พาเที่ยวเมืองเก่าของญี่ปุ่นกันที่เกียวโต ชมบรรยากาศแบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี บอกก่อนเลยว่าเกียวโตเป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์เยอะมากเพราะเคยเป็นที่ประทับของจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น มากกว่า 1,000 ปี ฉะนั้นใครชอบเที่ยวดูเมืองเก่าดูวัฒนธรรมต้องกรี๊ดแน่นอน ยิ่งช่วง ใบไม้เปลี่ยนสี เกียวโต ยิ่งเพิ่มบรรยากาศให้เมืองนี้น่าเที่ยวมากขึ้นไปอีก เดี๋ยววันนี้มาดูที่เที่ยวใบไม้เปลี่ยนสีเกียวโตกันบ้างที่ไหนต้องไปบ้าง
พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีญี่ปุ่น 2024
ตามปกติแล้วไม้เปลี่ยนสีจะเริ่มจากทางเหนือของประเทศก่อนแล้วไล่ลงมาเรื่อย ๆ จนถึงภูมิภาคคิวชู สำหรับที่เกียวโตจะเริ่มเปลี่ยนสีช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคมของปี 2024 ฉะนั้นใครอยากไปญี่ปุ่นแล้วเจอใบไม้เปลี่ยนสีสวย ๆ ต้องไม่ลืมเช็คพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่นก่อนจองตั๋วด้วยนะ
แนะนำ 15 จุดชม ใบไม้เปลี่ยนสี เกียวโต ถ่ายรูปสวย ปังๆ พลาดไม่ได้
1. รถไฟสายโรแมนติกซากาโนะ (Sagano Romantic Train)
ที่เที่ยวใบไม้เปลี่ยนสีเกียวโตที่แรกเป็นเส้นทางรถไฟสำหรับชมวิวที่ได้รับความนิยมมากสำหรับการมาเที่ยวเกียวโต รถไฟสายนี้จะวิ่งบริเวณอะราชิยามาคู่ขนานไปกับแม่น้ำโฮซุกาวา ระยะทาง 7 กิโลเมตร วิวข้างทางคือดีเวอร์วังได้ชมวิวทั้งภูเขาและแม่น้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงใบไม้เปลี่ยนสีคือช่วงพีคเลย จะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดง ส้ม ริมแม่น้ำริมภูเขาโรแมนติกสมชื่อเลยล่ะ
ค่าเข้า : ตั๋วรถไฟ ผู้ใหญ่ 630 JPY / เด็ก 320 JPY
เวลาเปิด – ปิด : รอบรถไฟ 09:07 – 17:07 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟลงสถานี JR Kyoto แล้วเปลี่ยนสายรถไฟไปเป็น JR Sagano Line ลงสถานี JR Umahori เดินต่อ 10 นาที เพื่อไปถึงต้นทางขึ้นรถไฟ
2. วัดโทฟุคุจิ (Tofukuji Temple)
หนึ่งในแลนด์มาร์คช่วง ใบไม้เปลี่ยนสี เกียวโต ต้องที่มีวัดโทฟุคุจิแน่นอน ในวัดมีประตูไม้ขนาดใหญ่ Sammon Gate ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติแห่งชาติด้วยนะ เป็นประตูไม้สูง 22 เมตร สร้างแบบเซ็นโบราณแท้ ๆ ส่วนอาคารอื่นของวัดก็สร้างแบบเซ็นทั้งหมดเช่นกันตั้งแต่สมัยมูโรมาชิช่วงปี 1333 – 1573 นู่นเลย แน่นอนไฮไลต์ของการมาวัดคือช่วงใบไม้เปลี่ยนสี โดยเฉพาะบริเวณสะพานซุเทนเคียว มีต้นเมเปิ้ลใบสีแดงส้มคลุมสะพานยาว 100 เมตร ชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีพร้อมความสวยงามของวัดได้พร้อมกันบอกเลยว่าประทับใจสุด ๆ
ค่าเข้า : 400 JPY
เวลาเปิด – ปิด : 08:30 – 16:30 น.
วิธีเดินทาง : จาก Kyoto Station โดยสารรถไฟ JR Nara Line หรือ Keihan Main Line ลงที่ Tofukuji Station แล้วเดินต่อ 10 นาที
3. วัดเท็นริวจิ (Tenryuji Temple)
Photo by : soue12
วัดสวยในเกียวโตได้รับการขึ้นมรดกโลกจากยูเนสโก้เรียบร้อย ที่วัดวัดเท็นริวจิเป็นวัดของศาสนาพุทธนิกายเซนสายรินไซ ถูกบูรณะขึ้นใหม่ช่วงยุคเมจิหลังจากเกิดเหตุไฟไหม้ ในวัดมีสระน้ำขนาดใหญ่ที่มีน้องปลาคาร์ฟว่ายอยู่ในน้ำหลาก และตรงนี้ก็เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสียอดฮิตของวัดด้วย เพราะรอบ ๆ เต็มไปด้วยต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์พอถึงช่วงไม้ใบเปลี่ยนสี เกียวโตบริเวณสระน้ำตรงนี้จะดูมีสีสันขึ้นมาเลยล่ะ
ค่าเข้า : รอบวัดคนละ 500 JPY
เวลาเปิด – ปิด : 08:30 – 17:30 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟ Keifuku trains ลงที่สถานี Keifuku Arashiyama Station แล้วเดินต่อ 5 นาที
4. วัดเอคันโดะ (Eikando Temple)
Photo by : kamaaachan
เป็นวัดเก่าแก่ของศาสนาพุทธนิกายโจโด อายุกว่า 1000 ปี มาแล้วนะ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเก่าแก่ของเมืองเกียวโตเลยล่ะ ที่นี่เขาก็โด่งดังในเรื่องการเป็นที่เที่ยว ใบไม้เปลี่ยนสี เกียวโต มาตลอดเลย เพราะว่าในวัดมีต้นเมเปิ้ลเยอะมาก ๆ 3,000 กว่าต้นเลย พอถึงช่วงใบไม้เปลี่ยนสีวัดนี้ก็จะกลายเป็นแดงของต้นเมเปิ้ลสวยงามมาก ๆ เลยเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว นอกจากนี้วัดยังมีงานสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นที่น่าไปชมด้วยอย่าง เจดีย์ทาโฮโต และสวนโฮโจ มีทั้งลำธาร บ่อน้ำ สะพานเชื่อม ตอนกลางคืนมีเปิดไฟประดับด้วย
ค่าเข้า : 600 JPY
เวลาเปิด – ปิด : 09:00 – 16:00 น.
วิธีเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Kyoto Station ให้นั่งรถไฟสาย Karasuma-Oike ไปลงที่สถานี Keage Station แล้วเดินต่ออีกประมาณ 15-20 นาที
5. ล่องเรือในแม่น้ำโฮซูกาวะ (Hozugawa River Cruise)
เปลี่ยนบรรยากาศไปล่องเรือชม ใบไม้เปลี่ยนสี เกียวโต กันบ้าง แต่ก่อนแม่น้ำสายโฮซูกาวะเป็นเส้นทางหลักในการขนส่งสินค้าไปโอซาก้าเลยนะ แต่พอเวลาผ่านไปมีขนส่งอื่น ๆ มาแทนที่เรือพวกนี้เลยเอาไว้ใช้ในการท่องเที่ยวแทน การล่องเรือใช้เวลา 2 ชั่วโมงไปสิ้นสุดที่อาราชิยาม่า ชมใบไม้เปลี่ยนสีสวย ๆ ริมแม่น้ำ กับอากาศเย็น ๆ ฟินสุด ระหว่างทางจะมีเรือขายสินค้ามาเทียบขายของกินเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยนะ ซื้อทานบนเรือได้ เป็นกิจกรรมชมใบไม้เปลี่ยนสีที่น่าสนุกมากเลยล่ะ
ค่าเข้า : 4,100 JPY
เวลาเปิด – ปิด : 10:00 – 15:30 น.
วิธีเดินทาง : จาก Kyoto Station ให้ขึ้นรถไฟไปลงที่สถานี JR Kameoka Station แล้วต่อรถบัสหรือเดินอีก 10 นาทีก็ได้
6. วัดคิโยมิซุ (Kiyomizu-dera Temple)
Photo by : amnetusa
หรือที่คนไทยเรียกว่าวัดน้ำใสนั่นเอง เป็นวัดเก่าแก่สร้างตั้งแต่ปี 798 ที่ได้ชื่อว่าวัดน้ำใสก็เพราะวัดนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาและมีสายน้ำบริสุทธิ์ถึง 3 สายที่ไหลลงมาจากน้ำตกโอโตวะ บอกเลยว่าวิวและบรรยากาศโดยรอบช่วง ใบไม้เปลี่ยนสี เกียวโต สวยมาก ๆ เป็นแลนด์มาร์คที่ต้องมาเลยนะห้ามพลาด ไหน ๆ มาแล้วก็อยากให้อยู่รอดูพระอาทิตย์ตกดินและช่วงกลางคืนที่เขาจะเปิดไฟประดับทั่ววัดอีกด้วย
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 300 JPY / เด็ก 200 JPY
เวลาเปิด – ปิด : 06:00 – 21:30 น.
วิธีเดินทาง : ขึ้นรถบัสสาย 100 หรือ 206 ไปลงที่ป้าย Gojo-zaka แล้วเดินต่อ 15 นาที
7. ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ (Fushimi Inari Taisha)
Photo by : landscapehaze
ที่นี่ชาวบ้านเขาจะเรียกกันว่า โออินาริซัง เป็นเหมือนชื่อเล่นของวัด ศาลเจ้านี้มีความพิเศษอยู่ที่เสาโทริอิสีแดงกว่าหมื่นต้นที่ตั้งเรียงยาวเข้าไปในป่าลึกบนเขาอินาริ ถ้าเดินตามเสาโทริอิไปจนสุดเลยจะใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง ระหว่างทางมีคาเฟ่เล็ก ๆ ในแวะพักเหนื่อยได้ แน่นอนว่าไปช่วงใบไม้เปลี่ยนสีระหว่างทางก็จะได้ดื่มด่ำกับเหล่าต้นไม้ใบสีส้ม ๆ แดง ๆ กันตลอดทั้งทางแน่นอน แวะถ่ายรูปได้ทุกจุดไม่มีเบื่อ ด้านบนจะมีศาลเจ้าเทพอินาริไปจุดหมายปลายทาง แวะขอพรก่อนเดินทางลงมาได้
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด – ปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟสาย JR Nara Line ไปลงที่สถานี JR Inari ศาลเจ้าจะอยู่หน้าสถานีเลย
8. ถนนสายนักปราชญ์ (The Philosopher’s Path)
Photo by : jrailpass
เป็นทางเดินริมคลองส่งน้ำบิวะระยะทาง 2 กิโลเมตรซึ่งสามารถเดินต่อไปวัดกินคะคุจิได้ด้วย ที่ได้ชื่อว่าถนนสายนักปราชญ์มีที่มาด้วยนะ เพราะว่าแต่ก่อนเส้นทางตรงนี้เป็นเส้นทางที่นิชิดะ คิทาโร่ นักปราชญ์ผู้โด่งดังของญี่ปุ่นใช้ทางเดินตรงนี้ไป-กลับในการไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเกียวโตนั่นเอง ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีริมคลองจะเต็มไปด้วยต้นไม้ที่กำลังผลัดใบทำให้มีสีแดง ส้ม ตลอดทางเดินยิ่งช่วงที่ใบไม้ร่วงลงมาปกคลุมที่ทางเดินเหมือนมีพรมแดงมาปูทิ้งไว้เลยล่ะ
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด – ปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : นั่ง Kyoto City Bus สาย 32 หรือ 100 ลงที่สถานี Ginkakuji-Mae แล้วเดินต่อ 2 นาที
9. วัดบิชามอนโด (Bishamondo)
ไปเที่ยวขอพรเทพเจ้าแห่งความโชคดีกัน เดินทางยากนิดหนึ่งแต่รับรองคุ้ม วัดอยู่แถบตอนเหนือของเกียวโต มาถึงจะเดินทางเข้าวัดเป็นประตูสีแดงแบบญี่ปุ่นก่อนเลย โดนเด่นมาก ๆ คนนิยมถ่ายรูปตรงทางเข้าเหมือนกัน แต่ที่เด็ดกว่าคือเส้นทางเดินในวัดที่จะปกคลุมด้วยใบเมเปิ้ลสีแดงตลอดสองข้างทาง เหมือนเป็นอุโมงค์เมเปิ้ลเลยก็ว่าได้
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 500 JPY / เด็ก 300 JPY
เวลาเปิด – ปิด : 08:30 – 17:00 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Tozai subway line ไปลงที่สถานี Yamashina Station จากนั้นต้องเดินขึ้นเนินเขาประมาณ 20 นาที หรือใครเดินไม่ไหวนั่งแท็กซี่ได้
10. วัดไดโกจิ (Daigo-ji Temple)
จุดชม ใบไม้เปลี่ยนสี เกียวโต ที่ต่อมาเป็นวัดเก่าแก่ของเกียวโตที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในวัดมรดกโลกทรงคุณค่าของญี่ปุ่น ในวัดบอกเลยว่าร่มรื่นมาก มีทั้งต้นไม้ ทั้งคูน้ำ บรรยากาศดีโดยเฉพาะด้านหลังวัด เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีของที่วัดไดโกจิแห่งนี้เลย ด้านหลังวัดจะมีอาคารเบนเทนโดะอยู่ติดกับสระน้ำ มีสะพานโค้งข้ามคูน้ำสีแดง พอใบไม้เปลี่ยนสีมันจะเข้ากับสีของสะพานและอาคารสุด ๆ ไปเลย เป็นภาพที่สวยงามต้องถ่ายรูปเก็บไว้
ค่าเข้า : คนละ 1,500 JPY เข้าชมได้ทั่วทั้งวัด
เวลาเปิด – ปิด : 09:00 – 16:00 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Tozai ลงสถานี Daigo Station แล้วเดินต่อ 15 นาที
11. วัดเบียวโดอิน (Byodo-in)
ชม ใบไม้เปลี่ยนสี เกียวโต กันต่อที่วัดเบียวโดอิน ใครชอบดูงานสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นต้องไม่พลาดที่วัดนี้ นอกจากได้ชมใบไม้เปลี่ยนสีแล้วยังมี Phoenix Hall วิหารไม้สีแดงตั้งอยู่กลางวัดเลย ตัวโครงสร้างเป็นของดั้งเดิมตั้งแต่อดีต ด้านบนจะมีนักโฮโอหรือนกฟีนิกซ์อยู่คู่ 2 ตัว เห็นว่าตัวอาคารไม้มีอายุเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเลยล่ะ นอกจากนี้ในวัดยังมีสมบัติโบราณต่าง ๆ มาแสดงด้วยนะ เรียกว่าใครชอบดูของโบราณ วัตถุโบราณที่นี่ตอบโจทย์ใช่เลย
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 600 JPY / เด็ก 300 JPY
เวลาเปิด – ปิด : 08:30 – 17:30 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟไปลงที่สถานี JR Uji แล้วเดินต่อ 10 นาที
12. วัดโยชิมิเนะเดะระ (Yoshiminedera Temple)
Photo by : cello_hn
วัดนี้จะอยู่ตรงข้ามวัดน้ำใสที่เราแนะนำที่เที่ยวเกียวโตไปก่อนหน้านี้นะ เป็นวัดของศาสนาพุทธนิกายเท็นได ที่วัดจะมีอาคารหลายตั้งกระจาย ๆ กันไปอยู่ตามข้างภูเขา ฉะนั้นเมื่อขึ้นไปบนเนินเขาแล้วมองลงมาจะได้วิวอาคารญี่ปุ่นโบราณที่มีใบไม้เปลี่ยนสีอยู่ล้อมรอบนั่นเอง ไฮไลต์ของวัดอยู่ที่ต้นสนอายุ 600 ปี ที่สูงแค่ 2 เมตร แต่ลำตัวกว้างถึง 40 เมตร เป็นที่เที่ยวใบไม้เปลี่ยนสีเกียวโตยอดนิยมอีกที่หนึ่งของเมืองเลย
ค่าเข้า : 500 JPY
เวลาเปิด – ปิด : 08:00 – 17:00 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟสาย JR Kyoto Line ลงที่ Mukomachi Station แล้วต่อรถบัส Hankyu Bus หมายเลข 66 อีก 30 นาที
13. วัดชินเนียวโดะ (Shinnyodo Temple)
Photo by : yn_0605
แม้จะไม่ใช่วัดที่โด่งดังมากแต่หารู้ไม่ว่านี่ก็คืออีกที่หนึ่งในการชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามเช่นกัน ที่เกียวโตบอกเลยว่านิยมปลูกต้นเมเปิ้ลกันเยอะมาก มีแทบทุกวัดที่สถานที่เที่ยวเลย โดยเฉพาะที่วัดชินเนียวโดะเราจะได้สัมผัสบรรยากาศเงียบสงบ ใครชอบที่เที่ยวคนเยอะแนะนำเลยแหละ ได้ดื่มด่ำธรรมชาติในวัดและชมอาคารไม้เก่าแก่สวยงามอย่างเจดีย์สามชั้น ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางเมเปิ้ลใบสีแดง เป็นภาพที่สวยมาก
ค่าเข้า : 500 JPY
เวลาเปิด – ปิด : 09:00 – 16:00 น.
วิธีเดินทาง : ไปขึ้นรถบัสที่สถานีรถไฟ Kyoto Station นั่งรถบัสสาย Kyoto City Bus หมายเลข 5 ไปลงที่ Shinnyodo-mae bus stop แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาที
14. วัดโคไดจิ (Kodaiji Temple)
Photo by : about_ac_
ชม ใบไม้เปลี่ยนสี เกียวโต กันต่อที่วัดโคไดจิ วัดศาสนาพุทธนิกายเซนที่โดดเด่นเรื่องการตกแต่งแบบหรูหรา มีความเรียบแต่หรูสไตล์ญี่ปุ่น มีสวนหินที่ใช้หินมาตกแต่งให้ดูคล้ายมหาสมุทรและดูเหมือนมีคลื่นลมแทรกอยู่ด้วย ส่วนจุดชมใบเปลี่ยนจะอยู่ที่สวน tsukiyama เป็นเนินเตี้ย ๆ แซมด้วยหินก้อนใหญ่และล้อมรอบด้วยต้นเมเปิ้ล ช่วงใบไม้เปลี่ยนสวยมากเปลี่ยนบรรยากาศให้ดูอบอุ่นและโรแมนติกขึ้นมาเลยล่ะ
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 500 JPY / เด็ก 200 JPY
เวลาเปิด – ปิด : 09:00 – 17:30 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 100 หรือ 206 ลงที่ป้าย Higashiyama Yasui bus stop แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที
15. ศาลเจ้าคิฟุเนะ (Kifune Shrine)
Photo by : m._.wat_srx
หมุดสุดท้ายของที่เที่ยวใบไม้เปลี่ยนสีเกียวโต ไปขอพรเจ้าแห่งสายน้ำกันที่ศาลเจ้าคิฟุเนะซึ่งสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งน้ำและฝนนั่นเอง ทางขึ้นศาลเจ้าเราจะต้องเดินผ่านบันไดหินและโคมไฟสีแดงที่ตั้งเรียงตลอดทางเดิน เป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตด้วยนะ ที่นี่จะโดดเด่นเรื่องขอพรด้านความรักและเซียมซีลอยน้ำ โดยการนำกระดาษทำนายไปลอยบนบ่อน้ำพุแล้วคำทำนายจะปรากฏขึ้นมา สำหรับนักเที่ยวต่างชาติเขามาให้สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่ออ่านคำทำนายเป็นภาษาอังกฤษด้วย เป็นกิจกรรมไฮไลต์ที่ต้องมาทำที่ศาลเจ้าคิฟุเนะเลยล่ะ
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด – ปิด : 06:00 – 18:00 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟ JR Nara Line มาลงที่สถานี Tofukuji แล้วเปลี่ยนรถไฟให้ขึ้นสาย Keihan Main Line มาลงที่สถานี Demachi-Yanagi จากนั้นเปลี่ยนรถไฟอีกครั้งเป็น Eizan Main Line มาลงที่สถานี Kibuneguchi ต่อรถบัสสาย 33 ลงที่ป้าย Kifune แล้วเดินต่ออีก 5 นาทีก็จะถึงศาลเจ้า
เที่ยวญี่ปุ่นด้วย YouTrip ประหยัดกว่า
แนะนำวิธีเที่ยวญี่ปุ่นให้ประหยัดกว่าเดิมด้วย YouTrip ประหยัดกว่าขนาดไหนมาดูกัน สมมุติตั้งงบเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ไว้ที่ 120,000 JPY ที่ร้านแลกเงินจะเป็นไทยทั้งสิ้น 32,520 บาท หากจ่ายด้วยบัตรเครดิตทั่วไปจะต้องจ่ายที่ 33,350 บาท แต่หากจ่ายผ่าน YouTrip จะได้จ่ายเพียง 32,418 บาท ประหยัดถึง 932 บาทกันเลย เพราะ YouTrip ให้เรทที่ถูกกว่า แถมไม่มีค่าธรรมเนียม 2.5% เหมือนบัตรเครดิตด้วย
เท่านั้นยังไม่พอ! เมื่อมีแพลนเดินทางอย่าลืมจองที่พักล่วงหน้าเตรียมไว้ด้วยล่ะ นอกจาก YouTrip จะให้คุณแลกเงินได้เรทที่ดีกว่าเที่ยวถูกกว่าใครแล้ว เรายังมีฟีเจอร์ใหม่ “YouTrip Perks” จองที่พัก Agoda หรือซื้อตั๋วค่าเข้าที่เที่ยวผ่าน Klook ได้เงินคืนแบบคุ้มๆ กันไปเลย
เรียกได้ว่ากลิ่นอายความเป็นเมืองเก่าของเกียวโตช่วงใบไม้เปลี่ยนสีคือมีเสน่ห์มากเลยเนอะ บรรยากาศความคลาสสิคสไตล์ญี่ปุ่นที่ล้อมรอบด้วยใบไม้เปลี่ยนสีแบบนี้ต้องไปเที่ยวชมให้เห็นกับตาสักครั้ง ใครวางแผนเที่ยวเกียวโตไว้แล้วอย่าลืมพา YouTrip ไปเป็นตัวช่วยในทริปนี้ด้วย เพราะ YouTrip “ใช้จ่าย เรทดี ทุกที่ทั่วโลก” แถมไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี สมัครเก็บไว้ด่วนเลย!