแฟชั่นแบบนี้ก็ต้องช้อปปิ้งสักหน่อย พามาเยือนถนนช้อปปิ้งที่เที่ยวปารีสชื่อดังอย่างถนนช็องเซลีเซ แถมไม่ธรรมดาเพราะได้ชื่อว่าเป็นถนนช้อปปิ้งที่งดงามที่สุดในโลกอีกด้วยจ้า เพราะตึกส่วนใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมที่มีการผสมผสานศิลปะ Art Deco กับการตกแต่งสไตล์ Art Nouveau แถมแต่ละร้านล้วนมีการออกแบบร้านและตกแต่งอย่างมีสไตล์และทันสมัยอยู่ตลอดเวลา สองข้างทางคือเต็มไปด้วยร้านแบรนด์เนมชื่อดัง ร้านอาหารและคาเฟ่ขนมหวาน เห็นแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าสมเป็นเมืองแห่งศิลปะและแฟชั่นจริง ๆ เลยเชียว

ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
วิธีการเดินทาง : สามารถนั่งรถไฟใต้ดินมาได้มีหลายสถานีที่ผ่าน เช่น สถานี George V สาย 1, สถานี Franklin D. Roosevelt สาย 1 กับ 9 และ สถานี Champs-Élysées – Clemenceau สาย 1 กับ 13

8. จัตุรัสปลาสเดอลาบูส (Place de la Bourse) – จังหวัดตูลูซ

เปลี่ยนบรรยากาศมาที่เมืองบอร์โดกันบ้าง เมืองแห่งไวน์และองุ่นที่เมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังนั่นก็คือ Place de la Bourse จัตุรัสที่สวยงามที่สุดของเมืองบอร์โดจัตุรัสแห่งนี้เต็มไปด้วยตึกและอาคารที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18 ทั้งหมดเลย ไฮไลท์ที่คนนิยมมากกันมาที่สุดก็คือ Miroir d’Eau น้ำพุกระจกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ตรงด้านหน้าของ Place de la Bourse เลย นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินเล่นพักผ่อนที่จุดนี้มาก ๆ เพราะจะได้ชมวิวของเมืองได้ด้วยนั้นเองเป็นอีกเมืองน่าเที่ยวในฝรั่งเศสที่น่าสนใจไม่น้อยเลย

ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟความเร็วสูง TGV จากสถานีรถไฟ Gare Montparnasse ไปยังสถานี Bordeaux Saint-Jean (ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง)

9. สะพานปงเนอฟ (Pont Neuf Toulouse) – จังหวัดตูลูซ

เป็นสะพานที่พาดผ่านระหว่างแม่น้ำการอน เป็นสะพานหินที่เก่าแก่ที่สุดเมือง Toulouse สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 และยังถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองอีกด้วย แถมการสร้างก็ยังน่าสนใจอีกนะเพราะเป็นการสร้างโดยเอาหินมาเรียงซ้อน ๆ กันถือเป็นสถาปัตยกรรมนวัตกรรมใหม่ในยุคนั้นเลย จะมีซุ้ม 7 ซุ้มเพื่อให้น้ำไหลผ่านได้ด้วย เปิดใช้ปี 1659 โดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงมาเปิดสะพานด้วยตัวเองเลย

ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟสาย A จาก Basso Cambo ไปลงที่สถานี Esquirol แล้วเดินต่อ 7 นาที

10. ปราสาทลุ่มแม่น้ำลัวร์ (Loire Valley Chateaux) – จังหวัดแอ็งเดรลัวร์

เดินทางออกไปนอกเมืองกันอีกหน่อยคราวนี้มาถึงตอนกลางของฝรั่งเศสกันบ้างมาชมดินแดนแห่งปราสาทลุ่มแม่น้ำลัวร์กัน ที่เรียกว่าเป็นดินแดนเพราะที่นี่มีปราสาทอยู่มากกว่า 300 ปราสาทซึ่งสร้างโดยกษัตริย์ และขุนนางในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 10 ถึง 20 ซึ่งจะเกาะกลุ่มกันอยู่ที่บริเวณเมืองอองเชร์,ตูร์และบล๊วก และแน่นอนว่าเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมด้วย มีปราสาทที่น่าสนใจและเข้าชมได้กว่า 40 ที่ หนึ่งในนั้นคือปราสาท Chenonceau จุดเด่นคือปราสาทนี้ตั้งคร่อมอยู่บนแม่น้ำเชอพอดี ซึ่งยากที่จะมีปราสาทในลักษณะนี้ ภายในปราสาทก็มีห้องมากมายที่สร้างจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ทั้งการเกิด ความรักและความตาย ใครมีแพลนมาตอนกลางของฝรั่งเศสไม่ควรพลาดนะ

