เมืองนาราอยู่ใกล้กับโอซาก้าและเกียวโต เมืองท่องเที่ยวมรดกโลกยอดนิยมที่มีน้องกวางเป็นตัวเรียกแขกได้อย่างดีอยู่เสมอ แถมน้อง ๆ ยังเป็นมิตรกับคนจนกลายเป็นไฮไลต์ของเมืองนาราไปเรียบร้อย เดี๋ยววันนี้เรามาดู ที่เที่ยวนารา น่าไปเที่ยว น่าไปเยี่ยมชมเมืองมรดกโลกเล็ก ๆ แห่งนี้กันบ้าง
ไปนาราช่วงไหนดี ?
คำถามยอดฮิตตลอดกาล ไปญี่ปุ่นช่วงไหนดี บอกเลยว่าต้องถามตัวเองว่าอยากไปแล้วเห็นอะไร ใครยังนึกไม่ออกเดี๋ยวเราแบ่งตามฤดูกาลให้
ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม) ชมดอกไม้และธรรมชาติสีเขียวชอุ่ม บรรยากาศสดใสมีสีสันของธรรมชาติ มีเทศกาลซากุระตามสวนสาธารณะหลายแห่ง อากาศเย็นไปจนถึงหนาวไปบางปี
ฤดูร้อน (มิถุนายน – กันยายน) อากาศร้อน อาจเจอฝนตกด้วยในบางวัน ในวันที่ฟ้าเปิดบรรยากาศดี ท้องแจ่มใสได้ฟีลช่วงซัมเมอร์มาก ๆ ธรรมชาติสมบูรณ์มีสีเขียว แต่อาจจะไม่เหมาะกับการเดินเล่นนาน ๆ
ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน) อากาศกลับมาเย็นลงอีกครั้ง เป็นฤดูไฮไลต์ของนารา บรรยากาศโทนสีส้ม สีแดง เหลือง อบอุ่นด้วยสีของใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนสี
ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์) เหมาะกับคนชอบหิมะ อากาศหนาวถึงเย็นจัด บรรยากาศโรแมนติกเดินเล่นท่ามกลางหิมะตกกับน้องกวางน่ารัก จัดเต็มแฟชั่นหน้าหนาวได้เลย
การเดินทางจากโอซาก้าไปนารามีวิธีเดินทางดังนี้
- รถไฟด่วน Kintetsu ขึ้นจาก Namba Station ไปลงที่สถานี Kintetsu Nara Station ใช้เวลา 30 นาที ราคา 1,130 JPY
- รถไฟ JR จากสถานี Shin-Osaka ไปที่ JR Nara Station ใช้เวลา 45 นาที ราคา 800 JPY
การใช้จ่ายในญี่ปุ่น
การใช้จ่ายที่ญี่ปุ่นตอนนี้คือง่ายและสะดวกมากเว่อร์ ตั้งแต่มี YouTrip จะทำให้คุณใช้จ่ายสะดวกสบายและประหยัดมากกว่าบัตรเครดิตและบัตรเดบิตเยอะเลย ใครจะไปเที่ยวญี่ปุ่นต้องมีไว้ ใครอยากรู้ว่าประหยัดขึ้นเท่าไหร่เราเปรียบเทียบให้ดูชัด ๆ เลย
ที่สำคัญแลกเงิน JPY ผ่าน YouTrip ไว้คือแจ่มที่สุด ได้เรทดีมาก ยกตัวอย่างให้ดู ทริปนี้ตั้งงบเที่ยวไว้ที่ 120,000 JPY ไปร้านแลกเงินจะเป็นเงินทั้งหมด 32,520 บาท หากจ่ายด้วยบัตรเครดิตจะอยู่ที่ 33,350 บาท แต่ถ้าจ่ายด้วย YouTrip จะเหลือเพียง 32,418 บาท ประหยัดได้ถึง 932 บาท กันเลย คุ้มมากเพราะYouTrip ให้เรทดีที่สุด แถมไม่มีค่าธรรมเนียม 2.5% ในการใช้จ่ายด้วย
1. สวนสาธารณะนารา (Nara Park)
หนึ่งในสวนสาธารณะเก่าแก่ของญี่ปุ่นสร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ 1880 สถานที่ที่รวมเหล่ากวางไว้มากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองกว่าพันด้วย เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่มาก 3,130 ไร่ ที่แม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็นิยมมาพักผ่อนกัน ในสวยมีต้นไม้เยอะ ร่มรื่น ช่วงซากุระก็มีกิจกรรมฮานามิ ส่วนใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่คือพระเอกเลย บรรยากาศสวยมาก ให้อาหารน้องกวางได้ กวางที่นี่กินเซมเบ้ไม่กินผักเหมือนบ้านเราซะด้วยนะ เป็น ที่เที่ยวนารา ที่ต้องมา ห้ามพลาดเด็ดขาด
