“นิกโก้” (Nikko) เมืองมรดกโลกเล็ก ๆ ตั้งอยู่ในจังหวัดโทชิงิ (Tochigi) ห่างจากกรุงโตเกียวประมาณ 140 กิโลเมตร แต่อัดแน่นไปด้วยความงดงามจนอยากแนะนำให้ทุกคนต้องมีโอกาสสัมผัสสักครั้ง ยิ่งถ้าเป็นช่วงหน้าหนาวหิมะตกก็สวยอย่าบอกใคร แล้วถ้าอยากรู้ว่าต้องปักหมุดที่ไหนบ้าง อย่าพลาด 10 ที่เที่ยวนิกโก้ หน้าหนาว ที่ YouTrip หยิบมาแนะนำให้ตามนี้เลย
นิกโก้หน้าหนาวต้องไปช่วงไหน?
การไปเที่ยวเมืองนิกโก้ผู้คนมักนิยมไปตอนช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม เพราะเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้เปลี่ยนสีและกำลังเข้าสู่ฤดูหนาว ยังมีใบไม้เปลี่ยนสีให้ได้เห็นแต่บางวันก็อาจพบเจอกับหิมะตกเบา ๆ เป็น 2 บรรยากาศที่ชวนฟินและโรแมนติกมาก
บรรยากาศช่วงใบไม้เปลี่ยนสีและหิมะตก
ด้วยเมืองนิกโก้มีความเป็นธรรมชาติสูง รายล้อมด้วยต้นไม้เยอะมากหากคุณเดินทางในช่วงพฤศจิกายนหรือต้นเดือนธันวาคมจะเป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างใบไม้เปลี่ยนสีและมีหิมะตก จึงยังทันพบเห็นความโรแมนติกของใบไม้สีเหลือง แดง ส้ม ที่กำลังจะหลุดร่วงแต่ในบางวันบรรยากาศอาจเปลี่ยนเป็นหิมะขาวโพลนก็ให้ความแปลกตา นี่จึงเป็นอีกไฮไลต์ที่แตกต่างไปจากเมืองหนาวทั่วไป
การเดินทางในนิกโก้?
หากคุณมีจุดหมายปลายทางในการปักหมุด ที่เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว ในเมืองนิกโก้สามารถเดินทางจากกรุงโตเกียวมาลงยังสถานี JR Nikko หรือ Tobu Nikko ได้เลย (แนะนำนั่งรถไฟชินคันเซนจาก Tokyo Station หรือ Ueno Station ลงที่ Utsunomiya แล้วต่อรถไฟสาย JR Nikko จะเร็วที่สุด)
ส่วนการเดินทางภายในเมืองนิกโก้จะใช้เป็นรถบัสท้องถิ่นมีทั้งสายธรรมดาและสายท่องเที่ยว World Heritage Meguri Bus วิ่งแบบวงกลม สามารถเที่ยวได้ตามจุดที่ต้องการเลย
เที่ยวนิกโก้ใช้จ่ายอย่างไรให้ประหยัดที่สุด?