ค่าเข้าชม : 14 EUR / คน
เวลาเปิด-ปิด : 09:00 – 17:30 น.
วิธีการเดินทาง : จากเมืองตูร์ และนั่งรถไฟ TER ไปยังสถานี Gare de Chenonceaux

11. มหาวิหารมงแซ็งมีแชล (Mont Saint Michel) – จังหวัดม็องช์

ที่เที่ยวฝรั่งเศส ที่นักท่องเที่ยวนิยมมากกันอีกอยู่ที่แคว้นบัส-นอร์ม็องดี ที่นี่คือวิหารมงแซ็งมีแชล เป็นวิหารคริสตจักรที่ตั้งอยู่บนเกาะกลางทะเลชายฝั่งแถบตะวันตกของฝรั่งเศส เห็นแล้วก็นึกถึงปราสาทในหนังที่ตั้งอยู่กลางทะเลอะไรแบบนี้เนอะ แต่นี่ของจริงจ้า ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกตะวันตกด้วยนะ ซึ่งแต่ก่อนที่นี่เคยเป็นสถานที่คุมขังมาก่อนที่จะถูกยกเลิกและบูรณะจนเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างทุกวันนี้ ตัววิหารสร้างด้วยหินแกรนิตสูง 155 เมตร บนยอดของวิหารมีรูปปั้นทูตสวรรค์มิคาเอลด้วย อีกกิจกรรมสุดฮิตเมื่อน้ำลดก็คือการขี่ม้าในทะเลที่เป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวอย่างมาก

ค่าเข้าชม : 9 EUR / คน
เวลาเปิด-ปิด : 09:00 – 18:00 น.
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟ TGV มาลงที่สถานีรถไฟ Rennes หรือ Dol De Bretagne แล้วต่อด้วยรสบัสที่มายัง Mont Saint Michel โดยตรงได้เลย

12. พระราชวังช็องบอร์ (Chateau de Chambord) – เมืองช็องบอร์

ปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในลุ่มแม่น้ำลัวร์ เขาบอกว่าที่นี่เป็นต้นแบบของปราสาทในการ์ตูนเรื่อง Beauty and the Beast โฉมงามกับเจ้าชายอสูร ด้วยนะและยังเป็นปราสาทที่สวยที่สุดในโลกเป็นอันดับที่ 2 อีกด้วยล่ะ โดยตัวปราสาทจะตั้งอยู่ใจกลางป่าใหญ่และอลังการมาก แค่รั้วปราสาทนี่ก็ยาวถึง 35 กิโลเมตรแล้วเว่อร์วังของจริง ใช้เวลาสร้างกว่า 28 ปี และตั้งใจสร้างให้เป็นที่พักผ่อนสำหรับการล่าสัตว์นั่นเอง สามารถเข้าชมด้านในได้ด้วยนะมีภาพวาดเก่าแก่และเฟอร์นิเจอร์โบราณจัดแสดงให้ชม

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 17 EUR / เด็ก 12 EUR
เวลาเปิด-ปิด : 09:00 – 18:00 น.
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Gare de Blois-Chambord จากนั้นต่อรถรับส่งฟรีไปที่พระราชวังได้เลย เดินทาง 25 นาที

13. มหาวิหารชาทร์ (Chartres Cathedral) – จังหวัดเออเรลัวร์

มหาวิหารชาทร์คืออาสนวิหารโรมันคาทอลิกประจำเมืองชาทร์หรือเรียกง่าย ๆ ก็คือสถานที่ที่ชาวคริสต์ใช้ทำการนมัสการพระเจ้านั่นเอง ก่อสร้างตามสถาปัตยกรรมกอทิกแบบฝรั่งเศสด้านหน้ามหาวิหารเป็นหอสองหอที่มีลักษณะต่างกัน  หอหนึ่งเป็นหอพีระมิดเรียบ ๆ ที่สร้างราวคริสต์ทศวรรษ 1140 ที่สูง 105 เมตร อีกหอหนึ่งสูง 113 เมตร สร้างราวต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 ที่ตกแต่งอย่างวิจิตรกว่าหอแรก ภายนอกมหาวิหารเป็นค้ำยันแบบปีกที่กางออกไปรอบตัวมหาวิหาร ด้านในก็โดดเด่นมากประดับด้วยกระจกสีกว่า 167 บานทีเดียว

ค่าเข้าชม : 6.20 EUR / คน
เวลาเปิด-ปิด : 08.30 – 19.30 น.
วิธีการเดินทาง : จากปารีสนั่งรถไฟใต้ดินสาย 4 Bagneux – Lucie Aubrac มาลงที่ Montparnasse จากนั้นต่อรถบัสสาย P13 มาลงที่ป้าย Gare de Chartres แล้วเดินต่ออีก 700 เมตร