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR ลงที่ JR Nara Station แล้วเดินต่อ 10 นาที
2. สวนโยชิไกเอน (Yoshikien Garden)
ตั้งอยู่ส่วนกลางของสวนสาธารณะนารา ที่นี่สงบมากเหมือนเป็นที่เที่ยวลับ ๆ ก็ว่าได้ มีการจัดสวน 3 รูปแบบ เป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นหมดเลยแต่ให้ความรู้สึกต่างยุคต่างสมัยกัน มีสวนน้ำ สวนมอสส์และสวนดอกไม้สำหรับพิธีชงชา ฤดูไฮไลต์คือใบไม้ผลิและใบไม้เปลี่ยนสี บรรยากาศจะสวยงามมีสีสันน่าเดินเล่นกินลมชมธรรมชาติมาก ๆ
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : 09:00 – 16:30 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR ลงที่ JR Nara Station เดินต่อ 10 นาทีเข้า Nara Park โดย Yoshikien Garden จะอยู่โซนกลาง
3. วัดโทไดจิ (Todai-ji Temple)
ที่เที่ยวญี่ปุ่นระดับโลกกับวิหารไม้ขนาดใหญ่ที่สุดโลกเรียกว่า Daibutsuden Hall เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไดบุทสึสำริดที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น สูงถึง 15 เมตร และเป็นวัดที่มีประตู Nandaimon ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย อยู่มานานกว่า 1,200 ปี ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมจากยูเนสโกแล้วเรียบร้อย ไปนาราอย่าลืมแวะไปไหว้พระและชมความยิ่งใหญ่ของวัดโทไดจิกันนะ
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 800 JPY / เด็ก 400 JPY เข้าได้ทั้งวิหารหลักและพิพิธภัณฑ์
เวลาเปิด-ปิด : 07:30 – 17:00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟธรรมดา ลงสถานี Kintetsu Nara เดินจากสถานีนี้ประมาณ 30 นาที
4. พระราชวังเฮโจ (Heijo Palace)
พระราชวังเฮโจเคยเป็นวังหลักของเมืองหลวงนาราในสมัยก่อนประมาณปี ค.ศ. 710-794 บริเวณภายในจะประกอบด้วยหลายอาคาร แต่ละอาคารจะมีสวนขนาดใหญ่อยู่รอบ ๆ ทั้งหมด ไฮไลต์คือการเยี่ยมชม Daigokuden เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดของวังมีการบูรณะไปแล้วและเปิดให้ประชาชนเข้าชมเมื่อปี 2010 ที่ผ่านมานี่เอง เพดานตกแต่งด้วยสัตว์ 4 ชนิดตามเข็มทิศและภาพของ 12 นักษัตร และตรงกลางเป็นที่ตั้งของบัลลังก์ ถือเป็น ที่เที่ยวนารา ทางประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่ามาก
ค่าเข้าชม : 500 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 9:00-16:30 น. (ปิดวันจันทร์)
การเดินทาง : นั่งรถไฟ Kintetsu trains ลงที่ Yamato-Saidaiji Station แล้วเดินต่อ 5 นาที
5. ศาลเจ้าคาซุงะไทฉะ (Kasuga Taisha Grand Shrine)
ศาลเจ้าที่โด่งดังที่สุดของเมืองนาราก่อนตั้งพร้อมกับเมืองหลวงนาราในสมัยก่อนเลย เห็นว่าสร้างขึ้นเพื่อมองให้กับเทพผู้รับผิดชอบดูแลปกป้องเมือง ที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องโคมไฟ เราจะเห็นโคมไฟหลายร้อยด้วยห้อยลงมาจากอาคารต่าง ๆ มากมาย ซึ่งเขาจะจุดโคมปีละ 2 ครั้งเท่านั้น คือในงานเทศกาลโคมไฟเดือนกุมภาพันธ์และสิงหาคม
ค่าเข้าชม : ด้านนอกชมฟรี ด้านในคนละ 500 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 06:30 น. – 17:30 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR ลงที่ Nara Station จากนั้นต่อรถบัสไปลงที่ Kenchoazuma Bus Stop แล้วเดินต่อ 300 เมตร
6. วัดโฮริวจิ (Horyu-ji Temple)
วัดที่สร้างด้วยไม้ เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกถือเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สวยงามมาก ไฮไลต์คือเจดีย์ 5 ชั้น สูง 34 เมตร แถมยังมีการจัดแสดงโบราณวัตถุทางพุทธศาสนาไว้ด้วย มีพระพุทธรูปศากยมุนีสามองค์ พระพุทธรูปลับและพระอวโลกิเตศวรโปรดสัตว์ปางยืน ให้กราบไหว้ขอพรกันด้วย รอบวัดมีสวยร่มรื่นเดินเล่น พักผ่อนได้ อีกหนึ่งวัด ที่เที่ยวนารา ที่ต้องมา
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 1,500 JPY / เด็ก 750 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 08:00 – 17:00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟ Yamatoji Line ลงที่ Horyuji Station เดินต่อ 20 นาที
7. ศาลเจ้าโยชิมิสึ (Yoshimizu Shrine)
ที่เที่ยวญี่ปุ่นหนึ่งในไฮไลต์ชมซากุระและใบไม้เปลี่ยนสี ดังเรื่องวิวสวยมากเราจะได้เห็นวิวซากุระบนสันเขาสีชมพูของซากุระสลับกับต้นไม้สีเขียวสวยแบบวิวหลักล้านมาก ๆ ส่วนช่วงใบไม้เปลี่ยนสีบรรยากาศรอบวัดสวยฉ่ำ ต้นเมเปิ้ลเปลี่ยนเป็นสีแดง ๆ ส้ม ๆ สดใส ส่วนตัวศาลเจ้าเราจะได้กลิ่นของความโบราณที่สร้างมากกว่า 1,300 ปี แถมยังเคยใช้เป็นที่ประทับของจักรพรรดิโกไดโกะด้วย
ค่าเข้าชม : 400 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 09:00 – 17:00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟ Kintetsu ไปลงที่สถานี Yoshinoyama แล้วต่อรถบัสหรือกระเช้าไปที่วัดอีกประมาณ 20 นาที
8. วัดยาคุชิจิ (Yakushiji Temple)
วัดเก่าแก่ของญี่ปุ่นที่ถึงแม้จะมีการบูรณะขึ้นมาใหม่แต่ก็ยังคงความงดงามไว้เหมือนเดิมเนื่องจากถูกไฟไหม้ครั้งใหญ่ไปหนึ่งครั้ง แต่ก็ยังมีส่วนดั้งเดิมที่รอดพ้นเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้นมาให้ได้ชม นั่นก็คือ เจดีย์ทางทิศตะวันออก มีลูกเล่นพิเศษคือทำหลังคาเป็นภาพลวงตาแท้จริงแล้วมา 3 ชั้น แต่ถ้ามองภายนอกจะเห็นเป็น 6 ชั้นนั่นเอง ด้านหลังของวัดมีการจัดแสดงผลงานของ Hirayama Ikuo หนึ่งในจิตรกรนักวาดผู้มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นอีกด้วย
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 1,100 JPY / เด็ก 300 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 08:30 – 17:00 น.
การเดินทาง : จาก Kintetus Nara Station โดยสาร Kintetsu Nara Line ลงที่ Yamato-Saidaiji Station แล้วเปลี่ยนมานั่ง Kintetsu Kashihara Line ลงที่ Nishinokyo Station
9. วัดโคฟุคุจิ (Kofuku-ji Temple)
วัดนี้ไม่ธรรมดาเคยเป็นวัดของครอบครัวฟูจิวาระ ตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในช่วงยุคนาราและเฮอัน สร้างพร้อม ๆ กับช่วงที่นาราเคยเป็นเมืองหลวงประมาณ ค.ศ. 710 แต่เดิมที่นี่มีสิ่งปลูกสร้างรวมกว่า 150 อาคาร แต่ปัจจุบันเหลือให้เราได้ชื่นชมไม่กี่อาคาร มีไฮไลต์ที่อาคารหลัก เจดีย์ 3 ชั้น และเจดีย์ 5 ชั้น ที่สูงเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวัดศักดิ์สิทธิ์ในนาราก็ว่าได้
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 700 JPY / เด็ก 300 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 09:00 – 17:00 น.
การเดินทาง : นั่งรถบัสจากสถานี JR Nara Station ลงป้าย Kencho-mae bus stop
10. ศาลเจ้าทันซัน (Tanzan Shrine)
ชมเจดีย์ไม้ 13 ชั้นที่สวยงาม พร้อมชมวิวรอบศาลเจ้าบรรยากาศดีมาก ที่นี่มีเจดีย์ไม้โบราณที่สูงถึง 13 ชั้น แห่งเดียวของญี่ปุ่นถูกยกย่องให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่นด้วย ฤดูฮิตคือใบไม้เปลี่ยนสี มีต้นไม้นานาพันธุ์รวมอยู่กว่า 3,000 ต้น พอเปลี่ยนสีแล้วอลังการสุด ๆ แถมศาลเจ้ายังดังเรื่องของพรความรัก มีความเชื่อว่าหากเขียนคำอธิษฐานลงในแผ่นไม้ ขอพรเกี่ยวกับความรักแล้วนำไปแขวนบูชาจะสมหวังนั่นเอง
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 600 JPY / เด็กเข้าฟรี
เวลาเปิด-ปิด : 08:30 – 17:00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟของ Kintetsu สาย Nara Line ไปลงที่ Tsuruhashi Station แล้วเปลี่ยนเป็นสาย Osaka Line เพื่อไปลงที่ Sakurai Station จากนั้นต่อรถบัสอีก 30 นาที ลงที่ป้าย Tanzan-jinja ได้เลย
11. วัดโทโชไดจิ (Toshodai-ji Temple)
วัดเก่าแก่อายุหลักพันปีของเมืองนาราอีกหนึ่งที่ วัดนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพระชาวจีนที่ได้รับเชิญจากจักรพรรดิไปยังประเทศญี่ปุ่น ให้ฝึกอบรมพระสงฆ์และปรับปรุงพุทธศาสนาของญี่ปุ่นนั่นเอง เลยเป็นที่มาของชื่อวัดที่มีความหมายว่าการได้รับเชิญจากราชวงศ์ถังของจีนนั่นเอง วัดใหญ่และมีจุดน่าสนใจมากมาย อย่างระฆังขนาดใหญ่เก่าแก่มาตั้งแต่สมัยเฮอัน
ค่าเข้าชม : 600 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 08:30 – 17:00 น.
การเดินทาง : จาก Kintetsu Nara Station นั่งรถไฟสาย Kintetsu Nara Line ลงที่ Yamato-Saidaiji Station แล้วเปลี่ยนมานั่ง Kintetsu Kashihara Line
12. บึงน้ำซารุซาวะ (Sarusawa Pond)
จุดวิวชมพระอาทิตย์ตกเมืองนาราที่บึงน้ำซารุซาวะ เป็นที่นั่งเล่น พักผ่อนริมบึงน้ำ เหมาะกับมานั่งพักหลังจากเดินเที่ยวเหนื่อย ๆ ทั้งวันมากเลย แนะนำให้พกข้าวกล่องเบนโตะมาด้วยจะได้บรรยากาศมาก แม้ว่ารอบ ๆ จะไม่ได้มีต้นไม้เยอะแต่ด้วยความเป็นพื้นที่โล่งทำให้รู้สึกสบาย แถมหากใครโชคดีจะเจอน้องกวาดออกมาเล็มหญ้าแถวบึงน้ำด้วยล่ะ
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR ลงที่ JR Nara Station ออกทาง East แล้วเดินต่อ 1 กิโลเมตร เดินผ่านถนน Higashimuki แล้วเลี้ยวซ้ายที่ถนน Sanjo-dori จะเจอบึงน้ำ
13. วัดฮันยาจิ (Hannya-ji Temple)
ที่เที่ยวญี่ปุ่นที่ได้ฉายาว่าวัดแห่งดอกคอสมอส ตัววัดนอกจากจะเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามให้ความรู้สึกขลังและศักดิ์สิทธิ์แล้วรอบ ๆ สวนของวัดยังเต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิดกว่า 30 สายพันธุ์ ทยอยเบ่งบานกันตามฤดูกาล เช่น ดอกยามาบุกิในเดือนเมษายน ดอกไฮเดรนเยียเดือนมิถุนายนหรือดอกนาร์ซิสซัสในเดือนมกราคม เป็นต้น
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 500 JPY / เด็ก 100 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 09:00 – 17:00 น.
การเดินทาง : นั่งรถบัสที่มุ่งหน้าไป Kunimidai 8-chome (Narazaka) หรือ Aoyama-jutaku ก็ได้ ลงที่ป้าย Hannyaji แล้วเดินต่อ 5 นาที
14. วัดโทไดจิ นิกัตสึโดะ (Todai-ji Nigatsudo)
วัดไทโดจิมีบริเวณและพื้นที่กว้างขวาง นอกจากรอบ ๆ วัดที่เดินเล่นชมความสวยงามแล้วยังมีอีกหนึ่งที่เป็นไฮไลต์คือห้องโถงนิกัตสึโดะ สวยตั้งแต่ทางเดินเข้าเลยล่ะ ทางเดินเข้าเป็นทางที่มีกำแพงหินเก่าขนาบข้างถนน เป็นเนินเล็กน้อยมองเห็นห้องโถงนิกัตสึโดะได้จากตรงนี้เลย ถ่ายรูปสวยมาก และยังสามารถขึ้นไปชมวิวบนระเบียงของห้องโถงได้อีกด้วย ที่มีจะจัดพิธีโอมิซูโทริทุกเดือนมีนาคมด้วย
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด ไม่มี
การเดินทาง : นั่งรถไฟธรรมดา ลงสถานี Kintetsu Nara เดินจากสถานีนี้ประมาณ 30 นาที ห้องโถงนิกัตสึโดะจะอยู่ฝั่งทิศตะวันออกของวัน
15. สวนพฤกษศาสตร์มันโย (Manyo Botanical Gardens)
สวนที่เก็บสะสมพืชพันธุ์ไม้กว่า 300 ชนิดไว้ให้เราได้ดู บอกก่อนเลยว่าที่นี่เขาจัดสวนได้สวยมาก ๆ ร่มรื่น เต็มไปด้วยสีสัน ดอกไม้สีสดมาก อย่างสีม่วงก็คือม่วงแบบตะโกนแบบฉ่ำ มีดอกวิสทีเรียซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลฟูจิวะระซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้อัญเชิญเทพเจ้ากว่า 200 ต้น ในเดือนพฤษภาคมจะบานแกว่งสู้กับลมสวยมาก มีงานจัดงานเทศกาลดนตรีโบราณประจำปีด้วย ทุกเดือนพฤษภาคมและเดือนพฤศจิกายนของทุกปี
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 500 JPY / เด็ก 250 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 09:00 – 17:00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟไปลงที่ Kintetsu Nara Station แล้วต่อรถบัสหมายเลข 1 ลงที่ป้าย Kasuga Taisha Honden
16. สวนอิซุยเอ็นและพิพิธภัณฑ์เนราคุ (Isuien Garden and Neiraku Museum)
ชมสวนสไตล์ญี่ปุ่นยุคเอโดะกลางเมืองนารา ที่เที่ยวนารา อยู่ในบริเวณของวันโทไดจิ สวนจะมีแม่น้ำ Yoshikigawa ไหลผ่านมาเป็นสระน้ำและลำธาร 3 สระ โรงไม้ โรงน้ำชา และศาลเจ้าขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังมี Neiraku Museum จัดแสดงคอลเลกชันเครื่องดินเผาทั้งแบบญี่ปุ่น จีน และเกาหลีในแบบดั้งเดิมไว้ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม
ค่าเข้าชม : 900 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 09:00 – 17:00 น. (ปิดวันอังคาร)
การเดินทาง : จากสถานี JR Nara ให้ขึ้นรถบัส Nara Kotsu สาย 2/70/72/97 ลงที่ป้าย Kencho-higashi
17. โรงงานผลิตสาเกฮารุชิกะ (Harushika Sake Brewery store)
เครื่องดื่มท้องถิ่นของเมืองนาราหนึ่งในนั้นก็คือสาเก มาถึงนาราก็ไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตสาเกแห่งแรงของเมืองกันหน่อย ผลิตสาเกมาแล้วกว่า 130 ปี ข้างในโรงงานคือมีความเก่าแก่โบราณหลงเหลืออยู่ด้วยนะ แน่นอนว่าจะเห็นสัญลักษณ์ของร้านก็คือหัวกวางตามชื่อ Harushika แปลว่าฝูงกวางฤดูใบไม้ผลิ แถมยังมีสาเกชื่อดังขอเมืองให้ลองชิมด้วย
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : 10.00 – 17.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR ลงที่สถานี JR Nara แล้วต่อรถบัสที่ป้าย JR Naraeki Bus Stop ไปลงที่ Fukuchiincho Bus Stop แล้วเดินต่อ 100 เมตร
18. พิพิธภัณฑ์แห่งชาตินารา (Nara National Museum)
พิพิธภัณฑ์ที่สร้างมาเป็นร้อยปีแล้วนะ ที่นี่มีสถาปัตยกรรมแบบโบราณให้ชมโดยเฉพาะอาคารต่าง ๆ ของพิพิธภัณฑ์เขารักษาโครงสร้างไว้เหมือนเดิมแบบเป๊ะ ๆ เลยล่ะ ในพิพิธภัณฑ์ส่วนใหญ่จะแสดงเกี่ยวกับเรื่องราวพุทธศาสนาในรูปแบบของภาพวาด รูปปั้นและวัตถุโบราณของญี่ปุ่น มีนิทรรศการโชโซอิน ช่วงใบไม้ร่วงซึ่งจะมีเปิดให้ชมสมบัติล้ำค่าในศตวรรษที่ 8 ที่ผ่านเส้นทางสายไหมมาถึงประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 520 JPY เด็กเข้าฟรี
เวลาเปิด-ปิด : 09:00 – 18:30 น.
การเดินทาง : จากสถานี JR Nara ขึ้นรถบัสสายวงแหวนเมืองนารา ลงที่สถานี Himuro Jinja/Kokuritsu Hakubutsukan
19. สวนพลัมซึตคิกะเซะ (Tsukigase Plum Grove)
ที่หมู่บ้านซึตคิกะเซะขึ้นชื่อเรื่องสวนพลัมที่สวยงาม ดอกพลัมจะมีลักษณ์เป็นกลีบซ้อนช่อกัน มีเกสรสีเหลืองอยู่ตรงกลางกลีบสีชมพูบานเย็น สีแดงและขาว คล้าย ๆ ซากุระเหมือนกัน ดอกพลัมจะบานช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงปลายมีนาคม ที่นี่มีต้นพลัมกว่า 10,000 ต้น วิวสวยมากมีสะพานแขวนให้เดินชมด้วย บรรยากาศสวยเหมือนซากุระเก็บไว้เป็นลิสต์ ที่เที่ยวนารา ที่ต้องไปได้นะ
ค่าเข้าชม : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Nara Station ให้ขึ้นรถบัส Nishiguchi ไปลงที่ป้าย Tsukisebashi ใช้เวลาประมาณ 1.30 นาที
20. ภูเขาคะคุซายาม่า (Mount Wakakusa)
ปิดทาย ที่เที่ยวนารา กับถูเขาที่อยู่หลัง Nara Park เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวแสนสวยของเมืองนาราเลยก็ว่าได้ เปิดให้แค่ช่วงใบไม้ผลิและใบไม้เปลี่ยนสีเท่านั้น เนื่องจากมีการอนุรักษ์และดูแลรักษาหญ้าบนภูเขา มา 2 ฤดูได้บรรยากาศต่างกัน ใบไม้ผลิหญ้าเเขียวชอุ่ม ใบไม้ร่วงหญ้าเป็นสีส้มแดง สวยคนละแบบ ด้านบนก็เห็นวิวเมืองนาราด้วย ใช้เวลาเดินไปจุดชมวิวบนยอดเขาประมาณ 30 นาที ทางเดินง่ายเตรียมผ้าใบสักคู่ก็พอ
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 150 JPY / เด็ก 80 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 09:00 – 17:00 น. เปิดแค่ฤดูใบไม้ผลิ ปลายเดือนมิถุนายน – กลางเดือนกันยายน และฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ปลายเดือนพฤศจิกายน – ปลายเดือนมีนาคม เท่านั้น
การเดินทาง : จาก Kintetsu Nara Station หรือ JR Nara Station โดยสารรถบัส ลงที่ Kasuga Taish
YouTrip Perks ท่องเที่ยวญี่ปุ่นประหยัดมากขึ้น
เมื่อมีแพลนเดินทางอย่าลืมจองที่พักล่วงหน้าเตรียมไว้ด้วยละ นอกจาก YouTrip จะให้คุณแลกเงินได้เรทที่ดีเที่ยวถูกกว่าใครแล้ว เรายังมีฟีเจอร์ “YouTrip Perks” จองที่พัก Agoda หรือซื้อตั๋วค่าเข้าที่เที่ยวผ่าน Klook ได้เงินคืนแบบคุ้มๆ กันไปเลย
นาราเมืองแห่งกวาง วัด และมรดกโลกที่น่าสนใจ เต็มไปด้วยร่องรอยของความเก่าแก่และประวัติศาสตร์ธรรมชาติก็สวยงามฉ่ำสมกับเป็นญี่ปุ่นมาก ๆ ใครแพลนไปเที่ยวฝั่งเกียวโต โอซาก้าลองหาเวลาแวะไปนาราสักวันรับรองว่าประทับใจแน่นอน และให้ทุกการใช้จ่ายในทริปนี้ประหยัดกว่าเดิมต้องมี YouTrip เพราะ ใช้จ่าย เรทดี ทุกที่ทั่วโลก แตะจ่ายที่ไหนก็สบายใจ แถมไม่มีค่าธรรมเนียม 2.5% สมัครเลย!