สมมุติมีงบเที่ยวญี่ปุ่น 120,000 JPY หากแลกเป็นเงินสดกับร้านแลกเงินจะได้ 32,520 บาท หากจ่ายด้วยบัตรเครดิตอยู่ที่ 33,350 บาท แต่เมื่อเลือกจ่ายด้วย YouTrip เหลือเพียง 32,418 บาท ประหยัดถึง 932 บาท เลยทีเดียว (ร้านค้าหลายแห่งในเมืองนิกโก้ยินดีรับชำระด้วยบัตร)
10 ที่เที่ยวนิกโก้ หน้าหนาว ที่ต้องไปให้ได้
1. เทศกาลยูนิชิงาวะคามาคุระ (Yunishigawa Onsen Kamakura Festival)
เริ่มต้นด้วย ที่เที่ยวนิกโก้ หน้าหนาว กับเทศกาลดังของเมืองที่มักจัดขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม – มีนาคม จะมีการจุดไฟภายในกระท่อมน้ำแข็งหรือในภาษาญี่ปุ่นจะเรียก “คามาคุระ” เล็ก ๆ กว่าร้อยหลังบริเวณแม่น้ำซาวากุจิ และตามรีสอร์ตน้ำพุร้อน ถือเป็นเทศกาลไฮไลต์ที่มีความสวยงาม รวมถึงในกระท่อมหิมะหลังใหญ่ยังมีเมนูบาร์บีคิวร้อน ๆ ให้ได้คลายหนาวและอิ่มอร่อยกันอีกด้วย
ค่าเข้าชม : 510 JPY (เข้าหลัง 5 โมงเย็นเหลือ 300 JPY)
เวลาเปิด-ปิด : เฉพาะช่วงเปิดโคมไฟระหว่าง 17:30 – 21:00 น. แต่ถ้าเที่ยวชมตามปกติ 9:00 – 21:00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงที่ JR Nikko หรือ Tobu Nikko แล้วต่อรถบัสไปยัง Yunishigawa Onsen ได้เลย
2. สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)
ต่อกันด้วย ที่เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้กับสะพานที่ได้รับสมญานามว่า “สะพานศักดิ์สิทธิ์” ตั้งอยู่หน้าทางเข้าศาลเจ้านิกโก้ฟูตาระซัง โดดเด่นด้วยสีแสดอันแสนสดใสและได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 3 สะพานที่สวยสุดของญี่ปุ่น โครงสร้างที่เห็นยังเป็นของเดิมที่สร้างตั้งแต่ ค.ศ. 1636 ก่อนจะมีการปรับปรุงให้แข็งแรง สามารถแวะมาชมวิวของลำธารและภูเขาต้นไม้อันงดงามถ่ายรูปกลับไปได้เลย ยิ่งถ้าช่วงหน้าหนาวจะมีหิมะเพิ่มความสวยโรแมนติกมากกว่าเดิม
ค่าเข้าชม : 300 JPY
เวลาเปิด-ปิด : ช่วงเดือน ต.ค. – กลางเดือน พ.ย. 8:00 – 16:00 น. / หลังกลางเดือน พ.ย. – มี.ค. 9:00 – 16:00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงที่ JR Nikko หรือ Tobu Nikko แล้วต่อรถบัสไปยังป้าย Shinkyo ได้เลย
3. ศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine)
จุดปักหมุดของการเที่ยวเมืองนิกโก้สำหรับศาลเจ้าแห่งนี้โดดเด่นโดยการออกแบบอันแสนงดงามตามสไตล์ญี่ปุ่นยุคโบราณด้วยไม้แกะสลัก ขณะที่บรรยากาศมีความร่มรื่นด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่จำนวนมากเนื่องจากเดิมทีบริเวณแห่งนี้เคยเป็นป่าเก่า สามารถแวะถ่ายรูปสวย ๆ กับอาคารไม้โบราณกันได้เลย แถมยังเงียบสงบเหมาะกับการหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองใหญ่เป็นอย่างมาก ยิ่งถ้าหน้าหนาวตามทางเดินและอาคารไม่จะมีการประดับไฟสวยงามสุด ๆ
ค่าเข้าชม : 1,300 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 08:00 – 17:00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงที่ JR Nikko หรือ Tobu Nikko แล้วต่อรถบัสไปลงหน้าวัดได้เลย
4. ปราสาทสึรุกะ (Tsuruga Castle)
ปักหมุด ที่เที่ยวนิกโก้ หน้าหนาว ขยับห่างออกไปจากตัวเมืองทางตอนเหนือนี่คือปราสาทที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1384 แม้เคยถูกทำลายทั้งจากสงครามและการจลาจลแต่ก็มีการฟื้นฟูใหม่โดยการใช้คอนกรีตเมื่อปี 1960 แล้วเสร็จในปี 2011 จุดเด่นคือหลังคาสีแดง (เดิมทีเป็นสีเทา) อย่าลืมเดินขึ้นไปชั้นบนสุดเพื่อชมวิวเมืองอันแสนงดงามและยังมีพิพิธภัณฑ์บอกเล่าถึงประวัติและวิถีชีวิตของซามูไร ซึ่งถ้าไปช่วงหน้าหนาวจะมีหิมะตัวปราสาทขาวโพลนสวยงามไปอีกแบบ
ค่าเข้าชม : 410 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 08:30 -17:00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟมาลง Aizu-Wakamatsu Station แล้วต่อรถบัส Aizu Loop Bus ลงป้าย Tsurugajo Kitaguchi เดินต่อไม่เกิน 5 นาที
5. หน้าผาหินล้านปีโทโนะ เฮทสึริ (Tonohetsuri)
สัมผัสความอัศจรรย์ของธรรมชาติกับหน้าผาหินอายุหลักล้านปีบริเวณแม่น้ำโอกาว่า เกิดขึ้นจากการถูกแม่น้ำไหลผ่านแล้วค่อย ๆ กัดเซาะมายาวนานเป็นล้านปีจนเกิดความตระการตาลักษณะคล้ายเจดีย์ในแบบที่เห็นแล้วต้องประทับใจ ยิ่งถ้าไปช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะสวยเกินบรรยายเพราะบริเวณทางเดินจะถูกโอบล้อมด้วยใบไม้สีส้ม แดง เหลือง เป็นภาพสุดโรแมนติกอย่างมาก
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ตลอด 24 ชม.
การเดินทาง : นั่งรถไฟมาลง Aizu Wakamatsu Station แล้วเปลี่ยนไปรถไฟสาย Aizu-Railway for Aizu-Tajima ลงสถานี Tonohetsuri Station เดินต่อเล็กน้อย
6. เอโดะ วันเดอร์แลนด์ (Edo Wonderland)
เพลินกันต่อกับ ที่เที่ยวนิกโก้ หน้าหนาว ความแปลกตาของที่เที่ยวแห่งนี้ต้องยกให้กับการนำเอาธีมประวัติศาสตร์สมัยเอโดะมาเป็นจุดขายจึงไม่แปลกที่ทุกคนจะพบเห็นซามูไรและนินจาเดินกันเต็มพื้นที่รายล้อมด้วยบ้านเรือนในยุคดังกล่าว มีของโบราณวางขายให้ได้ลองชิมและซื้อกลับไปเป็นของฝากกันด้วย ส่วนใครจะเช่าชุดมาถ่ายภาพที่ระลึกก็ตามสะดวก ยิ่งถ้าไปช่วงหน้าหนาวตามทางเดินและอาคารโดยรอบมีการประดับไฟเพิ่มความสวยงามยิ่งกว่าเดิม
ค่าเข้าชม : 5,800 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 09:00 – 17:00 น. (หยุดวันพุธ)
การเดินทาง : จากสถานี JR Nikko หรือ Tobu Nikko นั่งรถไฟไปลง Kosagoe Station แล้วต่อรถบัสเข้าไป
7. น้ำตกเคงอน (Kegon Falls)
หนึ่งในไฮไลต์ของการเที่ยวเมืองนิกโก้คงไม่ผิดเท่าไหร่นักกับ 1 ใน 3 น้ำตกที่สวยสุดของญี่ปุ่น น้ำตกระดับความสูงเกือบ 100 เมตร ไหลลงสู่ผืนน้ำด้านล่าง เมื่อบวกกับบรรยากาศโดยรอบช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนี่คือความโรแมนติกชนิดไม่สามารถหาฟิลแบบไหนมาเทียบเคียงได้เลยจริง ๆ หรือถ้าเข้าหน้าหนาวเต็มตัวสายน้ำที่ไหลลงมาก็จะจับตัวแข็งจนเป็นอีกภาพที่คนไทยต้องว้าวแน่นอน
ค่าเข้าชม : 550 JPY
เวลาเปิด-ปิด : เดือน มี.ค. – พ.ย. เปิด 8:00 – 17:00 น. / เดือน ธ.ค. – ก.พ. เปิด 9:00 – 16:30 น.
การเดินทาง : จากสถานี JR Nikko หรือ Tobu Nikko นั่งรถบัสลงป้าย Chuzenjiko Onsen แล้วเดินต่อเข้าไป
8. หุบเขาอุนริว เคโคกุ (Unryu Keikoku Ravine)
ที่เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว สำหรับสายแอดเวนเจอร์ชอบความท้าทายต้องไปสัมผัสกับหุบเขาแห่งนี้เลย ด้วยเส้นทางที่อยู่ระหว่างการขึ้นไปบนยอดเขา Nyhohozan ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ภูเขาขนาดใหญ่ทางตอนเหนือของเมืองนิกโก้ ตั้งอยู่บริเวณต้นแม่น้ำ Inari ซึ่งซ่อนตัวอยู่ภายในจึงยังไม่มีเส้นทางสำรวจที่ชัดเจนมากนัก ใครอยากเปิดประสบการณ์ใหม่หรือเป็นสายเดินป่าปีนเขาในช่วงหิมะต้องลอง
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ตลอด 24 ชม.
การเดินทาง : แนะนำให้เหมารถไปยังบริเวณหุบเขาจะสะดวกที่สุด
9. สวนดอกไม้อาชิคางะ (Ashikaga Flower Park)
พาทุกคนไปชมความสวยงามของสวนดอกไม้วิสทีเรียหลากสีบนพื้นที่กว่า 60 ไร่ แบ่งออกเป็นโซนต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้แวะเวียนมาสัมผัส เช่น โดมดอกไม้ พีรามิดดอกไม้กลางสระน้ำ น้ำตกจำลอง การประดับไฟตามต้นไม้ให้สวยงามในช่วงหน้าหนาว แต่จุดพีคสุดต้องยกให้กับอุโมงค์วิสทีเรียความยาวเกือบ 100 เมตร รวมถึงต้นวิสทีเรียยักษ์อายุเกิน 140 ปี ก็เป็นอีกไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ค่าเข้าชม : 300 – 1,700 JPY ขึ้นอยู่กับฤดูกาล
เวลาเปิด-ปิด : 10:00 – 20:30 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟลงสถานี Tomita Station แล้วเดินต่อเข้าไปประมาณ 900 เมตร
10. นิกโก้ ยูโมโตะ ออนเซน สกี รีสอร์ต (Nikko Yumoto Onsen Ski Resort)
ปิดท้าย ที่เที่ยวนิกโก้ หน้าหนาว กับการไปเล่นสกีและกิจกรรมสุดมัน ณ สกี รีสอร์ต ที่มีชื่อเสียงแห่งเมืองนิกโก้ บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยพื้นที่สีขาวจากหิมะรวมถึงต้นไม้ที่ใบร่วงหล่นเหลือแค่กิ่งก้าน ที่นี่มีอุปกรณ์เกี่ยวกับการเล่นสกีและกิจกรรมอื่น ๆ ให้แบบครบครัน พร้อมวิวสุดอลังการ อาหารอร่อย ของฝากเยอะ สำหรับคนที่อยากมีประสบการณ์สุดว้าวก็เข้ามาได้เลย
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : 09:00 – 16:00 น.
การเดินทาง : จากสถานี JR Nikko หรือ Tobu Nikko นั่งรถบัสต่อเข้าไปยังที่หมายได้เลย
เที่ยวนิกโก้ด้วย YouTrip Perks คุ้มกว่าเดิม
เท่านั้นยังไม่พอ! นอกจาก YouTrip จะให้คุณแลกเงินได้เรทที่ดี เที่ยวถูกกว่าใครแล้ว เรายังมีฟีเจอร์ “YouTrip Perks” จองที่พัก Agoda หรือซื้อตั๋วค่าเข้าที่เที่ยวผ่าน Klook ได้เงินคืนแบบคุ้มๆ กันไปเลย
นี่คือข้อมูลอันน่าสนใจทั้งหมดรวมถึง 10 ที่เที่ยวนิกโก้ หน้าหนาว ทริปญี่ปุ่นรอบนี้เตรียมวางแผนไปตะลุยกันได้เลย และอย่าลืมเมื่อไปต่างประเทศทุกครั้งเพียงใช้จ่ายผ่าน YouTrip ยังไงก็คุ้มค่ากว่าแน่นอน ไม่เสียค่าธรรมเนียม 2.5% การันตี “ใช้จ่าย เรทดี ทุกที่ทั่วโลก”