14. พรอว็องส์ (Provence) – แคว้นโพรวองซ์

โพรวองซ์ (Provence) เป็นแคว้นทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศสมีชายแดนติดกับประเทศอิตาลี และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน บอกเลยว่าเป็นเมืองน่าเที่ยวในฝรั่งเศสอีกเมืองที่ถ้ามีโอกาสควรมา ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องไวน์และทุ่งลาเวนเดอร์ที่สวยงาม โดยเฉพาะที่ Valensole Plateau แห่งเมือง Valensole ทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงปกคลุมพื้นที่กว่า 800 ตารางกิโลเมตร เป็นสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ดีมาก แถมใครมาช่วงกรกฎาคม-สิงหาคมจะได้เห็นดอกทานตะวันสีเหลืองบานตัดกับสีม่วงของดอกลาเวนเดอร์ด้วยนะ สีแบบตัดกันสุด ๆ สวยธรรมชาติมากเป็น ที่เที่ยวฝรั่งเศส ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดอีกที่หนึ่งเลย นอกจากนี้ใน โพรวองซ์ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติสวย ๆ อีกเพียบ เที่ยวทั้งวันไม่มีเบื่อ

ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟความเร็วสูง TGV ไปลงที่สถานี Aix-en-Provence ได้เลย

15. เมืองชาโมนิกซ์-มงบล็อง (Chamonix Mont Blanc) – จังหวัดโอต-ซาวัว

ที่เที่ยวฝรั่งเศส กับยอดเขาที่สูงที่สุดบนเทือกเขาแอลป์ที่เมือง Chamonix เป็นเมืองเล็ก ๆ ตั้งอยู่ในแคว้นโอแวร์ญ-โรนาลป์ โดยจุดที่สูงที่สุดบนยอดเขาอยู่ที่ 4,809 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล โดยการที่จะขึ้นไปยังจุดยอดได้ต้องนั่งกระเช้าขึ้นไป โดยจะจอด 2 สถานีคือ Plan de l’aiguille สำหรับใครที่อยากเดินป่า ปีนเขาก็ลงสถานีนี้ได้เลย ส่วนใครอยากไปชมวิวข้างบนสวย ๆ ไปต่อที่สถานนีที่สอง Aiguille du midi ด้านบนก็จะมีจุดชมวิวให้เราได้เห็นยอดเขา Mont Blanc แบบชัด ๆ ข้างบนที่สูงมากมีหิมะอยู่ตลอดมากน้อยแล้วแต่ฤดูกาลนะ

ค่าเข้าชม : 69 EUR (ค่าเคเบิลคาร์ไปกลับ)
เวลาเปิด-ปิด : 08:10 – 16.30 น.
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟความเร็วสูง TGV จากสถานี Gare de Lyon ไปยังสถานี Bellegarde-sur-Valserine และต่อรถบัสไปยัง Chamonix เพื่อขึ้นเคเบิลคาร์

16. หมู่บ้านเทพนิยายแห่งแคว้นอาลซัส (Alsace Village) – จังหวัดสตราสบูร์ก

Alsace เป็นแคว้นหนึ่งของฝรั่งเศสอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือติดกับทางตะวันของเยอรมันนีด้วย ที่นี่เป็นเมืองน่าเที่ยวในฝรั่งเศสที่น่าสนใจมาก เพราะมีหมู่บ้านน่ารัก ๆ อยู่เต็มไปหมดเลยเหมือนหลุดออกมาจากในนิยาย โดยหมู่บ้านที่เราแนะนำคือ Colmar หมู่บ้านที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในแคว้น Alsace เลยนะ เต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนสีสันสดใสในสไตล์แบบยุคกลาง แถมยังมีลำคลองไหลผ่านตลอดทางจนได้ชื่อเล่นว่า Little Venice ด้วยล่ะ และความน่ารักอีกอย่างที่จะสดใสมากในหน้าร้อนก็คือดอกไม้ที่ชาวบ้านที่นี่นิยมปลูกใส่กระถางแล้วก็ตั้งไว้ตามระเบียง เห็นแล้วน่ารัก น่ามาถ่ายรูปสุด ๆ

ค่าเข้าชม : รอบ ๆ หมู่บ้านชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
วิธีการเดินทาง : จากปารีสสามารถนั่งรถไฟสาย 807B มาลงที่ Colmar ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง

17. มหาวิหารสตราสบูร์ (Strasbourg Cathedral) – จังหวัดสตราสบูร์ก

เป็นมหาวิหารแห่งแรกของฝรั่งเศสที่สร้างขึ้นมาในรูปแบบสไตล์โกธิกเป็น ที่เที่ยวฝรั่งเศส ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกจากยูเนสโกว่าเป็นวิหารที่สูงที่สุดในยุโรปแถบตะวันตกเลยล่ะ มหาวิหารนี้ถือเป็นมหาวิหารแห่งพระแม่มารีที่ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของนิกายโรมันคาทอลิก สร้างนานต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ กว่า 400 ปี ภายในยังเป็นที่จัดนาฬิกาดาราศาสตร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในหอนาฬิกาที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 5 EUR / เด็ก 3.50 EUR
เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์-วันเสาร์ 9:30-11:15 น. และ 14:00-17:45 น. วันอาทิตย์ 13:00-17:30 น.
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟลงที่สถานี Strasbourg แล้วเดินต่อ 1.5 กิโลเมตร หรือจะนั่งรถรางไปต่อก็ได้

