อยากเที่ยวฝั่งอเมริกาแบบเลิศ ๆ สักครั้งในชีวิต ประเทศที่มีทั้งความเจริญ ทันสมัย และเป็นผู้นำในหลากหลายด้านแถมยังเป็นประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกอีกด้วย ดีกรีเขาเยอะขนาดนี้ก็อยากไปสัมผัสของจริงให้รู้แจ้งกันไปเลย โดยเฉพาะที่เที่ยวติดอันโลกในอเมริกาเองก็มีเยอะมาก ๆ วันนี้จะพามาดู ที่เที่ยวอเมริกา ทั่วอเมริกาเลยว่าเมืองไหนมีอะไรน่าเที่ยวบ้าง
เที่ยวอเมริกาเดือนไหนดี ?
ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม) โดยรวมอากาศเย็นสบายบางพื้นที่อาจจะยังหนาวอยู่ ดอกไม้ออกดอก ต้นไม้สีเขียวใบเยอะ ชาวเมืองมักจะชอบออกมาทำกิจกรรมกลางแจ้งฉะนั้นใครอยากไปแล้วเจอบรรยากาศสบาย ๆ คึกคัก ต้องไปช่วงนี้ อุณหภูมิจะแตกต่างกันตามสถานที่
ภาคตะวันออก 4 ถึง 16 องศา
ภาคกลาง 10 ถึง 21 องศา
ภาคตะวันตก 4 ถึง 16 องศา
ภาคตะวันตกเฉียงใต้ 10 ถึง 21 องศา
ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม) เหมาะกับไปทะเลและทำกิจกรรมกลางแจ้ง เดินเที่ยวได้สบายแดดสวย ไม่ร้อนจัดเท่าบ้านเรา คนไทยเราสบาย ๆ เลยล่ะ อุณหภูมิจะแตกต่างกันตามสถานที่
ภาคตะวันออก 21 ถึง 27 องศา
ภาคกลาง 21 ถึง 32 องศา
ภาคตะวันตก 21 ถึง 27 องศา
ภาคตะวันตกเฉียงใต้ 27 ถึง 38 องศา
ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน) ใครชอบความใบไม้เปลี่ยนสีบอกเลยที่อเมริกาสวยงามมาก ๆ บรรยากาศดี เต็มไปด้วยสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีทั้งส้ม เหลือง แดง น้ำตาล ถ่ายรูปสนุก อุณหภูมิจะแตกต่างกันตามสถานที่
ภาคตะวันออก 16 ถึง 27 องศา
ภาคกลาง 10 ถึง 21 องศา (บางพื้นที่อาจติดลบ)
ภาคตะวันตก 10 ถึง 21 องศา
ภาคตะวันตกเฉียงใต้ 16 ถึง 27 องศา
ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์) มีหิมะและอากาศหนาวเย็นจัดเลย ใครอยากหนีร้อนจากไทยมารับไอเย็นที่อเมริกาบอกเลยว่าฉ่ำแน่นอนและยังอยู่ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ก็จะเต็มไปด้วยสีสันของการตกแต่งและบรรยากาศแบบงานเฉลิมฉลอง อุณหภูมิจะแตกต่างกันตามสถานที่
ภาคตะวันออก -6 ถึง 4 องศา
ภาคกลาง -12 ถึง -1 องศา
ภาคตะวันตก -1 ถึง 10 องศา
ภาคตะวันตกเฉียงใต้ 4 ถึง 16 องศา
การเดินทางในอเมริกาเป็นอย่างไร ?
รถไฟใต้ดิน – มีเฉพาะเมืองใหญ่ นิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส ฟิลาเดลเฟีย ชิคาโก บอสตัน แอตแลนต้า วอชิงตัน ดี.ซี. ซานฟรานซิสโก ราคาไม่แพงหากซื้อตั๋วรายสัปดาห์จะถูกลงอีก ใช้สำหรับเดินทางรอบ ๆ เมือง
รถไฟ – วิ่งให้บริการระหว่างเมืองใหญ่ไปเมืองรอบนอกหรือย่านพักอาศัยนั้น เข้าใจง่าย ๆ ก็คือขนส่งคนที่อยู่รอบนอกเมืองเข้าสู่ใจกลางเมืองนั้นเอง มีให้บริการระหว่างเมืองทั่วประเทศเลย ราคาแพงกว่ารถไฟแต่ก็ทำเวลาได้ดีกว่าเช่นกัน
รถบัส – มีทั้งในเมืองเล็กและเมืองใหญ่ ราคาไม่แพง ตรงไหนที่มีรถบัสสังเกตได้เลยว่าแถวนั้นมักจะเป็นชุมชน โรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยเป็นส่วนใหญ่ วิ่งในเมืองและยังเชื่อมเมืองต่าง ๆ ด้วย
รถราง – จะเห็นได้ตามเมืองตากอากาศเป็นส่วนใหญ่เช่น ซานฟรานซิสโก,นิวออร์ลินส์,พอร์ตแลนด์,ซินซินนาติ,เมมฟิส เป็นต้น เป็นขนส่งที่จะได้ชมวิวแล้วก็ได้ความรู้สึกคลาสสิคเดินทางได้รอบ ๆ เมือง
แท็กซี่ – ราคาแพง เสี่ยงรถติดแต่หากไปกันเป็นกลุ่มนั่งแท็กซี่ก็สบายกว่า หรือสามารถใช้บริการแชร์รถ เช่น Uber และ Lyft ก็ได้ ราคาไม่แรงเท่าแท็กซี่
การใช้จ่ายในอเมริกา

อเมริกาเป็นประเทศที่ใช้เงินสดน้อยที่สุดในโลกเลยนะ ฉะนั้นนักท่องเที่ยวแบบเราก็เน้นพกบัตรไว้รูดหรือแตะจ่ายได้เลย แถมยังใช้จ่ายแบบประหยัดขึ้นอีกในอเมริกาด้วย YouTrip ยกตัวอย่างเช่น ตั้งงบเที่ยวอเมริกา ไว้ที่ 1,654 USD หากด้วยจ่ายด้วยบัตรเครดิตอยู่ที่จำนวนเงิน 61,812 บาท แต่หากเปลี่ยนมาจ่ายด้วย YouTrip จะเหลือเพียง 60,000 บาท ได้ประหยัดเพิ่มถึง 1,812 บาท เลยจ้า เพราะ YouTrip ให้เรทที่ดีและไม่มีค่าธรรมเนียม 2.5% ในการใช้จ่ายนั่นเอง
ทำความรู้จักประเทศอเมริกาอันใหญ่โตไปแล้ว ตามมาดูที่เที่ยวพร้อมวิธีเดินทางเที่ยวอเมริกาด้วยตัวเองกันต่อเลย
New York
1. อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ (Statue of Liberty)

เปิด ที่เที่ยวอเมริกา ที่แรกก็ต้องเริ่มด้วยภาพจำของอเมริกาก่อนเลย อยู่ในทุกภาพ หนังทุกเรื่องที่พูดถึงอเมริกานั้นก็คือเทพีเสรีภาพนั่นเอง รูปปั้นสูง 93.3 เมตร ทำจากโลหะสำริด เทพีที่เราเห็นอยู่คือเทพีลิเบอร์ตาส เป็นเทพีเสรีภาพของโรมันซึ่งเป็นของขวัญจากฝรั่งเศสเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองวันชาติครบ 100 ปีของสหรัฐอเมริกา ตัวเทพีจะสวมมงกุฎ 7 แฉก เปรียบเสมือนเครื่องหมายแห่งอิสรภาพของสหรัฐอเมริกาที่พ้นจากการเป็นอาณานิคมซึ่งได้รับการขึ้นมรดกโลกในปี 1984 ด้วย
ค่าเข้า : เริ่มต้น 18.5 USD รวมค่าเรือไปกลับ
เวลาเปิดปิด : 08:00 – 16:00 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟจากสถานี Times Sq – 42 St Subway Station มาลงที่สถานี Chambers Street Station แล้วต่อไปยังสถานี South Ferry Station เดินเท้าต่ออีก 6 นาทีเพื่อไปยังท่าเรือเฟอร์รี่ Statue Cruises ใช้เวลาเดินทางประมาณ 26 นาที
2. ตึกเอ็มไพร์สเตต (Empire State)

ไอคอนแห่งเมืองนิวยอร์ก เป็นตึกสูง 103 ชั้น และยังเป็นตึกแรกของโลกที่สูงมากกว่า 100 ชั้น ครองสถิติยาวนานมากที่สุดถึง 40 ปีอีกด้วย กิจกรรมที่เราสามารถไปทำได้ที่นี่คือชมวิวเมืองนิวยอร์กจากมุมสูงบนดาดฟ้าชั้น 86 และยังมีหอดูดาวในร่มด้วยอยู่ที่ชั้น 102 นอกจากกล้องดูดาวแล้วก็ยังมีกล้องส่องทางไกลมองเห็นไปยังรัฐอื่นที่อยู่ใกล้ ๆ ได้อีกด้วย หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของอเมริกาใครมีโอกาสไปก็แวะไปถ่ายรูปเช็คอินสักหน่อยนะ
ค่าเข้า : ชมวิวชั้น 86 ผู้ใหญ่ 44 USD / เด็ก 38 USD
เวลาเปิดปิด : 11:00 – 23:00 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินจากสถานี Times Sq – 42 St ไปลงที่สถานี 34 St – Herald Sq Subway Station แล้วเดินต่อ 3 นาที
3. สะพานบรูคลิน (Brooklyn Bridge)

มาดู ที่เที่ยวอเมริกา กันต่อกับ สะพานบรูคลินเป็นสะพานแขวนใช้ข้ามแม่น้ำอีสต์ยาวประมาณ 500 เมตร เป็นสะพานแขวนที่เก่าแก่ที่สุดในอเมริกานั้น สมัยก่อนก็คือถือเป็นความสำเร็จทางด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่มากเลยล่ะ สะพานบรูคโด่งดังจากการเป็นโลเคชั่นถ่ายหนังและเป็นโลเคชั่นยอดฮิตอีกหนึ่งที่สำหรับถ่ายรูปเชคศิลปวัฒนธรรมในโซเชียล กิจกรรมที่ห้ามพลาดเลยก็คือเดินข้ามสะพานหรือปั่นจักรยานข้ามสะพานบูรคลินนั่นเอง ใกล้ ๆ กันก็ยังมีสวนสาธารณะบรูคลินให้ไปนั่งเล่นนั่งพักเหนื่อยได้ด้วย
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิดปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินสาย F มาลงที่สถานี York Street หรือสาย A และสาย C มาลงที่สถานี High Street–Brooklyn Bridge จากนั้นเดินขึ้นมาบนถนน Prospect St หรือสะพานบรูคลินบริเวณใต้สะพานได้เลย
4. สวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์ค (Central Park)

ที่เที่ยวอเมริกา นิวยอร์ก ที่เป็นเหมือนปอดของคนเมืองก็ว่าได้เพราะว่าในนิวยอร์กนั้นเต็มไปด้วยตึกและสิ่งก่อสร้างสวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์คเลยเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่เดียวของเมือง พื้นขนาดใหญ่มากอุดมสมบูรณ์ด้วยต้นไม้หลายพันธุ์ มีสะพานข้ามทะเลสาบ Springbanks Arch,น้ำพุ Bethesda และ Bethesda Terrace ที่เป็นสถาปัตยกรรมสวนงามของสวนด้วย ชาวเมืองนิยมมาออกกำลังกาย พักผ่อน เป็นจุดรวมพลที่นี่ ด้านในยังมีทั้งสวนสัตว์ สวนผีเสื้อ สระว่ายน้ำ อีกด้วย
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิดปิด : 06:00 – 01:00 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินจากสถานี Times Sq – 42 St Subway Station ไปลงที่สถานีรถไฟใต้ดิน 59 St Columbus Circle หลังจากนั้นเดินไปยัง Central Park ได้เลย
4. ย่านไทม์สแควร์ (Time Square)

ย่านโด่งดังเป็น ที่เที่ยวอเมริกา ที่พลาดไม่ได้ ยิ่งใครมาอเมริกาครั้งแรกแนะนำให้มามาก ๆ ย่านนี้เป็นย่านที่รวมทุกอย่างไว้เลย จะคึกคักมากช่วงเย็นและกลางคืนเต็มไปด้วยแสงสีเสียงทั้งจากไฟรถและป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่ติดอยู่บนตึกสูง มีร้านค้า โรงละคร ร้านอาหาร คาเฟ่เป็นศูนย์รวมแฟชั่นเลยด้วย ใครมาตอนกลางคืนต้องไปบริเวณสามเหลี่ยมเป็นศูนย์กลางของย่านเป็นจุดที่จะได้สัมผัสความอเมริกาแบบสุด ๆ ไปเลยล่ะ ส่วนใครมาช่วงปีใหม่ก็อย่าลืมไปเคาท์ดาวน์ที่ไทม์สแควร์นะเป็นที่นิยมของคนทั่วโลกกิจกรรมเคาท์ดาวน์อลังการทุกปี
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิดปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : นั่ง Subway สาย 1, 3, 7, A, F หรือ N ไปลงสถานี Times Square-42 Street
6. พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน (The Metropolitan Museum of Art)

หรือว่าที่คนเมืองเรียกกันสั้น ๆ ว่า The Met นะ เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาความน่าสนใจไม่ใช่แค่วัตถุที่ที่จัดแสดงนะ แต่ตัวอาคารเองก็น่าสนใจมากศิลปะโกธิคแบบดั้งเดิม ด้านหน้าตึกและภายในโถงหลักเป็นศิลปะ Beaux-Arts สไตล์ฝรั่งเศส เข้ามาแล้วเหมือนได้อยู่ในวังเก่าเลยล่ะ ที่นี่จะมีทั้งโซนจัดแสดงถาวรและหมุนเวียน โซนถาวรจะเป็นภาพวาด 21,000 ภาพ และภาพพิมพ์ 1.2 ล้านภาพ มาจากทั้งยุโรปและอเมริกา และก็มีโซนอื่น ๆ อีกหลายโซนอย่างโซนอียิปต์จัดแสดงรูปปั้นวัตถุโบราณกว่า 26,000 ชิ้น ตั้งแต่ยุค Paleolithic จนถึงสมัยโรมัน และแน่นอนว่ามีโซนเอเชียด้วย หนึ่งในวัตถุที่โด่งดังคือ The Golden Boy ประติมากรรมโบราณที่ตอนนี้ส่งกลับคืนประเทศไทยเราเรียบร้อยแล้วนั่นเอง
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 25 USD / เด็ก 20 USD
เวลาเปิดปิด : 10:00 – 17:00 น. (ปิดวันจันทร์ – พุธ)
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟสาย4, 5 หรือ 6 ไปลงที่สถานี 86th Street Station แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 10 นาที
7. สวนสาธารณะลอยฟ้าไฮไลน์ (The High Line)

ด้วยความที่อเมริกาเขามีพื้นที่สีเขียวไม่เยอะฉะนั้นหากมีตรงไหนที่พอทำเป็น Green Zone ได้เขาก็จะทำหมดเลยที่นี่คือสวนสาธารณะที่ดัดแปลงมาจากรางรถไฟเก่าที่ร้างแล้วกลายเป็นสวนลอยฟ้าแบบนี้ สูงจากพื้นดินประมาณ30 ฟุต ยาว 2.3 กิโลเมตร ถูกประดับให้เต็มไปด้วยพุ่มไม้ประดับ ต้นไม้สีเขียว และมีเก้าอี้ให้นั่งพักอยู่ตลอดทางอีกด้วย
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิดปิด : 06:00 – 22:00 น.
วิธีเดินทาง : นั่ง Subway สาย A C E L มาลงสถานี 14th Street เดินออกมาจะเจอทางขึ้น The High Line
8. พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ (The Museum of Modern Art)

พิพิธภัณฑ์ศิลปะใจกลางเมืองนิวยอร์ก ไปง่าย เที่ยวอเมริกาด้วยตัวเองได้เลย ที่นี่เป็นศูนย์รวมงานศิลปะสมัยใหม่มีการจัดเก็บชิ้นงานชื่อดังระดับโลกทั้งรูปภาพ งานสถาปัตยกรรม งานออกแบบ รูปปั้น สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ มีครบหมดเลยรวมแล้วกว่า 90,000 ชิ้น มีผลงานของศิลปินชื่อดังอย่าง Van Gogh, Gauguin, Cézanne, Seurat
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 25 USD / เด็กเข้าฟรี
เวลาเปิดปิด : 10:30 – 17:30 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินสาย E หรือ M มายังสถานี 5th Avenue Station หรือสถานี 53rd Street Station จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที
9. พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติอเมริกา (American Museum of Natural History)

โลเคชั่นดังจากหนังหลายเรื่อง ที่นี่เป็นแหล่งในการเผยแพร่ทั้งวัฒนธรรมของมนุษย์ โลก ธรรมชาติและจักรวาลโดยรวมวิวัฒนาการของสัตว์และพันธุ์พืชหลากชนิดตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ไฮไลต์อยู่ที่การจัดแสดงโชว์โครงกระดูกของสัตว์ชนิดต่าง ๆ แบบสมจริงมาก ๆ ไซซ์แบบของจริงเลย โดยเฉพาะไดโนเสาร์ แบ่งเป็นโซนหลายอย่างเช่น โซนศิลปวัฒนธรรมทวีปต่างๆ โซนสัตว์ทะเล โซนกำเนิดของโลก โซนแร่ธาตุ โซนวิวัฒนาการมนุษย์ ฯลฯ และยังมีโซนเปิดใหม่ The Gilder Center จำลองการเกิดของจักรวาลอีกด้วย
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 28 USD / เด็ก 23 USD
เวลาเปิดปิด : 10:00 – 17:30 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินสาย B หรือ C ไปลงที่สถานี 81st Street Station จากนั้นให้เดินต่อไปที่พิพิธภัณฑ์ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 2 ช่วงตึก
10. ตึกรังผึ้งเวสเซล (The Vessel)

The Vessel เป็นตึกรูปรังผึ้งด้วยความที่รูปร่างแปลกตาและสวยงามขนาดนี้ก็เลยกลายเป็นที่เที่ยวนิวยอร์กแบบคลู ๆ ตึกรังผึ้งนี้สูงถึง 46 เมตร หรือประมาณตึก 16 ชั้น แน่นอนว่าตึกนี้เป็นจุดเด่นของย่านริมแม่น้ำ Hudson เลยล่ะ ส่วนเรื่องการออกแบบเขาบอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากบ่อน้ำขั้นบันไดโบราณหรือที่เรียกกันว่า Stepwell ของประเทศอินเดียนั่นเอง ตัวตึกสวยมากนะเป็นเหล็กสีดำตัดกับบันไดสีทองแดง ไฮไลต์คือเราสามารถเลือกทางเดินขึ้นไปได้แบบอิสระเลยจะขึ้นจุดนี้แล้วเดินไปลงจุดนั้นเปลี่ยนมุมไปเรื่อย ๆ ก็ได้ ขึ้นชมวิวมุมสูงได้บน หรือใครเดินไม่ไหวเขาก็มีลิฟต์ให้บริการนะ
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิดปิด : 10:00 – 21:00 น.
วิธีเดินทาง : เดินทางด้วยรถไฟ Subway สาย 7 ลงที่ป้ายสถานี 34th Street-Hudson Yards Subway Station
11. ศูนย์ศิลปะอินเตอร์เมอร์ (INTER_IAM)

มาดื่มด่ำกับการชมงานศิลปะแบบใหม่กัน ที่นี่จะจัดแสดงงานศิลปะผ่านแสง สี เสียง สะท้อนแง่มุมต่าง ๆ ให้เราค่อย ๆ คิด ทำสมาธิแล้วดื่มด่ำกับความรู้สึกนั้น ๆ เป็นศิลปะแบบดิจิทัลแบบอินเทอร์แอคทีฟ เปิดใหม่ได้แค่ 1 ปีเองนะ ชาวนิวยอร์กก็คือฮิตมากเลย ส่วนใหญ่งานของเขาจะเน้นสิ่งที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอย่าง ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งจะมาพร้อมกับเพลงประกอบแบบเร้าใจและฉายภาพแบบ 360 องศาเหมือนหลุดไปอยู่อีกมิติหนึ่งเลยล่ะ
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 36 USD / เด็ก 27 USD
เวลาเปิดปิด : 13:00 – 20:00 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟสาย A ไปลงที่สถานี Canal St. แล้วเดินต่ออีก 6 นาที
12. น้ำตกไนแอการา (Niagara Falls)

ตามมาดู ที่เที่ยวอเมริกา ที่เป็นที่เที่ยวธรรมชาติระดับโลกที่พลาดไม่ได้เด็ดขาด แถมยังเป็นหนึ่งในน้ำตกที่สวยที่สุดในโลกเกิดตั้งแต่สมัยปลายยุคน้ำแข็งหรือประมาณ 12,500 ปีก่อน พอน้ำแข็งละลายแล้วก็เลยกลายเป็นมวลน้ำมหาศาลลงไปที่แม่น้ำไนแองการ่าลงผาสูงและกว้างกลายเป็นน้ำตกนั่นเอง เขาทำสะพานให้เราเดินขึ้นไปชมน้ำตกแบบไกล ๆ ได้ด้วยนะอลังการและสวยมาก ๆ หรือใครกลัวก็สามารถขึ้นไปชมวิวที่หอคอยได้เหมือนกัน
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิดปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟสาย 25 จาก 25B Downtown จากนั้นเปลี่ยนไปนั่งสาย 40 เพื่อไปลงที่สถานี Rainbow Boulevard 1st Street West แล้วเดินต่อ 10 นาที
Washington, D.C.
13. อนุสรณ์สถานโทมัสเจฟเฟอร์สัน (Thomas Jefferson Memorial)

โทมัส เจฟเฟอร์สัน เป็นประธานาธิบดีคนที่ 3 ของอเมริกาและได้รับการยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์โลกจนทางอเมริกาสร้างอนุสรณ์สถานขึ้นเพื่อเป็นเกียรติให้กับเขานั่นเอง อนุสรณ์สถานจะเป็นโดมตื้น ๆ สร้างจากหินอ่อนอิมพีเรียลแดนบีสีขาว ด้านในจะมีรูปปั้นสีทองแดงของโธมัส เจฟเฟอร์สันขนาดใหญ่ตั้งอยู่ และยังเป็น ที่เที่ยวอเมริกา สำหรับจุดชมวิวช่วงใบไม้ผลิด้วยนะเพราะว่าอนุสรณ์สถานตั้งอยู่รอบๆ ลุ่มน้ำ Tidal Basin ยังมีต้นซากุระอยู่ด้วยนะ
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิดปิด : 08:30 – 17:30 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย สายสีน้ำเงิน สีส้ม หรือสีเงิน ก็ได้ไปลงที่สถานี Smithsonian
14. สวนสาธารณะเนชันแนล มอลล์ (National Mall)

อยู่ใจกลางกรุงวอชิงตัน ดีซี เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยพิพิธภัณฑ์และอนุสรณ์สถานมากมายเช่น อนุสรณ์สถานวอชิงตัน,อนุสรณ์สถานลินคอล์น,อาคารรัฐสภาสหรัฐอเมริกา เป็นต้น ก็เลยเป็นสถานที่เอาไว้ให้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์อะไรแบบนี้ ตัวสวนเองก็ร่มรื่นนะต้นไม้เยอะสามารถวิ่งออกกำลังกายได้ มานักปิกนิก นั่งเมาท์มอยกัน บางครั้งมีจัดคอนเสิร์ตในสวยด้วย
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิดปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 32 ไปลงที่ Independence Av SW & 3 St SW แล้วเดิน 2 นาที
15. หอคอยสเปซ นีดเดิล (Space Needle)

เป็นหอสังเกตการณ์และแลนด์มาร์กชื่อดังในเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน ดี.ซี. สร้างปี 1962 ตอนแรกเขาสร้างเพื่อจัดงาน World’s Fair แต่สุดท้ายก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองไปเลย ตึกเป็นทรงสูงเพรียวยอดตึกเป็นรูปร่างคล้ายกับจานบิน ในสมัยก่อนก็คือเป็นดีไซน์ที่ล้ำสมัยมากเลยล่ะ ด้านบนเป็นจุดชมวิวมีร้านอาหารทั้งแบบ indoor และ outdoor อย่าง Sky City Restaurant เป็นร้านอาหารที่หมุนได้ 360 องศาอีกด้วย
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 33 USD / เด็ก 27 USD
เวลาเปิดปิด : 08:30 – 21:30 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟลงสถานี King Street Station แล้วต่อรถบัสสาย 1, 11, 40, 48 หรือ 61 ลงที่หน้า Space Needle ได้เลย
16. เลโก้ ดิสคัฟเวอรี่ เซนเตอร์ (LEGO Discovery Center)

อยู่ในเมือง Washington, D.C. จัดเต็มคนรักเจ้าตัวต่อเลโก้ใครเป็นแฟนเลโก้หรือมีเด็ก ๆ มากับทริปด้วยที่นิวยอร์กเองก็มีสวนสนุกเลโก้อยู่ด้วยนะ กิจกรรมเพียบเลยทั้ง Miniland เมืองขนาดเล็กที่สร้างขึ้นจาก LEGO Bricks,Rides เทอร์โบสไลด์และรถไฟเหาะ LEGO,โรงหนัง 4D มีฉายหนัง LEGO 4D ที่แสนจะตื่นเต้นเอฟเฟคเพียบ และ LEGO Cafe อาหาร ขนม เครื่องดื่มในธีมเลโก้สุดน่ารัก
ค่าเข้า : ราคาเริ่มต้น ผู้ใหญ่ 19.99 USD (เด็กเข้าฟรี)
เวลาเปิดปิด : วันจันทร์ – วันเสาร์ 10:00 – 19:00 น. / วันอาทิตย์ 11:00 – 18:00 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Franconia-Springfield Station แล้วนั่งรถหรือเดินต่อ 22 นาที
Montana
17. อุทยานแห่งชาติเกลเชอร์ (Glacier National Park)

มาดู ที่เที่ยวอเมริกา สไตล์ธรรมชาติคนรักภูเขาที่อุทยานแห่งชาติเกลเชอร์ พื้นที่ธรรมชาติขนาดใหญ่กว่า หนึ่งล้านเอเคอร์ซึ่งเต็มไปด้วยยอดเขาหินขรุขระ ธารน้ำแข็งมโหฬาร ทุ่งหญ้าอัลไพน์ และทะเลสาบใสดั่งคริสตัล ใครชอบเดินป่าก็มีเส้นทางเดินมากมายทั้งยากและง่าย ธรรมชาติสมบูรณ์มีดอกไม้ป่าและแพภูเขา หรือใครชอบแคมป์เขาก็มีจุดให้ตั้งแคมป์ 13 จุดเลยล่ะ ช่วงพีคคือเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมอากาศดี 26 องศาแต่ตอนกลางคืนเย็นจัดประมาณ 0 องศาใครไปแคมป์เตรียมเครื่องกันหนาวเยอะหน่อย
ค่าเข้า : คนละ 20 USD
เวลาเปิดปิด : 06:00 – 21:00 น.
วิธีเดินทาง : นั่งเครื่องบินไปลงที่สนามบิน Kalispell จากนั้นให้เช่ารถขับหรือใช้บริการเช่ารถพร้อมคนขับแล้วให้รอรับกลับจะดีกว่า
Utah
18. อุทยานแห่งชาติไบรซ์แคนยอน (Bryce Canyon National Park)

ไปดูความสวยงามที่ธรรมชาติสร้างกันต่อที่ทางตอนใต้ของรัฐยูทาห์ อุทยานแห่งชาติไบรซ์แคนยอน พื้นที่บริเวณนี้เป็นหน้าผาสูงเหนือระดับน้ำทะเล 2400-2700 เมตร เราจะเห็นภูเขาที่ถูกกัดเซาะด้วยแม่น้ำจนเห็นเป็นเสาหินรูปร่างต่าง ๆ สีแดงออกส้ม ๆ เรียกว่าฮูดู (Hoodoos) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเมือง 60 ล้านปีก่อนนั่นเอง เป็น ที่เที่ยวอเมริกา ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกเลย
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 35 USD / เด็ก 10 USD
เวลาเปิดปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : นั่งเครื่องบินลงที่สนามบินภูมิภาค Cedar City (CDC) อยู่ห่างจากอุทยานประมาณ 80 ไมล์ จากนั้นเช่ารถหรือใช้บริการเช่ารถพร้อมคนขับจะสะดวกที่สุด
19. อุทยานแห่งชาติสะพานหินโค้ง (Arches National Park)

ไปดูสะพานหินโค้งที่ยาวที่สุดในโลกกัน ที่เที่ยวอเมริกา ที่นี่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 300 ตารางกิโลเมตร มีสะพานหินโค้งกว่า 2,000 แห่ง แตกต่างกันไปเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน บางอันช่วงสะพานเปราะบางมากหนาแค่ 1.8 เมตรเท่านั้นเอง เมื่อประมาณล้านปีก่อนตรงบริเวณนี้เคยเป็นทะเลเลยมีชั้นเกลือสะสมอยู่มาก จากนั้นเกิดการทับถามการชั้นหินทรายที่มีน้ำหนักมากกว่า เวลาผ่านไปหลายพันปีชั้นหินส่วนนี้กลายเป็นส่วนของเปลือกโลก ซึ่งผุกร่อนไปตามเวลาจากน้ำ ลม และหิมะ ชั้นเกลือด้านล่างทรุดตัวลงและถูกชะล้างไปเร็วกว่าชั้นหินด้านบน เมื่อกัดเซาะไปเรื่อย ๆ จึงเกิดเป็นช่องเป็นรูนั่นเอง
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 30 / เด็ก 25 USD
เวลาเปิดปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : นั่งเครื่องบินไปลงที่ Moab Regional Airport (MOB) ซึ่งอยู่ห่างจากอุทยานประมาณ 20 ไมล์ (32 กม.) จากนั้นนั่งแท็กซี่จากสนามบินไปได้เลย
Maine
20. อุทยานแห่งชาติอคาเดีย (Acadia National Park)

เที่ยวอเมริกาด้วยตัวเองกับจุดชมดาวที่สวยมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่นี่เป็นอุทยานที่ใหญ่ที่สุดในรัฐเมนเลยนอกจากจุดชมดาวสวยแล้วยังถูกโหวตให้เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกาอีกด้วย มีกิจกรรมเดินป่าบนเส้นทางเลียบมหาสมุทรผ่านหมู่บ้าน Bass Harbor และชมหน้าผาหินที่ดังที่สุดในรัฐเมน Thunder Hole หรือสายตั้งแคมป์ชมดาวก็ต้องไปยอดเขา Cadillac บนความสูง 1,530 ม. หากฟ้าเปิดก็รอชมความสวยงามของดาวนับล้านดวงได้เลย
ค่าเข้า : คนละ 15 USD
เวลาเปิดปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : สามารถขับรถจากบอสตันมา Acadia National Park ใช้เวลา 4 ชั่วโมง 30 นาที หรือนั่งเครื่องบินเล็กมาลงที่สนามบิน Bar Harbor ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง 20 นาที (มีให้บริการ 6 เที่ยวต่อวัน)
Florida
21. อุทยานแห่งชาติเอเวอร์เกลดส์ (Everglades National Park)

มรดกโลกกับพื้นที่ชุ่มน้ำกว่า 1.5 ล้านเอเคอร์ หรือ 1,508,976 ไร่ ใหญ่จนเหมือนจังหวัดจังหวัดหนึ่งเลยก็ว่าได้ มีสัตว์ป่าหายากมากมายที่อยู่ตามธรรมชาติจริง ๆ อย่าง พะยูนแมนนาที เสือดำที่ใกล้สูญพันธุ์ รวมถึงพืชพันธุ์หากยากต้นไม้กว่า 120 ชนิดและกล้วยไม้เกือบ 40 ชนิด แต่ที่เจอแน่ ๆ อเมริกันแอลลิเกเตอร์ มีอยู่เยอะจนเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของฟลอริดาไปแล้ว นอกจากนี้ก็มีเดินทางป่า 12 กิโลเมตรเพื่อชมสัตว์ หรือจะล่องเรือชมอ่าวฟลอริดาก็ได้
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 35 USD / เด็ก 20 USD
เวลาเปิดปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : นั่งเครื่องบินลงที่สนามบิน Miami International Airport (MIA) ซึ่งอยู่ห่างจากอุทยานประมาณ 80 ไมล์ (129 กม.) จากนั้นเรียก Uber ต่อไปได้เลย
22. ศูนย์อวกาศเคนเนดี (Kennedy Space Center Visitor Complex)

มาถึงฟลอริดาก็ไปต้องเยือนถึงถิ่นนาซ่ากันหน่อยละ เป็น ที่เที่ยวอเมริกา สำหรับคนที่สนใจเรื่องอวกาศต้องเป็นความฝันแน่ ๆ กับการมาเยือนศูนย์อวกาศของนาซ่าแบบนี้ ที่นี่จะรวมชิ้นส่วนของยานอวกาศที่หมดอายุการใช้งานแล้วมาจัดแสดงเป็นนิทรรศการ มี Bus Tour พาเราไปพื้นที่พิเศษได้ดูเบื้องหลังการเตรียมปล่อยจรวดและการประกอบยานและยังมีการนำเสนอภารกิจในอนาคตของนาซ่าและเทคโนโลยีก้าวหน้าที่วางแผนพัฒนาต่อด้วย
ค่าเข้า : เริ่มต้น 78.75 USD
เวลาเปิดปิด : 09:00 – 17:00 น.
วิธีเดินทาง : ไปขึ้นรถไฟที่ Jacksonville เพื่อไปลงที่สถานี Winter Park Amtrak Station จากนั้นต่อแท็กซี่ไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมง
23. สวนสนุกยูนิเวอร์แซล ฟลอริดา (Universal Studios Florida)

เป็นสวนสนุกที่ตั้งอยู่ในออร์แลนโด รัฐฟลอริดา หรือก็คือ Universal Orlando Resort แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 1. Universal Studios Florida ไฮไลต์คือโซน The Wizarding World of harry potter และเป็นที่เดียวในโลกที่มี ตรอกไดอากอน 2. Universal’ s Islands of Adventure โซนซูเปอร์ฮีโร่จากมาเวลและอาณาจักรคิงคอง 3. Universal Citywalk โซนอาหาร ของฝาก ของที่ระลึก ถือว่าเป็น Universal สาขาที่ใหญ่มาก ๆ ต้องไม่พลาดมาให้ได้เลยนะ
ค่าเข้า : บัตรแบบ 1 วัน ผู้ใหญ่ 109 USD / เด็ก 103 USD
เวลาเปิดปิด : 09:00 – 22:00 น.
วิธีเดินทาง : จากสนามบิน Orlando นั่งรถบัส Lynx No 42 ไปที่ International Drive แล้วต่อ shuttle bus ของ Universal เข้าสวนสนุกได้เลย หรือใครพักแถบ International Drive ส่วนใหญ่โรงแรมจะมีบริการรถไปส่งที่สวนสนุกอยู่แล้ว
24. สวนสนุกบุชการ์เด้นส์ แทมปา เบย์ (Busch Gardens Tampa Bay)

ที่เดียวครบ เป็นที่เที่ยวอเมริกาด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ ในฟลอริด้าอีกหนึ่งที่ เขารวมทั้งสวนสัตว์และสวนสนุกไว้ที่เดียวกันเลย เป็นสวนสนุกแบบสไตล์แอฟริกัน รถไฟเหาะ เครื่องเล่นผาดโผด โชว์และนิทรรศการจัดเต็ม ปล.เขาเคลมว่ารถไฟเหาะของเขาดีที่สุดในฟลอริด้าด้วยนะ ตีลังกา 3 รอบไปเลย สวนโซนสวนสัตว์เน้นจำลองภูมิภาคแอฟริกามีสัตว์อยู่กว่า 100 ตัว เสือเบงกอล จระเข้ ชะนี และลิงอุรังอุตัง ยีราฟ ฟามิงโก ช้าง สล็อต แมวน้ำ ฯลฯ สามารถใกล้ชิดกับสัตว์ได้เต็มที่เลย เป็นอีกหนึ่งสวนสนุกประจำเมืองฟลอริด้าที่คนเมืองนิยมมากัน
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 67 USD / เด็ก 59 USD
เวลาเปิดปิด : 09:00 – 19:00 น.
วิธีเดินทาง : จาก Jacksonville นั่งรถบัสไปลงที่ Orlando Bus Station แล้วเปลี่ยนสายไปนั่ง N2411 ไปลงที่ป้าย Tampa Bus Station เปลี่ยนสายรถอีกครั้งไปนั่งสาย 9 ลงที่ 30th St @ 97th Av
California
25. อุทยานแห่งชาติโยเซมิตี (Yosemite National Park)

อยู่บนเทือกเขาเซียร์ราเนวาดาซึ่งเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดแห่งอเมริกาเหนือ สูงขนาดนี้เราก็จะเห็นวิวเทือกเขาที่สวยงาม หน้าผาสูง และยังมีต้นสนอีกด้วยนะ นอกจากนี้ยังมีสัตว์ป่าน่ารักอย่างน้องกวางที่ออกมาโชว์ตัวอยู่บ่อย ๆ อีกด้วย ไฮไลต์คือภูเขาฮาล์ฟโดม (Half Dome) และภูเขาเอลแคปปิตอล เป็นเขาที่ถูกตัดผ่านด้วยธารน้ำแข็งในอดีตจึงเกิดเป็นหุบเขาที่สวยงาม และยังมีน้ำตกเวอร์นัลและน้ำตกเนวาดาที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอีกด้วย เป็น ที่เที่ยวอเมริกา สายธรรมชาติที่สวยเหมือนภาพวาดเลยล่ะ
ค่าเข้า : คิดเป็นค่านำรถเข้า 35 USD เข้าออกได้ 7 วัน
เวลาเปิดปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : นั่งเครื่องไปลงที่สนามบิน Mariposa-Yosemite Airport เป็นสนามบินที่ใกล้ที่สุด ห่างจากอุทยาน 1.5 ชั่วโมง แนะนำให้เช่ารถขับต่อจะสะดวกที่สุด
26. สะพานโกลเดนเกต (Golden Gate Bridge)

ภาพจำของซานฟรานซิสโกสะพานแขวน Golden Gate สีส้มแดง เป็นจุดถ่ายรูปเช็คอินและเป็นหนึ่งในฉากของหนังดัง ๆ หลายเรื่องมาก สะพานสร้างตั้งแต่ 1993 เพื่อเชื่อมระหว่างนครซานฟรานซิสโกกับเมืองมาริน เคาน์ตี้ สะพานมีความยาว 2.7 กิโลเมตร มีจุดถ่ายรูปที่เห็นสะพานเป็นฉากหลังหลายที่มาก เช่น Baker Beach,Battery Spencer,Crissy Field,Vista Point เป็นต้น เป็นหนึ่งในที่เที่ยวอเมริกาด้วยตัวเองที่อยากให้เก็บเข้าลิสต์ที่เที่ยวเลย
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิดปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : จาก Oakland International Airport นั่งราง Beige-N Coliseum ไปลงที่ Coliseum และนั่งรถรางสาย Blue-SSF / Daly City ไปลงที่ Civic Center / UN Plaza และเดิน 5 นาที ไปขึ้นรถบัสสาย 101 Santa Rosa ไปลงที่ Golden Gate Bridge Toll Plaza และเดินต่ออีก 3 นาที
27. สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ (Disneyland Park)

สวนสนุกของ Walt Disney ที่แรกของโลก รู้ไหมว่าชื่อแรกขอสวนสนุกคือ The Mickey Mouse Park นะเพราะว่าตัวการ์ตูนมิกกี้เม้าส์ดังมาก ๆ นั่นเองแต่สุดท้ายก็เปลี่ยนมาใช้ชื่อ Disneyland จนถึงทุกวันนี้ ที่นี่จะแบ่งเป็น 9 โซนหลักคือ Star Wars: Star Wars: Galaxy’ s Edge, Fantasyland, Tomorrowland, Adventureland, Critter Country, Frontierland, New Orleans Square, Main Street U.S.A. และ Mickey’ s Toontown มีเครื่องเล่นห้ามพลาดคือ Star Wars: Rise of the Resistance,Space Mountain เป็นต้น
ค่าเข้า : ตั๋วแบบ 1 วัน ผู้ใหญ่ 117 USD / เด็ก 107 USD
เวลาเปิดปิด : 08:00 – 00:00 น.
วิธีเดินทาง : จาก Union Station นั่งรถไฟสาย Pacific Surfliner572San Diego ไปลงที่ Fullerton เดินต่ออีก 5 นาที่ไปขึ้นรถบัสที่ Harbor-Santa Fe สาย 43Costa Mesa – 18th and Newport ไปลง Disneyland
28. พิพิธภัณฑ์ศิลปะเก็ตตี้ (Getty Center)

จัดแสดงศิลปะตะวันตกตั้งแต่ยุคกลางจนถึงปัจจุบันและยังเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย พิพิธภัณฑ์นี้เป็นของมหาเศรษฐี J.Paul Getty ซึ่งของที่จัดแสดงอยู่ก็เป็นของสะสมของเขาเองของบางชิ้นราคากว่า 100 ล้านบาทเลยละ มีทั้งภาพวาด ประติมากรรม เฟอร์นิเจอร์เก่าแก่ แล้วก็ยังมีนิทรรศการหมุนเวียนอีกด้วย ส่วนข้าง ๆ เขาก็ทำสวนไว้ให้นั่งเล่นเดินเล่น มานั่งปิกนิกก็ได้ เป็นอีกหนึ่ง ที่เที่ยวอเมริกา ที่ได้ดูงานศิลปะและของหายากแบบจริง ๆ เลยอ่ะ
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิดปิด : 10:00-17:30 น. (ปิดวันจันทร์)
วิธีเดินทาง : จาก Historic Broadway Station นั่ง Metro E LineMetro E Line – Downtown Santa Monica Stn. ไปลงที่ Expo / Sepulveda และเดินอีก 4 นาที ไปป้ายรถบัส Sepulveda / Pico ขึ้นสาย 761Sylmar Metrolink Stn. เพื่อไปลงที่ Sepulveda / Getty Ctr. และเดินอีก 20 นาที
29. อุทยานแห่งชาติหุบเขามรณะ (Death Valley National Park)

ขอแนะนำ ที่เที่ยวอเมริกา ที่ต่อไปกับที่แห้งแล้งที่สุดในอเมริกา ที่ชื่อว่าหุบเขามรณะก็เพราะว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่หุบเขาที่ต่ำที่สุดและแห้งที่สุดในอเมริกา มาที่นี่ต้องไม่พลาดไปทะเลสาบเกลือ เพราะตรงนี้เป็นจุดที่ต่ำที่สุดของอเมริกาและซีกโลกตะวันตก ใครจะไปแนะนำให้เตรียมตัวให้ดีเลยเพราะว่าอากาศตอนกลางวันนั้นร้อนถึงร้อนจัดอาจจะพุ่งถึง 50 องศาได้เลย จากนี้ยังมี Mesquite Flat Sand Dunes ทะเลทรายเตี้ย ๆ เคยเป็นโลเคชั่นถ่าย Star wars ด้วย
ค่าเข้า : ค่านำรถเข้า 30 USD
เวลาเปิดปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : สนามบินนานาชาติ Death Valley (DVL) ซึ่งอยู่ห่างจากสวนประมาณ 13 ไมล์ (21 กม.) แนะนำให้เช่ารถขับ หรือไปกับทัวร์จะง่ายที่สุด
30. อุทยานแห่งชาติโจชัวทรี (Joshua Tree National Park)

เป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่เป็นอันดับสองของแคลิฟอร์เนียครอบคลุมพื้นที่ถึง 2 ทะเลทรายเข้าด้วยกัน ที่ชื่อว่า อุทยานแห่งชาติโจชัวทรีก็เพราะว่าเป็นต้นโจชัวทรีอยู่เยอะนั่นเอง เป็นพืชตระกูลยัคค่าที่ใหญ่ที่สุดในโลกอายุยืนได้ถึง 500 ปีเลยทีเดียว พออยู่กับทะเลทรายก็ดูน่ารักมินิมอลขึ้นมาเลย นอกจากนี้ก็มีจุดไฮไลต์หลายที่เช่น Cholla Cactus Garden ต้นกระบองเพชรชอยย่าอยู่เต็มบริเวณ หรือ Arch Rock หินแกรนิทรูปสะพานโค้งขนาดใหญ่ยาวกว่า 30 ฟุต
ค่าเข้า : ค่านำรถเข้า 30 USD
เวลาเปิดปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : นั่งรถประจำทางไปยังเมือง Twentynine Palms หรือ Yucca Valley ใกล้เคียง และจากนั้นขึ้นแท็กซี่ Uber หรือ Lyft ไปยัง Joshua Tree National Par
31. อุทยานแห่งชาติซีคัวญ่า (Sequoia National Park)

ไปดูต้นซีคัวญ่ายักษ์กัน เที่ยวอเมริกาด้วยตัวเองที่ต่อมาพาไปที่อุทยานที่ดังระดับโลกเพราะต้นสนซีคัวญ่ายักษ์ ซึ่งเป็นต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอายุนับพันปีอยู่นั่นเอง ใหญ่ขนาดว่ารอบวงลำต้นกว้าง 30 เมตร และสูงมากกว่า 80 เมตร ใหญ่แบบว่าคนไปยืนเทียบคือเหลือตัวนิดเดียวเอง แถมที่นี่ยังดังขึ้นไปอีกเพราะเหมือนกับฉากใน Attack on Titan อนิเมะชื่อดังของญี่ปุ่นอีกด้วย
ค่าเข้า : ค่านำรถเข้า 30 USD
เวลาเปิดปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : นั่งรถประจำทางไปยังเมือง Visalia หรือ Fresno ใกล้เคียง และจากนั้นขึ้นแท็กซี่ Uber หรือ Lyft แนะนำให้เช่ารถขับ หรือไปกับทัวร์จะง่ายที่สุด ในอุทยานจะมี Shuttle Bus ด้วย สามารถนั่งเพื่อเที่ยวในอุทยานได้
32. สวนสนุกยูนิเวอร์แซล ฮอลลิวูด (Universal Studios Hollywood)

ถือว่าเป็นต้นกำเนิดของสวนสนุก Universal เลยนะ ที่นี่ก็จะแตกต่างสวนสนุก Universal อยู่เหมือนกันมีเครื่องเล่นเฉพาะที่มีแค่ที่นี่ด้วยอย่าง The World-Famous Studio Tour,The Secret Life of Pets: Off the Leash,Jurassic World: The Ride นอกจากนี้ยังมีโซน Super Nintendo World นั่งมาริโอ้คาร์ทได้,โซน Jurassic World นั่งเครื่องเล่นสำรวจโลกไดโนเสาร์และ Indominus Rex
ค่าเข้า : ตั๋วแบบ 1 วัน ผู้ใหญ่ 109 USD / เด็ก 102 USD
เวลาเปิดปิด : 09:00 – 21:00 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟสายสีแดงมาลงที่สถานี Universal / Studio City Station จากนั้นสามารถนั่งรถ Shuttle Bus ฟรีของสวนสนุกมาลงตรง City Walk ที่เป็นถนนช้อปปิ้งด้านหน้า Universal Studios Hollywood ได้เลย
33. สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งแคลิฟอร์เนีย (California Academy of Sciences)

ที่นี่เป็นศูนย์รวมความเป็นวิทยาศาสตร์ทั้งหมดเลยตั้งแต่อวกาศไปจนถึงใต้ท้องทะเล แล้วมีหลายประเภทตั้งแต่พิพิธภัณฑ์ อะแควเรียม สวนสัตว์ ท้องฟ้าจำลอง โดยเขาจะแบ่งออกเป็น 5 โซนหลัก ดังนี้ Rainforest เป็นส่วนจัดแสดงป่าดิบชื้น,Kimball Natural History Museum วิวัฒนาการของสัตว์,Steinhart Aquarium สัตว์และสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ,Morrison Planetarium อวกาศและระบบสุริยจักรวาล และ Exhibition นิทรรศการหมุนเวียน
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 39.95 USD / เด็ก 29.95 USD
เวลาเปิดปิด : 09:30 – 17:00 น.
วิธีเดินทาง : ไปขึ้นรถรางสาย Yellow-N Antioch ไปลงที่ Glen Park เดินอีก 2 นาที่ ไปขึ้นรถบัสที่ Bosworth St & Diamond St สาย 44California + 6th Ave ไปลงที่ Concourse Dr At Acad Of Sciences
34. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอควาเรียมออฟเดอะเบย์ (Aquarium of the Bay)

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่เน้นจัดแสดงสัตว์น้ำจากอ่านซานฟรานซิสโก มีไฮไลต์อยู่ที่อุโมงค์โชว์โลกใต้ทะเลลึกขนาดยาว 300 ฟุต มีสัตว์ทะเลกว่า 200 สายพันธุ์อยู่ในนี้ที่จะว่ายโชว์ตัวผ่านหน้าเราอย่างฉลาม ฉลามวาฬ และปลากระเบน และยังมีสัตว์น้ำอื่น ๆ อยู่กว่า 24,000 ตัวเลยทีเดียว นอกจากจัดแสดงสัตว์น้ำแล้วก็ยังมีโครงการศึกษาและอนุรักษ์สัตว์น้ำให้เด็ก ๆ ได้ศึกษาด้วยนะ
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 29.95 USD / เด็ก 23.95 USD
เวลาเปิดปิด : 10:00 – 17:00 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟจาก 16th St Mission สาย Green-NBerryessa/North San Jose ไปลงที่ Embarcadero และไปขึ้นรถรางที่ Market St & Main St ไปลง The Embarcadero & Stockton St และเดินอีก 1 นาที
35. สวนสนุกน็อตต์สเบอร์รี่ฟาร์ม (Knott’ s Berry Farm)

สวนสนุกเก่าแก่ของแคลิฟอร์เนีย เดิมที่ตรงนี้เคยเป็นสวนของครอบครัว Knott แล้วก็ถูกเปลี่ยนทำเป็นสวนสนุกในที่สุด ที่นี่จะแบ่งออกทั้งหมด 4 โซนคือ Ghost Town, Fiesta Village, The Boardwalk และ Camp Snoopy และยังมีสวนน้ำสไลเดอร์สูงเล่นกันให้ฉ่ำปอดได้เลย ส่วนเครื่องเล่นที่พลาดไม่ได้ก็ต้องรถไฟเหาะกรี๊ดให้คอแตกเพราะเป็นรถไฟเหาะไม้ที่ยาวที่สุด เร็วที่สุด ดิ่งลง 200 ฟุตใน 3 วินาที ก็คือของจริงไม่ล้อเล่นใครกลัวความสูงไม่แนะนำเลยนะ
ค่าเข้า : ตั๋ว 1 วัน ผู้ใหญ่ 64.99 USD / เด็ก 59.99 USD
เวลาเปิดปิด : 00:00 – 22:00 น.
วิธีเดินทาง : จาก Union Station นั่งรถไฟ Metrolink Orange County Line ไปลงที่ Buena Park และเดินอีก 2 นาที ไปขึ้นรถบัสที่ Buena Park Metrolink Station สาย 29AHuntington Beach – PCH and 1st ไปลงที่ Beach-Ent Knotts และเดินอีก 3 นาที
Wyoming
36. อุทยานแห่งชาติแกรนด์ทีทอน (Grand Teton National Park)

อุทยานที่วิวสวยติดอันดับโลกโดดเด่นด้วยเทือกเขาทีทอนสุดอลังการ ยอดเขาสูงกว่า 7,000 ฟุต ทำให้มีหิมะปกคลุมที่ยอดเขาตลอดทั้งปีเลย มาฤดูไหนก็สวย ที่นี่มีกิจกรรมให้ทำเยอะเลยสำหรับคนชอบกิจกรรมกลางแจ้งทั้งปีนเขา ตกปลา พายเรือ ขี่จักรยาน มีจุดชมวิวอยู่หลายจุดขับรถเที่ยวได้เลย แถมยังมีโอกาสเจอสัตว์ป่ามากมายทั้งกวางมูส กวางเอลก์ และควายไบซัน มีมาให้เห็นตลอดทางเลยก็ว่าได้ เป็น ที่เที่ยวอเมริกา ที่วิวสวยถูกใจ ใครชอบเที่ยวธรรมชาติต้องมาให้ได้
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 35 USD / เด็ก 20 USD
เวลาเปิดปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : นั่งรถประจำทางไปยังเมือง Jackson Hole ใกล้เคียง และจากนั้นขึ้นแท็กซี่ Uber หรือ Lyft ไปยัง Grand Teton National Park แนะนำให้เช่ารถขับ หรือไปกับทัวร์จะง่ายที่สุด
Illinois
37. ท่าเรือเนวี่ (Navy Pier)

ที่เที่ยวฮิตในเมืองชิคาโก สามารถเที่ยวอเมริกาด้วยตัวเองได้ ครบวงจรมากเว่อร์มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ผับ บาร์ โซนเด็ก ๆ ก็มีอย่างม้าหมุนและชิงช้าสวรรค์ ใครอยากล่องเรือชมวิวแม่น้ำวิวเมืองก็โรแมนติก มีพิพิธภัณฑ์แก้วให้เดินเล่นอีก พอตกค่ำเข้ากลางคืนก็จะเปิดไฟประดับสวยงามไปทั่วบริเวณเป็นที่เที่ยวชิคาโกชื่อดังที่ได้รับความนิยมมาก ๆ ฟีลแบบมาพักผ่อนกินเที่ยววนไปไม่ต้องคิดเยอะ
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิดปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : นั่งรถบัสจาก Randolph & Michigan สาย 124 Navy Pier ไปลงที่ Navy Pier Terminal
Arizona
38. แกรนด์ แคนยอน (Grand Canyon National Park)

ความมหัศจรรย์จากธรรมชาติที่เราได้คุ้นเคยชื่อกันดี พลาดไม่ได้เลยถ้าไปอเมริกาคงต้องหาโอกาสไปให้ได้สักครั้ง แกรนด์แคนยอนเกิดจากการกัดเซาะจากแม่น้ำโคโรลาโดเป็นระยะทางยาวกว่า 450 กิโลเมตรมายาวนาน ทั้งสภาพพื้นที่ก็ยังมีความหลากหลายคือมีทั้งทะเลทราย ที่ราบสูง ป่าสงวน น้ำตกและก้อนหินขนาดใหญ่ เป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชนพื้นเมืองดั้งเดิมอีกด้วย
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 35 USD / เด็ก 18 USD
เวลาเปิดปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : จาก Las Vegas S Strip Transit Terminal นั่งรถบัส Greyhound US1020 Phoenix Bus Station ไปลงที่ Flagstaff และต่อ shuttle bus ไป Grand Canyon
Boston
39. พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์ (Museum of Fine Arts)

หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในบอสตัน มีงานจัดแสดงเยอะมากกว่า 450,000 ชิ้น เยอะขนาดว่าเดินทั้งวันก็ดูไม่ครบจริง ๆ มีงานศิลปะสำคัญจากศิลปินมีชื่อเสียงจากทั่วโลกมาจัดแสดงทั้งมัมมี่,หลุมศพฟาโรห์,งานภาพวาดโบราณสีน้ำมัน,เครื่องปั้นดินเผา,เครื่องครัวโบราณแล้วยังรวมถึงเฟอร์นิเจอร์เก่าแก่ที่เอามาจัดเซตให้เป็นห้องดูสวยงามอีกด้วย เป็น ที่เที่ยวอเมริกา ในบอสตันที่เหมาะกับวันชิล ๆ ไม่อยากไปไหนเยอะ
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 25 USD / เด็ก 23 USD
เวลาเปิดปิด : 10:00 – 17:00 น. (ปิดวันอังคาร)
วิธีเดินทาง : จาก North Station นั่งรถไฟสาย E Heath Street ไปลงที่ Museum of Fine Arts
Philadelphia
40. ออเธอร์เวิลด์ ฟิลาเดลเฟีย (Otherworld Philadelphia)

ปิดท้าย ที่เที่ยวอเมริกา ไปชมนิทรรศการแปลก ๆ ผจญภัยเชิงลี้ลับและประสบการณ์เสมือนจริงให้ความรู้สึกเหมือนบ้านผีสิงแต่ก็ยังมีความสวยงามของศิลปะอยู่ด้วย แล้วสถานที่ก็คือเป็นใจมากเพราะแต่ก่อนที่ตรงนี้เคยเป็นโรงกลั่นและคลังสินค้าก็เลยจะมีกำแพงอิฐ พื้นไม้และบันไดเหล็ก พอเขาเอามาจัดนิทรรศการมันก็ลงตัวแล้วยังเสริมงานศิลปะนี้ขึ้นไปได้อีก มีหลายธีม เช่น The Basement ห้องใต้ดินลึกลับ,The Asylum สำรวจโรงพยาบาลร้าง และ The Seance Room ที่เขาบอกว่าเป็นห้องประชุมทางจิต ถือเป็นนิทรรศการที่น่าสนใจและแปลกใหม่มากเลย
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 25 USD / เด็ก 20 USD
เวลาเปิดปิด : 17:00 – 23:00 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟจาก 15th St Station สาย MFLFrankford Transportation Center – All Stops ไปลงที่ Frankford Transportation Center และเดินอีก 2 นาทีไปขึ้นรถสายบัส BLVDDIR Neshaminy Mall ไปลงที่ Roosevelt Blvd & Grant Av – FS และเดินอีก 6 นาที
เที่ยวอเมริกาด้วย YouTrip คุ้มกว่า

นอกจาก YouTrip จะให้เรทดี ไม่มีค่าธรรมเนียม 2.5% แล้ว เท่านั้นยังไม่พอ! มีแพลนไปอเมริกาเมื่อไหร่ก็อย่าลืมจองที่พักล่วงหน้าเตรียมไว้ด้วยละ นอกจาก YouTrip จะให้คุณแลกเงินได้เรทที่ดีเที่ยวถูกกว่าใครแล้ว เรายังมีฟีเจอร์ใหม่ “YouTrip Perks” จองที่พัก Agoda หรือซื้อตั๋วค่าเข้าที่เที่ยวผ่าน Klook ได้เงินคืนแบบคุ้มๆ กันไปเลย
จะเต็ม 40 ที่เที่ยวในอเมริกาหลายเมืองหลายรัฐให้เลือกเที่ยว เพราะอเมริกาเป็นประเทศขนาดใหญ่มีที่เที่ยวกระจายอยู่หลายเมืองแถมยังสวยแล้วก็คุ้มค่าที่จะไปจริง ๆ หลายที่ยังเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์และสถานที่สำคัญระดับโลกอีกด้วย มีโอกาสก็ห้ามพลาดเลยนะ และยิ่งมี YouTrip ไปด้วยรับรองจ่ายคล่องและประหยัดขึ้นกว่าเดิมชัวร์ เรทดี มั่นใจ ใช้ง่ายทั่วโลก ไม่มีค่าธรรมเนียม 2.5% ใช้แล้วประหยัดสุดๆ สมัครเลย ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี
