ญี่ปุ่นใครว่าต้องไปแต่ช่วงฤดูหนาวหรือใบไม้ผลิล่ะ รู้ไหมหน้าร้อนญี่ปุ่นก็มีดีเหมือนกัน ช่วงหน้าร้อนสำหรับญี่ปุ่นถือเป็นช่วงโลว์ซีซั่นจะอยู่ช่วงเดือน มิถุนายน กรกฎาคม สิงหาคม ข้อดีคือตั๋วเครื่องบินถูกลงเยอะจัด ๆ และนักท่องเที่ยวไม่หนาแน่นมากเท่าฤดูกาลอื่น ๆ ฉะนั้นใครที่มีงบจำกัดอยากเที่ยวญี่ปุ่น หน้าร้อนคือตอบโจทย์ เดี๋ยววันนี้ YouTrip จะพาไปดู ที่เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน กันว่ามีอะไรน่าสนใจ พร้อมบอกวิธีเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองแบบไม่ยากอีกด้วย
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อนเดือนไหน ?
ฤดูร้อน มิถุนายน – สิงหาคม เป็นช่วงที่จะมีฝนตกประปรายในช่วงต้นฤดู จากนั้นอุณหภูมิก็จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 27-35 องศา มีเทศกาลดอกไม้ไฟ และเทศกาลประจำเมืองของแต่ละเมืองเช่น เทศกาลคันดะ ที่โตเกียว เทศกาลเท็นจิน ที่โอซาก้า ถือเป็นฤดูกาลแห่งงานรื่นเริงก็ญี่ปุ่นเลยล่ะ
1. เทศกาลดอกไม้ไฟริมแม่น้ำซุมิดะ ( Sumida Fireworks Festival ) – โตเกียว
เปิดที่แรกด้วยที่เที่ยวโตเกียว หน้าร้อนไปดูดอกไม้ไฟกว่า 20,000 ดอกกัน เทศกาลเก่าแก่ที่จัดต่อเนื่องมากกว่า400 ปีแล้วล่ะ ซึ่งเขาจะจัดในวันเสาร์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคมของทุกปีจะมี 2 จุดที่ยิงดอกไม้ไฟคือในโตเกียว ก็คือ โตเกียวสกายทรี และ วัดเซนโซจิ เป็นเทศกาลดอกไม้ไฟยิ่งใหญ่อลังการและเรายังจะได้เห็นดอกไม้หลากหลายแบบทั้งStarmine ที่ยิงขึ้นพร้อมกันจำนวนมากในครั้งเดียว แบบแผง แปรตัวอักษร หรือตัวการ์ตูนอย่างหอยทาก ปลา อันปังแมน การ์ตูนโปเกมอน ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีการประกวดดอกไม้ไฟอีกด้วยนะ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อนโดยเฉพาะเลยล่ะ
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : เริ่มจุดดอกไม้ไฟ 19.00 – 20.30 น. โดยประมาณ
การเดินทาง : นั่งรถไฟสายสีส้ม Ginza Line ไปลงที่สถานี Asakusa Sta. ใช้ทางออกที่ 4 แล้วเดินต่อ 350 เมตร
2. ภูเขาไฟฟูจิ ( Mount Fuji ) – ยะมะนาชิ
สถานที่เที่ยวญี่ปุ่นชื่อดังต้องมีฟูจิอยู่ด้วยอย่างแน่นอน กิจกรรมยอดฮิตของการไปภูเขาไฟฟูจิช่วงหน้าร้อนนั่นก็คือปีนเขาจ้า สำหรับใครเป็นสายปีนเขาช่วงหน้าร้อนนี่แหละเหมาะสุดสำหรับการปีนภูเขาฟูจิ ซึ่งจะเปิดช่วงหน้าร้อนอย่างเดือนกรกฎาคมถึงกลางเดือนกันยายนเท่านั้น บนภูเขาไม่มีหิมะและอากาศดี เส้นทางปีนเขาจะมี 4 ทางด้วยคือ เส้นทาง Fujinomiya Trail, Gotemba Trail, Subashiri Trail, Yoshida Trail บนภูเขาฟูจิเขาไม่อนุญาตการกางเต็นท์นอนฉะนั้นข้างบนจะมีกระท่อมไว้ให้บริการแทนนะ มีเครื่องนอนให้เช่า มีอาหารเครื่องดื่มขายด้วย ใครเป็นสายปีนชอบผจญภัยก็ฟิตร่างกายเตรียมอุปกรณ์รอได้เลย
ค่าเข้า : คนละ 1,000 JPY
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เดินขึ้นเขา 06.00 น. เป็นต้นไป เปิดเฉพาะเดือนกรกฎาคมถึงกลางเดือนกันยายนเท่านั้น
การเดินทาง : จากโตเกียวให้ขึ้นรถไฟ JR Chuo Line Limited Express ไปลงสถานี Otsuki จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟ Fuji Kyuko Line ไปลงที่สถานี Kawaguchiko แล้วต่อรถ Fuji Kyuko Bus ไปลงที่ป้าย Fujisan Gogome
3. ทุ่งลาเวนเดอร์ที่ทะเลสาบคาวากุจิ ( Kawaguchiko ) – ยะมะนาชิ
ดอกไม้หน้าร้อนก็ต้องนึกถึงลาเวนเดอร์ที่ม่วงสุดสดใสล่ะนะ ไปดูทุ่งลาเวนเดอร์ริมทะเลสาบคาวากุจิกันดีกว่า เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในบรรดาทะเลสาบทั้ง 5 ที่อยู่รอบภูเขาไฟฟูจิ ถือเป็นที่เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อนที่คุ้มมาก เพราะจุดนี้นอกจากได้ชมลาเวนเดอร์สวย ๆ แล้วยังเป็นจุดชมวิวฟูจิยอดฮิตอีกด้วย ไปที่เดียวได้ 2 ต่อเลย ช่วงหน้าร้อนจะอากาศแจ่มใส สายถ่ายรูปแฮปปี้มากแน่นอนเพราะจะรูปที่ได้จะเป็นทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงที่มีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลังนั่นเอง
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : 09.00-18.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟลงสถานี Kawaguchiko ได้เลยแล้วต่อรถบัสสายสีแดงลงที่ป้าย 20 Kawaguchiko Natural Living Center
4. โทมิตะฟาร์ม ( Tomita Farm ) – ฮอกไกโด
อีกหนึ่งพิกัด ที่เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์อยู่ที่จังหวัดฮอกไกโด เป็นเมืองทางเหนือฉะนั้นอากาศจะเย็นกว่าภาคอื่นนะ ที่โทมิตะฟาร์มช่วงฤดูร้อนแบบนี้คือเป็นไฮไลต์เลยล่ะ เพราะเขามีทุ่งลาเวนเดอร์สายรุ้งอยู่นั่นเอง เป็นการปลูกดอกลาเวนเดอร์สลับดอกไม้อื่น ๆ ที่มีสีต่างกันจนดูเหมือนกับสายรุ้งนั่นเอง นอกจากสวนดอกไม้แล้วเขายังมีพิพิธภัณฑ์ และส่วนร้านค้าอีกด้วยนะ มีทั้งน้ำหอม สบู่ น้ำมันหอมระเหย ดอกไม้อบแห้ง ฯลฯ แต่ที่ห้ามพลาดเลยคือซอฟต์ครีมลาเวนเดอร์ หวานหอมอร่อยเข้ากับหน้าร้อนสุด ๆ
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 200 JPY / เด็ก 100 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 09.00 – 17.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR Furano Line ลงที่สถานี Nakafurano
5. ทุ่งดอกไม้ ฟลาวเวอร์แลนด์ เมืองคามิฟุราโนะ ( Flower Land Kamifurano ) – ฮอกไกโด
ยังคงพาไปชมดอกไม้กันต่อ ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นเชิงเกษตร มีพันธุ์ดอกไม้หลากหลายชนิดปลูกกันเรียงรายยาวไปบนเทือกเขาโทกาชิ ใหญ่และเยอะมากจริง ๆ คือมองได้แบบสุดลูกหูลูกตากันเลย แถมเขายังมีกิจกรรมยอดฮิตของฟาร์มคือการนั่งรถแทรกเตอร์ชมทุ่งดอกไม้ บอกเลยได้ความรู้สึกเป็นหนุ่มสาวชาวไร่สุด ๆ นอกจากนี้เขาจะมีจัดเวิร์คช้อปสำหรับคนชอบงานแฮนด์เมดด้วย อย่างการทำหมอนจากดอกลาเวนเดอร์นั่นเอง
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : 09.00 – 18.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR Furano Line ลงที่สถานี Kamifurano จากนั้นนั่งแท็กซี่ต่อมาอีกประมาณ 8 นาที
6. Shirogane Blue Pond (Aoi-ike) – ฮอกไกโด
ใครมาฮอกไกโดห้ามพลาดที่นี่เลย ที่นี่คือบ่อน้ำสีฟ้าแห่งเมืองบิเอะซึ่งจะสวยงามไม่แพ้หน้าหนาวเลย บ่อน้ำนี้เป็นบ่อน้ำที่ถูกกักไว้จากการสร้างเขื่อนบริเวณภูเขาไฟ การที่น้ำในบ่อมีสีฟ้าสดกว่าบ่อน้ำทั่วไปๆ ก็เป็นเพราะอะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์จากการปะทุของภูเขาไฟที่อยู่ในน้ำได้สะท้อนกับแสงแดดที่ส่องลงมานั่นเอง
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Biei โดยสารรถบัสสาย Biei-Shirogane Onsen ไปลงที่ Shirogane Aoiike Iriguchi บัสออกวันละ 5 เที่ยว
7. แหลมคามูอิ ( Cape Kamui ) – ฮอกไกโด
แหลมคามูอิแหล่ง ที่เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน สุดงดงามแห่งเกาะฮอกไกโด เชื่อว่าน่าจะเคยเห็นภาพในอินเทอร์เน็ตกันบางเนอะกับภาพแหลมหินยื่นออกไปในทะเล มีทางเดินเล็ก ๆ ยาวไปตามเนินเขาสีเขียวตัดกับน้ำทะเลสีครามสดใส ที่นี่คือแกลมคามูอิแห่งคาบสมุทรชาโคตัน ที่แหลมหินสามารถเดินขึ้นไปที่ปลายแหลมได้จะมีบันไดไม้และทางเดินคดเลี้ยวไปตามแนวเขา ระยะทางไม่ไกลประมาณ 700 เมตร ทางเดินไม่ยากนะเดินเท้าได้สบาย แถมมีลมเย็นจากทะเลผ่านมาเรื่อย ๆ ให้หายเหนื่อยด้วย ข้างทางจะเต็มไปด้วยดอกไม้และต้นหญ้าเขียวชอุ่ม เดินเพลิน ๆ แปปเดียวถึงปลายทางบริเวณปลายเเหลม มีประภาคารเล็กๆตั้งอยู่ ว่ากันว่า มีอายุมาตั้งเเต่ปี ค.ศ.1888 เลยทีเดียว
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : 08.00 น. – 18.00 น.
การเดินทาง : จากเมืองโอตารุโดยนั่งรถบัสสาย Hokkaido Chuo Bus จากป้าย Otarueki-mae Bus Termial มาลงที่ป้าย Kamui Misaki ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง
8. อุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซัง ( Daisetsuzan National Park ) – ฮอกไกโด
อุทยานแห่งชาติไดเซสึซัง ที่เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ที่อยู่ใจกลางเกาะฮอกไกโดที่นี่มีภูเขาสูงโทกาจิ สูงมากจนมีชื่อเรียกว่า “หลังคาแห่งฮอกไกโด” ด้วยความที่อยู่สูงขนาดนี้จึงมีพืชพรรณไม้แบบป่าสนอัลไพน์สีสันสวยงามและธรรมชาติและยังมีระบบนิเวศน์สมบูรณ์มากจนมีสัตว์หายากและปลาพันธุ์เฉพาะอยู่ด้วย ไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดคือจุดชมวิวที่จะได้เห็นทะเลหมอกที่ผาโซอุนเคียวตอนเช้า หรือใครอยากเช่าจักรยานปั่นชมวิวเขาก็มีให้บริการเช่นกัน ส่วนใครมาหน้าหนาวก็มาเล่นสกี สโนว์บอรด์หรือเดินขึ้นเขาได้เหมือนกัน เรียกได้ว่ามาเที่ยวได้ทุกฤดูกาลเลยล่ะ
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย JR Shimokitamon ลงที่สถานี Kamikawa จากนั้นนั่งรถประจำทางสาย Sounkyo-Kamikawa Line จนสุดสายเพื่อลงที่ป้าย Sounkyo Gorge ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
9. สวนริมทะเลอุมิโนะนาคามิจิ ( Uminonakamichi Seaside Park ) – ฟุกุโอกะ
อยู่บริเวณริมอ่าวฮากาตะ เป็นสวนติดริมทะเลที่ควรค่าแก่การพักผ่อนที่สุดมีดอกไม้นานาชนิดคอยออกดอกไม้อวดสีสันแจ่ม ๆ รับหน้าร้อน เขาจะแบ่งออกเป็นโซนอย่างชัดเจน มีทั้งสวนดอกไม้ สนามเด็กเล่น สนามกีฬา สวนน้ำ และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ฤดูร้อนถือเป็นอีกหนึ่งฤดูไฮไลต์ของที่นี่เลยด้วย แถมยังมี Marine World พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น จัดแสดงเกี่ยวกับพันธุ์สัตว์นี้ต่าง ๆ ทั่วเกาะคิวชูอีกด้วย ใครแพลนเที่ยวหน้าร้อนต้องมีสวนริมทะเลอุมิโนะนาคามิจิเป็นหนึ่งในที่เที่ยวหน้าร้อนของทริปนี้ให้ได้เลย
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 450 JPY / เด็กเข้าฟรี
เวลาเปิด-ปิด : 09.00 – 17.30 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟเส้นทาง JR Kashii Line ไปลงที่สถานี Uminonakamichi
10. สวนคาวาชิฟูจิการ์เด้น ( Kawachi fuji Garden ) – ฟุกุโอกะ
ไฮไลต์ของที่นี่คืออุโมงค์วิสทีเรีย ถูกเลือกให้เป็น 1 ใน 34 สถานที่ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นด้วยนะ แบ่งออกเป็น 3 โซนคือ โซนอุโมงวิสทีเรีย แปลงดอกไม้ และใบไม้แดง โดยเข้ามาถึงก็จะเจออุโมงวิสทีเรียก่อนเลยมีดอกวิสทีเรียกว่า 22 ชนิด เรียงสลับสีกันไปเรื่อย ๆ ทั้งม่วงเข้ม ม่วงออ่น ชมพู และขาว สวยงามเหมือนอยู่ในเทพนิยายก็ว่าได้ จากอุโมงค์แล้วก็มีหลังคาวิสทีเรียสีม่วงด้วย เขาจะปล่อยดอกไม้ให้ห้อยลงมาอยู่เหนือหัวเรา สวยมาก ๆ เป็นที่เที่ยวฟุกุโอกะหน้าร้อนที่ควรแวะมาเลยล่ะ
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 1,500 JPY / เด็กเข้าฟรี
เวลาเปิด-ปิด : 09.00 – 17.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สถานี Yahata Station จากนั้นต่อแท็กซี่มาอีก 20 นาที
11. ศาลเจ้านากาคาวะ ( Nakagawa Shrine ) – ฟุกุโอกะ
ศาลเจ้าที่เป็นสถานที่จัดเทศกาลดอกวิสทีเรีย Nakayama O-fuji Festival จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี แต่ช่วงหน้าร้อนจะมีไม่งานเทศกาลแต่ละสามารถเดินทางเยี่ยมชมและกราบไหว้ที่ศาลเจ้าได้เช่นกัน เป็นศาลเจ้าที่ใหญ่และสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง Nakatsugawa โบสถ์อาคารสวยงาม มีห้องโถงที่มีหลังคาที่มุงด้วยแผ่นทองแดง ศาลเจ้าหลักที่ควรไปสักการะจะอยู่ที่ด้านบนต้องเดินขึ้นไปบันไดเป็นเนินชัน โดยรวมคือเป็นศาลเจ้าที่เงียบสงบมาก รอบ ๆ มีธรรมชาติร่มรื่นอีกด้วย
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Yamanote Line ลงที่สถานี Shinagawa Station จากนั้นต่อรถไฟชินคันเซน Tokaido-Sanyo Shinkansen ไปลงที่ Nagoya เปลี่ยนรถไฟอีกครั้งนั่งสาย Shinano ไปลงที่ Nakatsugawa Station แล้วเดินต่อ 16 นาที
12. สวนดอกไม้ อาชิคางะ ( Ashikaga Flower Park ) – โทชิกิ
หนึ่งในสวนดอกไม้ที่มีดอกวิสทีเรียสุดอลังการอีกที่ของญี่ปุ่น คือดอกวิสทีเรียเป็นอีกหนึ่งดอกไม้สำคัญของญี่ปุ่นเลยนะ พอ ๆ กับซากุระเลยแหละ เป็นอีกหนึ่ง ที่เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ที่มีอุโมงค์ต้นวิสทีเรียยาวเกือบ 100 เมตร และต้นวิสทีเรียขนาดใหญ่ยักษ์ อายุกว่า 140 ปีด้วย ชื่อว่า Great Miracle Wisteria ก็คือต้นใหญ่อลังการออกดอกแผ่กิ่งก้านสวยงามเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีสวนในโซนอื่น ๆ อีก เช่น พีระมิดดอกไม้ลอยอยู่กลางสระน้ำ,โดมดอกไม้, น้ำตกจำลอง ฯลฯ
ค่าเข้า : ราคาตามช่วงฤดูกาล หน้าร้อน ผู้ใหญ่ 400 – 1,300 JPY / เด็ก 200 – 700 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 09.00 – 18.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟชินคันเซ็นไปลงที่สถานี Tomita Station จากนั้นก็เดินต่ออีกประมาณ 900 เมตร
13. หมู่บ้านชิราคาวาโกะ ( Shirakawa-go ) – กิฟุ
หมู่บ้านเก่าแก่ญี่ปุ่นโบราณมีหลังคาทรงสูงเรียกว่า Gassho-Zukuri อายุกว่าร้อยปีเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของ UNESCO ในปี ค.ศ. 1995 ปกติเราจะมักจะเห็นรูปหมู่บ้านนี้จะช่วงฤดูหนาวมีหิมะปกคลุมหนา ๆ แต่ว่าช่วงหน้าร้อนนี่แหละเป็นอะไรที่สดชื่นกว่ามาก ๆ เพราะว่าเป็นฤดูที่ทุ่งนาและต้นไม้กำลังเขียวชอุ่มเลยล่ะ แถมยังมีดอกไม้สีสันสดใสเพิ่มบรรยากาศอีกด้วย ที่สำคัญแม้จะเป็นหน้าร้อนแต่อากาศดีไม่ร้อนจนเกินไปด้วย สามารถมาแบบค้างคืนแบบ Homestay ได้ด้วยนะ เป็นที่เที่ยวญี่ปุ่นยอดฮิตทุกฤดูกาลเลยแหละ
ค่าเข้า : รอบ ๆ หมู่บ้านเข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR ลงสถานี Toyama จากนั้นนั่งรถบัสจากหน้าสถานีต่อมาลงที่หมู่บ้าน Shirakawa-go ได้เลย ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
14. เทศกาลแห่โคมไฟคันโต มัตสึริ ( Kanto Matsuri ) – อาคิตะ
เทศกาลหน้าร้อนของจังหวัดอาคิตะ เป็นเทศกาลที่เราจะได้เห็นขบวนแห่ที่ชาวญี่ปุ่นจะพากันถือเสาโคมไฟทำจากกระบอกไม้ไผ่สูง 12 เมตร คือสูงมากแถมยังมีโคมไฟญี่ปุ่นที่จุดสว่างแล้วถึง 46 โคม รวม ๆ แล้วหนักประมาณ 50 กิโล แถมคนถือคือต้องแข็งแรงเพราะต้องถือคนเดียวด้วยส่วนหนึ่งของร่างกายเพียงจุดเดียวเท่านั้นด้วย เป็นประเพณีที่ว้าวซ่ามาก ๆ มองแล้วแอบเหมือนโชว์กายกรรมอะไรแบบนี้เหมือนกัน เพราะเขาจะมีโชว์เป็นรายบุคคลด้วย ใครหา ที่เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ที่ได้ดูวัฒนธรรมญี่ปุ่นก็ลองมาได้
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : 3-6 สิงหาคม เริ่ม 18.30 – 20.30 น.
การเดินทาง : จากโตเกียวให้นั่งรถไฟ Akita Shinkansen ไปลงที่ Akita Station จากนั้นเดินต่อ 600 เมตร ไปยัง Area Nakaichi
15. ภูเขาไฟอะโสะ ( Mount Aso ) – คุมาโมโตะ
พามาจังหวัดคุมาโมโต้กันบาง พิกัด ที่เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน อยู่ที่ภูเขาไฟอะโซะซึ่งอยู่ใจกลางเกาะคิวชูเลย ภูเขาไฟอะโซะเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับนะโดยจุดไฮไลต์คือปากปล่องภูเขาไฟนาคาดาเกะ เป็นปากปล่องภูเขาไฟที่สามารถเขาถึงได้ง่ายสามารถขึ้นไปได้ทั้งทางถนนหรือกระเช้าไฟฟ้า แต่เตือนนิดนึงว่าก่อนไปควรจะเช็คสถานะของปล่อยภูเขาไฟก่อนนะเผื่อว่าช่วงที่เราไปอาจจะเป็นช่วงที่มีก๊าซพิษปล่อยออกมาเยอะหรืออยู่ในช่วงที่กำลังจะปะทุขึ้นมากอีกรอบอะไรแบบนี้ รอบ ๆ ภูเขาไฟก็มีธรรมชาติสวยงามมากมีเมืองชนบทเล็ก ๆ มีนาข้าว มีทุ่งหญ้ากว้างที่มีน้องวัวและน้องม้าอยู่ด้วย เป็นที่เที่ยวแนวธรรมชาติที่น่าสนใจมาก
ค่าเข้า : ไม่มีค่าเข้าแต่จะเสียเป็นค่าผ่านทางหรือกระเช้าไฟฟ้าไปกลับคนละ 1,000 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 09:00-17:00 น.
การเดินทาง : นั่งรถบัสจากสถานีรถไฟ JR Aso มาลงที่สถานีขึ้นกระเช้าไฟฟ้า Asosan Nishi จากนั้นต่อกระเช้าไฟฟ้าขึ้นไปบนปากปล่องภูเขาไฟใช้เวลาประมาณ 40 นาที
16. เกาะยะคุชิมะ ( Yakushima Island ) – คะโงะชิมะ
ไปเดินป่าญี่ปุ่นกันบ้างดีกว่าที่นี่คือเกาะยาคูชิม่าเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่มีป่าดงดิบและภูเขาอยู่ภายในเกาะ ป่านี้มีต้นสนโบราณอายุกว่าพันปีเอาไว้หลายต้น เห็นว่าต้นที่มีอายุมาที่สุดอยู่มานานกว่า 7,000 ปีเลยทีเดียวนะ ระยะทางรอบเกาะประมาณ 100 กิโลเมตรวิธีการเที่ยวที่ดีที่สุดคือขับรถเที่ยวรอบ ๆ เกาะ หรือหากอยากไปเดินป่าก็ใช้บริการรถบัสสาธารณะได้แต่ว่ารถวิ่งไม่บ่อยนะ เส้นทางเดินป่า Yakusugi Land เป็นเส้นทางที่คนนิยมมากที่สุด มีแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่าน มีสะพานข้ามลำธารที่วิวธรรมชาติสวยมากแถมมีต้นซีดาร์ญี่ปุ่นเก่าแก่อายุกว่า 1,000 ปีด้วย
ค่าเข้า : 500 JPY / คน
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : จากโอซาก้าจะมีเที่ยวบินตรงมายังสนามบินยะคุชิมะได้เลย จากนั้นขึ้นรถบัสจากสนามบินมาท่าเรือแล้วนั่งเรือเฟอรี่มายังเกาะยาคูชิม่า
17. น้ำตกนะชิ ( Nachi Waterfall ) – วากายามะ
น้ำตกนะชิ สัญลักษณ์ของเมืองนะชิคัตซึอุระเป็นน้ำตกสูง 133 เมตรไหลลงมาจากป่าทึบเก่าแก่ ด้วยความที่เป็นน้ำตกชั้นเดียวที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นทำให้มีละอองน้ำลอยอยู่ทั่วบริเวณฉะนั้นหากใครได้มีโอกาสมาเที่ยวที่น้ำตกนะชิจะรู้เลยว่าที่นี่เย็นตลอดปีแม้แต่ช่วงหน้าร้อนด้วย ไฮไลต์คือศาลเจ้าฮิโรตั้งอยู่บริเวณฐานน้ำตก ศาลเจ้าที่ก่อสร้างแบบศิลปะญี่ปุ่นฉากหลังเป็นน้ำตกสูงมีละออกน้ำปกคลุมอยู่รอบ ๆ เป็นภาพที่สวยงามมากแต่เป็นจุดแลนด์มาร์คของนักท่องเที่ยวที่ต้องมาถ่ายรูปในมุมนี้เลยล่ะ
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : 8.30-16.00 น.
การเดินทาง : จากสถานี Shin-Osaka ให้นั่งรถไฟ LTD. EXP KUROSHIO ไปลงที่สถานี Kiikatsuura ใช้เวลา 4 ชั่วโมง จากนั้นขึ้นรถ Kumano Kotsu Bus ไปลงที่ป้าย Nachi no Taki-Me และเดินต่ออีก 5 นาที
18. ป่าไผ่ Arashiyama – เกียวโต
อาราชิยาม่าอยู่ที่จังหวัดเกียวโตเป็นพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่เส้นทางป่าไผ่ ซึ่งเป็นสถานที่เที่ยวยอดฮิตและเป็นมุมรูปถ่ายรูปที่ไม่ว่าใครมาก็ต้องแวะ มุมฮิตที่ว่านี้จะอยู่หลังวัดเทนริวจิ ได้วิวทั้งแม่น้ำโฮซูกาวะ และสะพานโทเก็ตสึเคียว นอกจากนี้ที่อาราชิยาม่ายังเหมาะแก่การพักผ่อนแบบสุด ๆ เลยเพราะว่าป่าไผ่สูงมากทำให้บังแดดได้ดี อากาศไม่ร้อนและมีลมเย็นด้วย มีคาเฟ่และร้านอาหารเพียบ กิจกรรมที่น่าสนใจในนี้้คือล่องเรือแม่น้ำโฮซูกาวะและนั่งรถไฟสายโรแมนติกชมวิวหุบเขาและสองข้างทางของแม่น้ำ
ค่าเข้า : บริเวณป่าไผ่เข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย JR Sagano Line มาลงที่สถานี Saga-Arashiyama
19. คามิโคจิ ( Kamikochi ) – นากาโนะ
ดินแดนสวรรค์บนดินของจังหวัดนากาโนะ ที่คือคามิโคจิอยู่ทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นซึ่งตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติชูบุซังกะกุ เป็นสถานที่พักผ่อนที่เย็นสบายตลอดทั้งปีแม้กระทั่งในฤดูร้อน ฮิตมากในหมู่คนญี่ปุ่นและเป็นที่ชื่นชอบสำหรับคนชอบเดินป่าปีเขาอีกด้วย เพราะที่นี่เลืองชื่อเรื่องธรรมชาติสมบูรณ์ของป่าและเขา ฤดูไฮไลต์ของที่นี่จะเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเราจะได้เห็นภาพป่าเขาเต็มไปด้วยสีส้มสีแดงของใบไม้ที่เปลี่ยนสีแล้วเรียบร้อย เปลี่ยนบรรยากาศให้กลายเป็นป่าที่อบอุ่นเลยทีเดียว หากสงสัยว่าเที่ยวญี่ปุ่น ช่วงไหนดีใครชอบป่าเขียว ๆ แนะนำให้มาหน้าร้อนนะ จุดแลนด์มาร์คของการถ่ายภาพอยู่ที่แม่น้ำอาซุสะ น้ำใสกิ๊งไหลผ่านตลอดหุบเขาวิวข้างหลังเป็นภูเขาลูกใหญ่กับท้องฟ้าสดใส เหมือนอยู่แถวยุโรปเลยล่ะ
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ปิดช่วงฤดูหนาว เปิดตั้งแต่เดือนเมษายน – พฤศจิกายน
การเดินทาง : มี Direct Bus วิ่งตรงจากโตเกียวไปคามิโคจิ ขึ้นได้จากหลายสถานี ได้แก่ ชินจูกุ โตเกียว และชิบูย่า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-7 ชั่วโมง
20. หุบเขาทะคะจิโฮะ ( Takachiho Gorge ) – มิยะซะกิ
ที่เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ตามรอยตำนานและเทพนิยายของญี่ปุ่นกัน มีตำนานเล่าต่อกันมาว่าเขาทาคาจิโฮะคือสถานที่ ๆ เหล่าเทพเสด็จลงมาครั้งแรกเหมือนประเทศญี่ปุ่นถือกำเนิดขึ้นบนโลก ทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยสถานที่ที่ ๆ มักจะเห็นในเทพนิยายของญี่ปุ่นอยู่ทั่วตามจุดต่าง ๆ เช่นศาลเจ้า Amano Iwato ที่มีตำนานเชื่อว่ามีเทพเจ้ามารวมตัวกันที่ศาลเจ้าแห่งนี้ บริเวณใกล้กันมีถ้ำขนาดใหญ่ ด้านในเต็มไปด้วยก้อนหินที่ถูกวางเป็นชั้น เชื่อว่าหากทำแล้วอธิฐานจะทำให้สมปรารถนา ใครชอบธรรมชาติแถมได้ไหว้พระขอพรในเวลาเดียวกันก็มาเยือนที่นี่ได้เลย
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : จากสนามบิน Kumamoto มีรถบัสให้บริการจากสนามบินนั่งมาลงที่ Takachiho Bus Center จากนั้นเดินต่ออีก 2 กิโลเมตร (ระหว่างทางมีศาลเจ้าให้แวะ หรือใครไม่อยากแวะสามารถนั่งรถ shuttle bus ได้)
21. เกาะมิยาโกะ ( Miyako Island ) – โอกินาว่า
เปลี่ยนไปทะเลกันบ้าง เกาะแห่งปะการัง หาดทรายสวย ที่นี่คือเกาะมิยาโกะถูกจัดให้อยู่อันดับต้น ๆ อยู่เสมอจากเว็บไซต์รีวิวสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น เห็นรูปแล้วบอกเลยว่าสวยจริง ๆ หาดทรายสีขาวตัดกับน้ำทะเลสีเขียวมรกตท้องฟ้าก็แจ่มใสเหมาะกับการพักผ่อนสุด ๆ ใครชอบทำกิจกรรมทางน้ำก็มีเพียบเลยนะ เจ็ตสกี บานาน่าโบ๊ท พาราเซลลิ่ง ฯลฯ จุดเด่นของที่นี่คือ สะพานอิราบูโอฮาชิ เป็นสะพานที่เชื่อต่อเกาะอีก 3 เกาะเข้าด้วยกันแถมเป็นสะพานที่ไม่เก็บค่าธรรมเนียมยาวที่สุดในญี่ปุ่นด้วยนะ วิวอลังการสุด ๆ ไปเลย แนะนำให้มาช่วงพระอาทิตย์ตกจะได้เห็นวิวเปลี่ยนแปลงไปตามน้ำขึ้นน้ำลงและแสงก่อนพระอาทิตย์ตกดินสวยสุด ๆ ไปเลย
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : เดินทางด้วยเครื่องบินเท่านั้นมีเที่ยวบินตรงจากโตเกียวและโอซาก้า บินตรงได้เลยที่สนามบิน Miyako และแนะนำให้เช่ารถขับต่อรอบเกาะจะสะดวกที่สุดหรือใช้บริการรถบัสจากโรงแรมก็ได้
22. เกาะอิชิงากิ ( Ishigaki Island ) – โอกินาว่า
มาต่อกับ ที่เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ในโอกินาว่าอีกที่ ใครชอบบรรยากาศสดชื่นหรือหาแหล่งดำน้ำอยู่ห้ามพลาดเลยล่ะ เกาะอิชิงากิเป็นเมืองตากอากาศขึ้นชื่อของญี่ปุ่นอันดับต้น ๆ เลย มีจุดให้ไปเที่ยวหลายที่มากแต่ละที่สวย ๆ ทั้งนั้น เช่น อ่าวคาบิระ รายล้อมไปด้วยเกาะน้อยใหญ่ น้ำทะเลสีเขียวอมฟ้า นิยมนั่งเรือชมวิว,ชายหาดโยเนะฮาระ นิยมดำน้ำตื้นดูปะการัง มีแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์,แหลมฮิราคุโบะซากิ ชมวิวสวย ๆ ที่มีประภาคารสีขาวที่ตั้งอยู่ตรงสุดปลาย บนเกาะมีโรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้าเพียบเลยนะ สมกับเป็นเมืองตากอากาศขึ้นชื่อเลยล่ะ
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : จากโตเกียวสามารถนั่งเครื่องบินภายในประเทศได้ลงสนามบิน Ishigaki จากนั้น ต่อรถบัสลงที่ป้าย Shiraho แล้วเดินต่อเล็กน้อย
23. หาดยูริกะฮามะ ( Yurigahama Beach ) – คาโกชิม่า
ยังต่อที่ชายหาดกันรัว ๆ สำหรับ ที่เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน คราวนี้ มาต่อกันที่หาดยูอิกาฮามะ เป็นส่วนหนึ่งของเกาะโยรอนซึ่งอยู่ในเขตจังหวัดคาโกชิม่า หาดที่ชมได้เฉพาะช่วงน้ำลงเท่านั้นเพราะว่าในช่วงฤดูใบไม้ผลิจนถึงฤดูร้อนเป็นช่วงที่น้ำทะเลจะลงและมีหาดทรายสีขาวโผล่ขึ้นมา แต่ว่าจุดที่ทรายขาวจะโผล่ขึ้นมาไม่ได้มีแค่จุดเดียวนะ แต่ละวันจะไม่เหมือนกันแหละ ด้วยความที่มีระยะเวลาจำกัดแบบนี้ทำให้คนเรียกกันว่าเป็นชายหาดล่องหนเพราะว่ามาแว๊บเดียวก็หายไปเหมือนเวทมนต์นั่นเอง
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : การเดินทางไปเกาะ Yoron สามารถนั่งเครื่องบินตรงถึงได้เลยจาก 3 สนามบินดังนี้ Kagoshima Airport / Amami Airport / Naha Airport
24. ทุ่งดอกไฮเดรนเยีย เมืองฮาโกเน่ ( Hakone Tozan Railway Line ) – คานางาวะ
ไปเปิดประสบการณ์นั่งรถไฟชมดอกไม้กันบ้างดีกว่า เป็น ที่เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ที่เราอยากนำเสนอมาก ๆ กับดอกไฮเดรนเยีย หรือคนญี่ปุ่นเขาจะเรียกว่าดอกอาจิไซ ดอกไม้เป็นช่อดอกแน่น ๆ สีสดมาก ความพิเศษของการมาชมดอกไฮเดรนเยียที่เมืองฮาโกเน่คือเราต้องนั่งรถไฟสายอาจิไชนั่นเอง ซึ่งจะวิ่งผ่านทุ่งดอกไม้เป็นทางยาว แถมช่วงหน้าร้อนเขาจะเปลี่ยนชื่อเป็น Hydrangea Train ด้วยนะ ตลอดสองข้างทางเราจะได้ชมวิวไฮเดรนเยียกันทั้งทางเลย แถมยังจะวิ่งผ่านสถานที่สำคัญอย่าง วัด ถนน และพิพิธภัณฑ์ของเมืองอีกด้วย
ค่าเข้า : ตั๋วแบบ 1 วัน ขึ้นลงได้ไม่จำกัดครั้ง ผู้ใหญ่ 1,580 JPY / เด็ก 500 JPY
เวลาเปิด-ปิด : ตามรอบรถไฟเที่ยวแรก 07.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR ลงสถานี Odawara แล้วเปลี่ยนไปสาย Hakonetozan ลงสถานี Hakone Yumoto แล้วเปลี่ยนสายอีกครั้งเป็นสาย Hakone Tozan Railways
25. ชายหาดเอโนะชิมะ ( Enoshima Island ) – คานางาวะ
หน้าร้อนก็ต้องไปทะเล พาไปเที่ยวทะเลญี่ปุ่นกันบ้างที่ชายหาดเอโนะชิมะ ที่เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ที่เป็นจุดหมายที่คนโตเกียวนิยมมาเล่นน้ำกันมาก ๆ เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากโตเกียวนั่นเอง ช่วงหน้าร้อนและวันหยุดคนจะค่อนข้างหนาแน่นเลยทีเดียวนอกจากกิจกรรมทางทะเลอย่างว่ายน้ำ พายเรือ กระดานโต้คลื่นแล้วที่นี่ยังมีสถานที่อื่น ๆ ให้เดินเที่ยวเล่นได้อีก เช่น ศาลเจ้าเอโนชิมะ, ถนนเบ็นไซเท็นนากามิเซะโดริ รวมร้านอาหารอร่อย ๆ , Enoshima Aquarium สัมผัสสัตว์โลกใต้ทะเล ฯลฯ
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Odakyu Line ไปลงที่ Sagami-Ono Station จากนั้นเปลี่ยนสายรถไฟไปขึ้นสาย Enoshima Line ลงที่ Fujisawa Station แล้วต่อรถบัส F3 ลงที่ไป Enoshima Bus Stop ได้เลย
26. อุโมงค์คาเมวะ ( Kameiwa Cave ) – ชิบะ
โลเคชั่นสุดท้ายสำหรับพิกัด ที่เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน มาชมแสงรูปหัวใจที่อุโมงค์คาเมวะกันเถอะ ที่นี่อยู่ในสวนชิมิสุ จังหวัดชิบะ เป็นแรร์ไอเทมหน่อยนะเนื่องจากเวลาที่สวยที่สุดมีเพียงปีละ 2 ครั้งเท่านั้นคือเดือนมีนาคมและกันยายน เวลาประมาณ 6-8 โมงเช้า โดยแสงรูปหัวใจที่ว่านี่เกิดจากแสงอาทิตย์ในยามเช้าที่ลอดผ่านอุโมงค์และสะท้อนเข้ากับผืนน้ำ กลายเป็นแสงรูปหัวใจ แต่บอกก่อนว่าอุโมงค์คาเมวะไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาตินะแต่เป็นการขุดเจาะอุโมงค์แห่งนี้ขึ้นเพื่อเปิดทางให้น้ำจากแม่น้ำสายหลักที่ไหลมายังน้ำตกโนมิโสะไหลออกสู่พื้นที่ในบริเวณใกล้เคียงเพื่อใช้ในการเกษตร นอกจากแสงรูปหัวใจแล้วยังมีไฮไลต์ทางธรรมชาติอื่น ๆ อีกเช่น ชมหิ่งห้อยในช่วงฤดูร้อน หรือเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งด้วย
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มี
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟโตเกียวให้ลงที่สถานี Yaesu จากนั้นนั่งรถบัส Express Bus Akushi-Go ต่อเพื่อลงที่ป้าย Kimitsu Furusato Bussankan และเดินต่ออีกประมาณ 20 นาที
เที่ยวญี่ปุ่นด้วย YouTrip ประหยัดกว่า
แนะนำวิธีเที่ยวญี่ปุ่นให้ประหยัดว่าด้วย YouTrip ยกตัวอย่างตั้งงบเที่ยวญี่ปุ่นไว้ที่ 120,000 JPY ที่ร้านแลกเงินจะเป็นไทยทั้งสิ้น 32,520 บาท หากจ่ายด้วยบัตรเครดิตจะต้องจ่าย 33,350 บาท แต่หากเปลี่ยนมากจ่ายด้วย YouTrip จะเหลือเพียง 32,418 บาท ประหยัดเพิ่มถึง 932 บาท ไปเลย เพราะ YouTrip ให้เรทที่ดีแถมไม่มีค่าธรรมเนียม 2.5%
เท่านั้นยังไม่พอ! เมื่อมีแพลนเดินทางอย่าลืมจองที่พักล่วงหน้าเตรียมไว้ด้วยล่ะ นอกจาก YouTrip จะให้คุณแลกเงินได้เรทที่ดีเที่ยวถูกกว่าใครแล้ว เรายังมีฟีเจอร์ใหม่ “YouTrip Perks” จองที่พัก Agoda หรือซื้อตั๋วค่าเข้าที่เที่ยวผ่าน Klook ได้เงินคืนแบบคุ้มๆ กันไปเลย
บอกแล้วว่าญี่ปุ่นหน้าร้อนก็มีดีไม่แพ้ฤดูอื่นเลย จะเห็นได้ว่าที่เที่ยวในญี่ปุ่นแต่ละเมืองก็มีงานเทศกาลที่จัดเฉพาะหน้าร้อนเท่านั้นหรือดอกไม้สวย ๆ ที่มาพร้อมกับท้องฟ้าแจ่มใสช่วงหน้าร้อนอีกด้วย ที่สำคัญถูกกว่าฤดูท่องเที่ยวปกติเกือบครึ่งราคาแหน่ะ ว่าแล้วอย่ารอช้า รีบจองตั๋วโล้ดดด และอย่าลืมตัวช่วยที่ทำให้ทริปนี้แจ่มขึ้นไปอีกด้วย YouTrip เพราะ ใช้จ่าย เรทดี ทุกที่ทั่วโลก คุ้มขนาดนี้รออะไรอยู่อีก สมัครเลย!