18. เมืองการ์กาซอน (Carcassonne) – แคว้นอ็อกซีตานี

เป็นเมืองโบราณตั้งอยู่ในจังหวัด Aude ซึ่งเมือง Carcassonne เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากจากชาวยุโรปในช่วงฤดูร้อน ไฮไลท์ของเมืองนี้คือกำแพงเมืองและป้อมปราการโบราณ Carcassonne มีเขตเมืองเก่า(La Cité) และเมืองใหม่ ซึ่งเมืองเก่าก็จะมีป้อมปราการเก่าแก่ ที่ไม่ได้เป็นแค่ป้อมปราการนะแต่ยังมีบ้านคน มีร้านค้า ร้านกาแฟ ร้านเบียร์ ร้านของฝากเพียบเลย ไม่ได้รู้สึกน่าเบื่ออย่างที่คิด แต่ไฮไลท์คือ Cite de Carcassonne เนินเขาเมืองเล็ก ๆ ที่มีหอคอยถึง 53 ป้อม ในนี้เหมือนเป็นอีกเมืองนึงเลยคือมีโรงแรม วังเก่า โบสถ์ โรงละคร ร้านอาหาร ครบมากก แถมได้ขึ้นเป็นมรดกโลกเมื่อปี 1997 ด้วยเพราะความเก่าที่ยังคงสภาพไว้ได้อย่างดีเยี่ยมนั้นเอง

ค่าเข้าชม : รอบเมืองชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟสาย 621A ไปลงที่ Grenoble จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นรถบัสที่ป้าย Bilbao ไปลงที่ Carcassonne ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง

19. ปราสาทฟัวซ์ (Chateau de Foix) – เมืองฟัวซ์

ที่เที่ยวฝรั่งเศส ในเมืองฟัวซ์ เมืองทางใต้ของฝรั่ง มีที่เที่ยวที่เป็นไฮไลต์และที่เที่ยวสำคัญของเมืองก็คือ ปราสาทฟัวซ์ ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นป้อมปราการสำหรับป้องกันข้าศึกในสมัยก่อนตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 และก็ยังถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับการชุมนุมและงานเลี้ยงต้อนรับแขกสำคัญอยู่เสมอ ๆ รวมถึงครั้งหนึ่งก็ยังเคยใช้เป็นคุกอีกด้วย ปัจจุบันถูกบูรณะใหม่และมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงความเป็นมาและประวัติของปราสาท

ค่าเข้าชม : ชมปราสาท ผู้ใหญ่ 8 EUR / เด็กเข้าฟรี
เวลาเปิด-ปิด : 10.00 – 18.00 น.
วิธีการเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 4 ไปลงที่ป้าย Chateau de Foixได้เลย ใช้เวลา 10 นาที

20. คฤหาสน์โว เลอ วีกงต์ (Chateau de Vaux-le-Vicomte) – เมืองแม็งซี

ปราสาทที่เป็นต้นแบบของพระราชวังแวร์ซายคือเป็นสไตล์แบบบาโรกและมีสวนแบบฝรั่งเศสเว่อร์ ๆ เริ่ด ๆ ที่นี่สร้างขึ้นเพื่อ Nicolas Fouquet ซึ่งเป็นเสนาบดีกระทรวงการคลังในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 นั่นเอง แต่เดิมปราสาทไม่ได้ใหญ่โตขนาดนี้แต่ด้วยความที่ Nicolas Fouquet อยากจะปรับปรุงเลยให้สถาปนิกมาออกแบบให้และเขาออกแบบต่อเติมให้อลังการกว่าเดิมหลายเท่า แต่ความจริงแล้วเงินที่ใช้ก่อสร้างความใหญ่โตนี้ดันมาจากการยักยอกจากท้องพระคลังจึงทำให้เขาติดคุกตลอดชีวิต

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 18 EUR / เด็ก 13 EUR
เวลาเปิด-ปิด : 10.00 น. – 17.30 น.
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Gare de Verneuil-l’ Etang จากนั้นต่อรถชัตเติลบัสไปลงที่หน้า Chateau de Vaux-le-Vicomte ได้เลย

21. ปราสาทเชอนงโซ (Chateau de Chenonceau) – เมืองเชอนองโซ

มาดูเมืองน่าเที่ยวในฝรั่งเศสกับเมืองเชอนองโซ มีปราสาทที่มีประวัติยาวนานมาก ๆ ชื่อว่า ปราสาทเชอนงโซ เป็นปราสาทที่ถูกปกครองโดยผู้หญิงมายาวนานหลายร้อยปีและถูกเปลี่ยนเจ้าของมาหลายเจ้า เคยเป็นที่พักอาศัยของราชวงศ์และยังเคยเป็นโรงพยาบาลในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย ห้ามพลาดเลยคือเข้าชมห้องต่าง ๆ ในปราสาทแน่นอนว่าสวยงาม หรูหราแบบยุโรปชั้นสูงสุด ๆ รวมถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่สะท้อนออกมาจากการตกแต่งด้วย

ค่าเข้าชม : ชมปราสาทและสวน ผู้ใหญ่ 16.50 EUR / เด็กเข้าฟรี
เวลาเปิด-ปิด : 09:00 น. – 17:00 น.
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟความเร็วสูง TGV จากสถานีรถไฟ Montparnasse ไปลงที่สถานี Saint-Pierre-des-corps จากนั้นต่อรถไฟ TER ลงที่ Tours-Chenonceaux

22. พระราชวังฟงเตนโบล (Fontainebleau Palace) – เมืองฟงเตนโบล

หนึ่งในพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศสและยังเคยเป็นสถานที่ต้อนรับคณะราชทูตสยามในอดีตอีกด้วย ที่นี่เคยเป็นที่อยู่ของราชวงศ์ฝรั่งเศสมานานยาวหลายศตวรรษ ซึ่งก็มีการต่อเติมเสริมแต่งโดยกษัตริย์หลายพระองค์ การตกแต่งภายในและแต่งสวนมีทั้งงานประติมากรรม งานโลหะ งานจิตรกรรม งานไม้ และสวนลวดลายเข้าด้วยกันและหนึ่งในสถาปนิกที่ออกแบบคือ เลโอนาร์โด ดา วินชี นั่นเอง นอกจากความสวยงามแล้วเขายังจัดแสดงเครื่องใช้และเฟอร์นิเจอร์โบราณไว้ด้วย

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 13 EUR / เด็ก 11 EUR
เวลาเปิด-ปิด : 9.00 น. – 18.00 น. (ปิดทุกวันอังคาร)
วิธีการเดินทาง : รถไฟ Transilien สาย R จากสถานีรถไฟ Gare de Lyon ไปลงที่สถานี Fontainebleau Avon หลังจากนั้นต่อรถบัสสายไหนก็ได้ไปลงหน้า Fontainebleau Palace ได้เลย

23. พระราชวังสมเด็จพระสันตะปาปา (Palais des Papes) – เมืองอาวีญง

ที่เที่ยวฝรั่งเศส ที่ต่อมาพาไปดูความสวยอลังการอีกแล้วเมืองอาวีญงเคยเป็นที่พำนักของสมเด็จพระสันตะปาปาตั้งแต่ปี 1309 พระราชวังนี้เป็นปราสาทในยุคกลาง เป็นที่อยู่อาศัยของโป๊ปถึง 90 พระองค์ในช่วงช่วงศตวรรษที่ 14 งานสถาปัตยกรรมเป็นสไตล์แบบโกธิคพื้นที่ใหญ่มากมีบริเวณอยู่ถึง 15,000 ตารางกิโลเมตร ได้รับการขึ้นเป็นมรดกโลกแล้วเรียบร้อย

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 11 EUR / เด็ก 8.50 EUR
เวลาเปิด-ปิด : 9.30 น. – 18.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์)
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟความเร็วสูง TGV ไปลงที่สถานี Avignon จากนั้นต่อรถไฟไปลงที่ Avignon Centre แล้วเดินต่อ 5 นาที

24. สะพานหินปงดาวีญง (Pont Saint-Benezet (Pont d’ Avignon)) – เมืองอาวีญง

อีกหนึ่งที่เที่ยวสำคัญของเมืองน่าเที่ยวในฝรั่งเศสเมืองอาวีญง ที่นี่เป็นสะพานหินยุคกลางยาว 900 เมตรที่เหลือแค่ครึ่งเดียว ใช้เป็นสะพานข้ามแม่น้ำโรนเพื่อการค้าระหว่างทางเหนือและใต้ของประเทศ แต่ก่อนยังเป็นสะพานที่เชื่อมไปถึงพระราชวังสมเด็จพระสันตะปาปาด้วย แต่สะพานก็ได้รับความเสียหายอยู่หลายครั้งจากอุทกภัยทำให้สะพานพังในปี 1669 จนเหลือแค่ครึ่งเดียวจนถึงทุกวันนี้

ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟความเร็วสูง TGV ไปลงที่สถานี Avignon จากนั้นต่อรถไฟไปลงที่ Avignon Centre จากนั้นต่อรถบัสสาย 20 ไปลงที่ St Dominique

25. มหาวิหารน็อทร์ดามแห่งลาการ์ด (Basilica of Notre-Dame of la Garde) – เมืองมาร์กเซย

มหาวิหารที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ซึ่งสร้างขึ้นจากฐานของป้อมปราการโบราณอีกทีหนึ่ง แต่ก่อนที่นี่ถูกใช้งานหลายอย่างทั้งเป็นที่สักการะและเป็นป้อมกันเมือง ปัจจุบันนี้เป็นสถานที่ให้ชาวเมืองมาสวดภาวนา ด้านในตกแต่งสวยงามแบบสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์โดยมีลายทางด้านนอกที่สร้างจากหินสีแดงและสีขาว หรูหราด้วยกระเบื้องโมเสกขนาดใหญ่ จุดเด่นอยู่ที่รูปปั้นขนาดมหึมาของพระแม่มารีและพระเยซูที่ด้านบนของหอระฆัง ซึ่งทำจากทองแดงปิดทองและสูง 11 เมตร เป็น ที่เที่ยวฝรั่งเศส ที่น่าเที่ยวมากอีกหนึ่งที่เลย

ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : 08:00 – 18:00 น.
วิธีการเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 42 หรือ 48 ไปลงที่ป้าย Basilica of Notre-Dame of la Garde ได้เลย

26. สวนสาธารณะปาลส์ ลองฌอง (Palais Longchamp) – เมืองมาร์กเซย

เรียกว่าจุดศูนย์กลางของเมืองก็ว่าได้ สร้างขึ้นตั้งแต่ปีศตวรรษที่ 19 สมัยก่อนที่นี่เคยเป็นสวนสัตว์และหอดูดาวด้วยแต่ก็ถูกไปอย่างถาวรช่วง ค.ศ. 1980 ปัจจุบันนี้เป็นสวนสาธารณะและพิพิธภัณฑ์ พื้นที่ตรงนี้จะประกอบไปด้วย Chateau d’ Eau เป็นอาคารหลักที่สวยงามมากทำจากหินอ่อนแท้และหินแกรนิต มีรูปปั้นม้าและสิงโตและเทพีแห่งน้ำ ด้านในมีพิพิธภัณฑ์แสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และธรรมชาติของภูมิภาคนี้

ค่าเข้าชม : รอบ ๆ เข้าชมได้ฟรี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินสาย M1 ลงที่สถานี Cinq Avenues Longchamp จะออกมาทางสวนสาธารณะเลย

27. สะพานมีโย (Millau Bridge) – แคว้นอ็อกซีตานี

พาดูหนึ่งในสะพานที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกกับที่เที่ยวฝรั่งเศสตอนใต้ สะพานมีโย เป็นสะพานแขวนที่ยาว 2 กิโลเมตรสูงถึง 343 เมตร ได้รับรางวัลโครงสร้างดีเด่นด้วยล่ะ สะพานจะเชื่อมหุบเขาแม่น้ำทารน์ละแก้ปัญหาการจราจรจากปารีสไปยังมงเปอลีเยนั่นเอง เป็นจุดถ่ายภาพยอดฮิตของนักท่องเที่ยวและช่างภาพเลย ช่วงเช้าอากาศชื้น ๆ หน่อยจะมีหมอกสีขาวปกคลุมด้วย

ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟความเร็วสูง TGV ไปลงที่สถานี Montpellier แล้วต่อรถบัสสาย 681 ไปถึงสะพานเลย

28. เมืองแรนส์ (Rennes) – แคว้นเบรอตาญ

เมืองเล็ก ๆ น่ารักและคลาสสิค เนื่องจากมีมหาวิทยาลัยใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลกฉะนั้นเมืองนี้เลยจะมีนักศึกษาเยอะแถมยังได้รับเลือกให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในประเทศฝรั่งเศสประจำปี 2012 อีกด้วย มีที่เที่ยวประจำเมืองที่พลาดไม่ได้คือ CATHEDRALE SAINT-PIERRE DE RENNE โบสถ์ประจำเมืองที่ถูกตกแต่งด้วยทองเป็นส่วนใหญ่ หรูหรามาก ๆ เลยล่ะ แต่ที่เป็นไฮไลต์ก็ต้องไปถ่ายรูปเช็คอินกับตึกเอียงจุดเด่นของเมืองนะ

ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
วิธีการเดินทาง : จากปารีสนั่งรถไฟความเร็วสูง TGV ไปลงที่ Rennes ได้เลยใช้เวลาประมาณ 2.18 ชั่วโมง

29. ชายฝั่งหินแกรนิตสีชมพู (Pink Coast) – แคว้นเบรอตาญ

ตรงนี้เป็นเวิ้งอ่าวเล็ก ๆ ที่มีหาดทรายสีขาว น้ำทะเลสีคราม ป่าไม้ และเหล่าก้อนหินแกรนิคสีชมพูซึ่งเป็นจุดเด่นของที่นี่เลย เกิดจากแร่ธาตุสามชนิดคือ ไมกา เฟลด์สพาธ และควอตซ์ ซึ่งเรียงกันอยู่เป็นกลุ่มก้อนกระจายอยู่รอบ ๆ หาด ชาวฝรั่งเศสนิยมมาวิ่งและเดินเล่นริมหาดและยังเป็นจุดแฮงเอาต์ของวัยรุ่นด้วย หรือใครอยากจะเช่าจักรยานปั่นชมวิวก็ทำได้เหมือนกัน

ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
วิธีการเดินทาง : รถสาธารณะมีแค่แท็กซี่เท่านั้นและราคาแพงแนะนำให้เช่ารถพร้อมคนขับรอรับส่งจะสะดวกกว่า

30. หน้าผาเอทเทรทาท์ (Etretat Cliffs) – เมืองเอทเทรทาท

ที่เที่ยวฝรั่งเศส ที่น่าคุ้นตากับความสวยงามนี้ตามรูปภาพอินเทอร์เน็ตเนอะ หน้าผา Etretat จะอยู่ในหมู่บ้าน Etretat อีกทีหนึ่งเป็นหน้าผาหินปูนที่เกิดจากการกัดเซาะ บางส่วนถูกกัดเซาะจนทำให้จินตนาการเป็นรูปร่างต่าง ๆ เช่น ช้างที่กำลังเอางวงจุ่มลงน้ำ มีชายหาดสีขาวสะอาดสามารถลงไปเล่นน้ำได้ด้วย หากใครมาช่วงหน้าร้อนหรือใบไม้ผลิจะดีมากเพราะหญ้าด้านบนหน้าผาจะเขียวชอุ่มถ่ายรูปสวยมาเลยล่ะ

ค่าเข้าชม : นั่งกระเช้าขึ้นไปจุดยอด ผู้ใหญ่ 9 EUR / เด็ก 6 EUR
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟจาก Le Havre ไปลงที่สถานี Etretat จากนั้นเดินขึ้นหน้าผาจากในหมู่บ้านได้เลย

31. สะพานส่งน้ำโรมัน (Pont du Gard) – เมืองแวร์ปงดูว์การ์

ที่เที่ยวมรดกโลกในเมืองน่าเที่ยวในฝรั่งเศสเมืองแวร์ปงดูว์การ์ ที่นี่เป็นสะพานส่งน้ำโรมันโบราณ ซึ่งสร้างแบบพาดผ่านแม่น้ำการ์ดงไปเลยสูงกว่า 50 เมตรยาว 50 กิโลเมตร สะพานนี้ถูกใช้งานมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมันแต่พอจักรวรรดิโรมันล่มสลายก็ถูกหยุดใช้งานมาจนถึงปัจจุบันนี้เลยแต่สะพานก็ยังถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมีกิจกรรมที่น่าสนุกคือผ่านเรือคายัครอดสะพานนั่นเอง เป็นกิจกรรมที่เหมาะกับหน้าร้อนสุด ๆ

ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มีข้อมูล
วิธีการเดินทาง :

32. ช่องเขาแวร์ดง (Verdon Gorges) – แคว้นโพรวองซ์-อัลป์-โกตดาซูร์

เที่ยวธรรมชาติในฝรั่งเศสอีกหนึ่งที่แนะนำเลยก็คือ ช่องเขาแวร์ดง ได้ฉายาว่าเป็นแกรนด์แคนยอนแห่งยุโรปเลยล่ะมีหน้าผาสูงและธารน้ำสีเขียวมรกตยาวถึง 25 กิโลเมตร และลึกมากสุดถึง 700 เมตร เป็นช่องเขาที่ลึกที่สุดในยุโรปถูกหินปูนกัดเซาะนานับล้านปี เหมาะกับคนชอบทำกิจกรรมกลางแจ้งมีพายเรือแคนู เรือถีบ ปีนเขา เดินป่า ล่องแก่ง เรียกว่าเป็น ที่เที่ยวฝรั่งเศส ที่วิวดี ๆ มากอีกหนึ่งที่เลย

ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
วิธีการเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 915 ไปลงที่ Gare SNCF แล้วต่อแท็กซี่อีกประมาณ 1 ชั่วโมง

33. บันไดกษัตริย์อารากอน (King Aragon Stair Steps) – เมืองโบนิฟาซิโอ

บันไดหินแกะสลักเป็นแนวตั้งบนหน้าผาหินปูนทั้งหมด 187 ขั้น ซึ่งก็มีตำนานเกี่ยวกับบันไดนี้ว่าถูกขุดโดยทหารของกษัตริย์แห่งอารากอน อัลฟองโซที่ 5 โดยบันไดจะลงไปสู่น้ำพุธรรมชาติและถ้ำ ส่วนด้านล่างเชื่อกันว่าถูกขุดโดยพระฟรานซิสกัน แต่ของเดิมเป็นแบบไม่สมบูรณ์นะที่เห็นว่าสามารถเดินบันไดลงไปทะเลแล้วกลับขึ้นอย่างปลอดภัยได้ก็คือได้รับการบูรณะใหม่แล้วนั่นเอง

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 5 EUR / เด็ก 2.50 EUR
เวลาเปิด-ปิด : 10.00 น. – 16.30 น.
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟ TGV ไปลงที่ Toulon แล้วต่อรถบัสสาย 11 ไปลงที่ Mayol จากนั้นไปขึ้นเรือที่ Toulon Port ไปลงที่ Bastia ต่อรถบัสอีกครั้ง L-20 ไปลง Bunifaziu แล้วเดินต่อ 6 นาที

34. ถนนสายลาเวนเดอร์ (Sault Lavender Road) – เมืองโซลต์

เหมาะสุด ๆ ใครมาเที่ยวหน้าร้อนต้องมาดูทุ่งลาเวนเดอร์จ้า ที่เที่ยวฝรั่งเศส ฝั่งทางใต้เขาจะขึ้นชื่อเรื่องทุ่งลาเวนเดอร์มาก ๆ ในเมือง Sault จะมีถนนสายลาเวนเดอร์ยาว 14 กิโลเมตร เป็นจุดยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวเลยล่ะ เพราะจะได้เห็นทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงกว้างแบบสุดลูกหูลูกตาเลย มาเที่ยวได้ทั้งปีนะแต่สวยสุดช่วงกลางเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกรกฎาคม ดอกไม้จะบานเต็มที่

ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
วิธีการเดินทาง : เนื่องจากเป็นทางผ่านระหว่างเมืองแนะนำให้เช่ารถขับหรือซื้อทัวร์จะสะดวกกว่า ราคาทัวร์ประมาณ 20-30 EUR / คน

35. ชายฝั่งทะเลโกตดาซูร์ (Cote d’ Azur) – เมืองโซลต์

ปิดท้าย ที่เที่ยวฝรั่งเศส กันที่ ชายฝั่ง Cote d’ Azur อธิบายก่อนว่าตรงนี้เป็นบริเวณชายฝั่งนะไม่ใช่เมืองแต่ก็ครอบคลุมหลายเมืองในฝรั่งเลยทั้งนิส (Nice) / คานส์ (Cannes) / กลาสส์ (Grasse) บริเวณนี้ก็เป็นฟีลแบบที่เที่ยวตากอากาศติดทะเลสวย หาดสีขาว คนฝรั่งเศสเองก็นิยมมาอาบแดดกันที่นี่ มีไฮไลต์คือ Neuf Lignes Obliques ประติมากรรมแท่งเสาสีดำที่ตั้งสูงต้องไปถ่ายรูปเช็คอิน หรือจะขึ้นบันไดหิน 219 ขั้น ไปชมวิวบนเนินเขาก็ได้เหมือนกัน นอกจากทะเลแล้วก็มีน้ำตก คาเฟ่ ร้านอาหาร บาร์ เพียบ พักผ่อนของจริงปล่อยจอย ๆ

ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟ TER ไปลงที่ Toulon แล้วต่อรถบัสสาย 879 ไปลงที่ Gare Routiere แล้วเดินหรือนั่งรถแท็กซี่ต่ออีกประมาณ 2 กิโลเมตร

เที่ยวฝรั่งเศสด้วย YouTrip คุ้มกว่า

เท่านั้นยังไม่พอ! และเพื่อให้การไปเที่ยวฝรั่งเศสครั้งนี้ให้สะดวกมากขึ้น ขอแนะนำผู้ช่วยอย่าง YouTrip Perks ใครอยากคุ้มสามารถใช้จองโรงแรมหรือโฮสเทลผ่าน Agoda หรือจองตั๋วเข้าที่เที่ยวผ่าน Klook ก็ได้เงินคืนเพิ่มสูงสุด 10% ด้วยนะ

เรียกได้ว่าฝรั่งเศสเป็นประเทศที่ธรรมชาติสวยและขลังไปด้วยประวัติศาสตร์ระดับโลกมากมายเลยจริง ๆ แถมยังครบรสนะ จะสายช้อปปิ้ง สายธรรมชาติ สายประวัติศาสตร์คือมาแล้วฟินอ่ะ เหมือนได้มาถึงถิ่น ใครอยากเที่ยวยุโรปฝรั่งเศสก็เป็นประเทศที่เที่ยวง่าย สะดวกสบาย มือใหม่ไม่ต้องกลัวเลย ที่สำคัญมี YouTrip ไปด้วย สบายขึ้นเยอะ เพราะ YouTrip ใช้จ่าย เรทดี ทุกที่ทั่วโลก สมัครไว้รอเลย คุ้ม! ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี!