หลังจากมีโรคโควิด ทำให้ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ยุคไร้เงินสดกันแล้ว หันมาใช้จ่ายผ่านบัตรผ่าน Wallet กันมากขึ้น ซึ่งขอบอกเลยว่าโจรก็เปลี่ยนรูปแบบไปด้วยนะ โดยจะขโมยเงินจากบัตรต่างๆในมือของเรานั่นเอง หากใครที่ บัตรเครดิต เดบิต ถูกแฮก ต้องรับมือและทำอย่างไร มาดูกัน
บัตรเครดิต เดบิต ถูกแฮก ได้เงินคืนมั้ย?
อย่าเพิ่งตกใจไป! เมื่อรู้ตัวว่าบัตรเครดิต เดบิต ถูกแฮก ให้รีบติดต่อธนาคารผู้ให้บริการทันที เพื่อส่งคำร้องขอปฏิเสธรายการ และรอกระบวนการตรวจสอบ 45 – 90 วัน ถ้าตรวจสอบแล้วว่าคุณไม่ได้ใช้จ่ายตัวเองจริงๆ ก็จะได้เงินคืนซึ่งจะขึ้นอยู่กับกฎของบริษัทนั้นๆ อีกด้วย
สาเหตุที่ทำให้บัตรเครดิต เดบิต ถูกแฮก มีดังนี้
หากพูดถึงการถูกแฮก ที่จริงแล้วมันเกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน เพราะมันแทบจะแฝงอยู่ในหลายช่องทาง แต่มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แค่ระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการกระทำที่มีความเสี่ยงก็พอ เราได้รวบรวมมาให้แล้ว มาดูกันว่าสาเหตุเกิดจากอะไรบ้าง
1. ใช้จ่ายในเว็บไซต์ที่ไม่คุ้น
เวลาซื้อของออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ใหม่ๆ ที่เราไม่ได้ซื้อบ่อยหรือไม่ชินว่าเว็บนั้นมีความปลอดภัยหรือไม่ ซึ่งสังเกตได้จากบน URL จะมีสัญลักษณ์แม่กุญแจอยู่ โปรดเช็คตัวเว็บไซต์ให้ดีก่อนใส่ข้อมูลส่วนตัวและเลขบัตรต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ บัตรเครดิต เดบิต ถูกแฮก
2. เว็บไซต์ปลอม
โปรดระวังเว็บไซต์ปลอมที่ทำมาให้คล้ายคลึงกับเว็บไซต์จริง ปลอมแม้กระทั่งสัญลักษณ์แม่กุญแจที่เราสามารถดูได้ง่ายๆ สำหรับคนที่ใช้เว็บนั้นเป็นประจำก็อาจจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
3. หลีกเลี่ยงการกดลิ้งก์ที่ไม่ไว้ใจ
ลิ้งก์แปลกๆ ที่ส่งต่อกันมา ไม่ว่าจะได้รับทางอีเมลหรือข้อความทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งจะเป็นตัวเบิกทางในการล่วงข้อมูลส่วนตัวบนเครื่องมือของคุณ
4. ไม่ติดตั้งโปรแกรมแปลกๆ
บางเว็บไซต์หากมีการให้คุณติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเพื่อเข้าชม โปรดตรวจสอบให้ดีเพราะอาจจะมีมัลแวร์ที่คอยขโมยรหัสผ่านจาก Browsers เช่น IE, Firefox, Chrome, Safari เป็นต้น
5. ดักข้อมูลจากตู้ ATM
หลายคนเครื่องได้ยินข่าวเกี่ยวกับตู้ ATM ที่ถูกติดเครื่องดักข้อมูลไว้ในประเทศไทย ซึ่งจริงๆ แล้วมีอยู่ทุกมุมโลก เวลากดสังเกตุช่องเสียบบัตร ATM ให้ดีว่ามีเครื่องอะไรติดอยู่หรือไม่ ก่อนเสียบบัตรลองสังเกตตู้ข้างๆ หรือเอามือจับดูว่ามันแปลกกว่าปกติหรือไม่
6. ขโมยข้อมูลจากร้านค้า
การรูดกับทางร้านค้าใช้ว่าจะปลอดภัย เพราะการรูดบัตรทุกครั้งข้อมูลลูกค้าก็จะไปอยู่กับเครื่องรูดแล้ว ทำให้เหล่านักแฮกเกอร์สร้างไวรัสขึ้นมาเพื่อจะทำการขโมยข้อมูลบัตรต่างๆ ออกมาให้ได้
7. ขโมยข้อมูลจากธนาคาร
ระบบจัดเก็บข้อมูลบัตรเครดิตลูกค้าธนาคารนี่แหละ คือเป้าหมายของนักแฮกเกอร์ทั้งหลาย ทำให้ธนาคารต้องทำการอัพเดทซอฟท์แวร์การป้องกันอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งจะทำให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลได้ยากขึ้นนั่นเอง
ไม่อยากให้โดนแฮก ต้องทำอย่างไร?
1. เลือกบัตรที่สามารถล็อกบัตรได้ด้วยตัวเอง
บางเว็บไซต์หากมีการให้คุณติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเพื่อเข้าชม โปรดตรวจสอบให้ดีเพราะอาจจะมีมัลแวร์ที่คอยขโมยรหัสผ่านจาก Browsers เช่น IE, Firefox, Chrome, Safari เป็นต้น
2. เปลี่ยนจากการใช้บัตรเดบิตมาใช้แบบเติมเงิน
บัตรเดบิตในไทยส่วนใหญ่ยังไม่มีระบบล็อกบัตร อาจทำให้เงินคุณถูกใช้ไปโดยไม่รู้ตัว เปลี่ยนการใช้ออนไลน์หรือร้านค้าต่างๆ มาใช้ Wallet เติมเงินแทนอย่าง YouTrip จะดีกว่า จะใช้จ่ายแล้วค่อยเติม แถมล็อกบัตรได้ด้วยนะ
ถึงแม้ว่าบัตรเครดิต เดบิต ถูกแฮก จะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ แต่การเตรียมการป้องกันรับมือไว้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะกว่าจะได้เงินคืนมานั้นยาก รอนานซะเหลือเกิน หันมาใช้บัตร YouTrip ที่เป็น Wallet และมีระบบล็อกบัตรจะดีกว่า แถมซื้อของต่างประเทศไม่มีค่าธรรมเนียม 2.5% ได้เรทดีกว่าบัตรเครดิตอีกด้วยนะ ดีขนาดนี้อดใจไหวหรอ สมัครฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี