สำหรับการวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกหนึ่งข้อสำคัญเลยคือช่วงเวลาและฤดูกาล แน่นอนว่าฤดูที่ใคร ๆ ก็นิยมไปหนึ่งในนั้นมีช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น แน่นอน ได้เที่ยวชมบรรยากาศแบบใบไม้เปลี่ยนสีพร้อมอากาศเย็น ๆ เดินเล่นได้อย่างสบายใจสุด ๆ ใครอยากไปมาเตรียมตัวไว้แต่เนิ่น ๆ เลยดีกว่ากับที่เที่ยวใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น และพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีทั่วประเทศ
พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีญี่ปุ่น 2024
การชมใบไม้เปลี่ยนสีของคนญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมก็จะมีต้นเมเปิ้ลสีแดงกับต้นแปะก๊วยสีเหลือง ปกติแล้วฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่นจะเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนเป็นต้นไป โดยจะเริ่มเปลี่ยนสีไล่จากทางเหนือลงมาเรื่อย ๆ จนถึงทางภาคใต้ในกลางเดือนตุลาคม มาดูกันว่าจุดไหนจะเริ่มเปลี่ยนสีเมื่อไรกันบ้างกับ พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีญี่ปุ่น 2024
Sapporo ปลายเดือนกันยายน – ปลายเดือนตุลาคม
Hakodate ต้นเดือนตุลาคม – กลางเดือนตุลาคม
Aomori ต้นเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน
Akita กลางเดือนตุลาคม – ปลายเดือนตุลาคม
Sendai ต้นเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน
Niko ต้นเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน
Niigata ต้นเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน
Toshigi ต้นเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน
Kanazawa กลางเดือนตุลาคม – กลางเดือนพฤศจิกายน
Tokyo กลางเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม
Nagano กลางเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน
Nagoya กลางเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม
Kyoto กลางเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม
Osaka กลางเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม
Kagawa กลางเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม
Hiroshima กลางเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม
Oita กลางเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม
Fukuoka กลางเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม
Kagoshima ปลายเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม
แนะนำ 50 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น ถ่ายรูปสวย ปังๆ
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีโตเกียว (Tokyo)
1. สวนฮิบิยะ (Hibiya Park)
สวนสาธารณะฮิบิยะเป็นสวนสาธารณะแนวตะวันตกที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นเลยนะแถมยังถูกเรียกว่าเป็นโอเอซิสในกลางเมืองโตเกียวด้วย ที่นี่เต็มไปด้วยต้นไม้มากมายและได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เป็นสถานที่พักผ่อนขนาดใหญ่ของชาวเมืองญี่ปุ่นและเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีใจกลางเมืองโตเกียวที่เงียบสงบ ไฮไลท์คือสระคุโมงาตะ ที่เมื่อถึงช่วงใบไม้เปลี่ยนสีน้ำในสระจะเป็นเหมือนกระจกสะท้อนสีสันของเหล่าใบไม้ที่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสีแดงสะท้อนบนผืนน้ำ ทำให้เป็นมุมฮิตของการถ่ายรูปด้วย ใครอยากมาดูวิวสวย ๆ เหมือนภาพวาดแบบนี้เช็คพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีญี่ปุ่น 2024 ให้ดีแล้วจองตั๋วรอเลย
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด – ปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟลง Yurakucho Station จากนั้นเดินต่ออีก 8 นาที
2. สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen National Garden)
Photo by : arrivalguides.com
ได้เห็นพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีญี่ปุ่น ใครอยากไปดูใบไม้เปลี่ยนสีในโตเกียวไม่ต้องเดินทางไกลขอแนะนำที่สวนชินจูกุเงียวเอน สวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียว ที่นี่มีต้นเมเปิ้ลเยอะมากทำให้กลายเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีขนาดใหญ่ของโตเกียวเลยล่ะ นอกจากเมเปิ้ลแล้วก็ยังมีซากุระกว่า 10 สายพันธุ์ด้วยนะ ทำให้ช่วงฤดูใบไม้ผลิที่นี่ก็ฮิตไม่แพ้กัน มีการจัดสวนแบบญี่ปุ่นและสวนนานชาติอย่างฝรั่งเศส อังกฤษ มีบ่อน้ำขนาดใหญ่พร้อมศาลานั่งพัก ให้เรานั่งรับลมเย็น ๆ พร้อมชมความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีท่ามกลางสวนสวยงามได้แบบเพลิน ๆ เลย หรือจะขนอุปกรณ์ปิคนิคมานั่งใต้ต้นไม้ก็ได้เช่นกันนะ
ค่าเข้า : 500 JPY
เวลาเปิด – ปิด : 09.00-16.30 น.
วิธีเดินทาง : รถไฟใต้ดินสาย Marunouchi ลงที่สถานี Shinjuku-gyoemmae จากนั้นใช้ทางออก 1
3. สวนเมจิ จิงกุ ไกเอน (Meiji-jingu Gaien Park)
ใครชอบสีเหลืองของต้นแปะก๊วยต้องมาที่สวนเมจิจิงกูไกเอ็น ที่นี่มีแนวถนนที่มีต้นแปะก๊วยเรียงยาวกว่า 300 เมตร แน่นอนว่าถ่ายรูปสวยมากจึงเป็นจุดที่ได้รับความนิยมมาเป็นพิเศษ โดยช่วงที่สวยที่สุดจะอยู่ประมาณปลายเดือนพฤศจิกายนต้นแปะก๊วยจะเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองทำให้ทั้งทางกลายเป็นสีทองอร่ามสวยมากเลยล่ะ แถมเขายังมีจัดเทศกาลชมต้นแปะก๊วย Jingugaien Gingko Festival มีร้านขายของที่ระลึก ขายอาหารและงานฝีมือเพียบ ใครอยากมาเห็นถนนที่เต็มไปด้วยสีทองอร่ามแบบนี้ห้ามพลาดที่สวนเมจิจิงกูไกเอ็นนะ
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด – ปิด : 10:00 – 18:00 น.
วิธีเดินทาง : ขึ้นรถไฟ Tokyo Metro Marunouchi Line มาลงที่สถานี Akasaka-mitsuke จากนั้นขึ้นรถไฟ Tokyo Metro Ginza Line มาลงที่สถานี Aoyama-itchome หรือสถานี Gaiemmae แล้วเดินประมาณ 5 นาที
4. สวนโคอิชิกาว่า-โคระคุเอ็น (Koishikawa Korakuen Garden)
แปะพิกัดชม ใบไม้เปลี่ยนสี โตเกียว ในสวนสวยใจกลางเมืองกันอีกทีกับสวนโคอิชิคาวะ โคระคุเอ็น ที่นี่มีต้นเมเปิ้ลและต้นแปะก๊วยกว่า 250 ต้น แน่นอนในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีแบบนี้เหล่าต้นไม้ก็แข่งกันเปลี่ยนสีโชว์ความสวยงามกันแบบอลังการเลยล่ะ สวนที่นี้เป็นแบบศิลปะจีนผสมกับการจัดสวนแบบญี่ปุ่นข้างในก็จะมีการจำลองเนินเขาเล็ก ๆ มีสะพาน สระน้ำ น้ำตกและสวนหิน พื้นที่กว้างขวางรายล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่หลากหลายสายพันธุ์ทำให้ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่สวนโคอิชิคาวะ โคระคุเอ็นเต็มไปด้วยชีวิตชีวาแบบสุด ๆ
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่คนละ 300 JPY เด็กเข้าฟรี
เวลาเปิด – ปิด : 09:00-17:00 น.
วิธีเดินทาง : ใช้รถไฟสาย JR Sobu Line ลงที่สถานี Iidabashi Station จากนั้นเดินต่ออีก 8 นาที
5. สวนโชวะ คิเนน (Showa Memorial Park)
มาญี่ปุ่นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีทั้งทีต้องไม่พลาดงานเทศกาลชมใบไม้เปลี่ยนสี Yellow Leaves Autumn Leaves Festival ที่สวน Showa Kinen Park โดยปกติแล้วเขาจะจัดช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ในงานจะมีต้นแปะก๊วยเรียงเป็นแนวยาวโชว์สีทองอร่ามกว่า 100 ต้น ระยะทางประมาณ 300 เมตร และเมเปิ้ลแดงกว่า 300 ต้น เดินเที่ยวกับได้แบบจุใจ ในงานยังมีกิจกรรมอีกเพียบเช่น พิธีชงชา ทัวร์พาเดินชมสวน คอนเสิร์ต ร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกมากมายเลย แถมจะเปิดให้เข้าชมช่วงกลางคืนด้วยนะ พอตกค่ำก็จะเปิดไฟที่ประดับตามต้นไม้ ได้บรรยากาศโรแมนติกไปอีกแบบเลย เทศกาลสวย ๆ แบบนี้เช็คพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีญี่ปุ่นให้ดี ระวังจะพลาดได้นะ
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่คนละ 450 JPY เด็กเข้าฟรี
เวลาเปิด – ปิด : 09:30 – 21:00 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Tachikawa Station จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
6. ภูเขาทาคาโอะ (Mount Takao)
Photo by : visitjapanau
ใบไม้เปลี่ยนสี โตเกียว กับเทศกาลใบไม้เปลี่ยนสีภูเขาทาคาโอะที่จะจัดขึ้นตลอดเดือนพฤศจิกายนของทุกปี โดยภูเขาทาคาโอะจะอยู่ชานเมืองของโตเกียวแต่เดินทางสะดวกแน่นอน ในงานเราจะได้เดินเล่นกินลมชมบรรยากาศของเทศกาลใบไม้เปลี่ยนสี โดยเฉพาะต้นไม้น้อยใหญ่ที่พากันเปลี่ยนสีเป็นสีแดง สีเหลือง สีน้ำตาล เล่นสีกันอย่างสวยงาม นอกจากนี้ในงานยังมีกิจกรรมแบบญี่ปุ่น ๆ ให้เราได้ชมกันด้วย เช่น การแสดงทางวัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิม การตีกลองไทโกะอันทรงพลังและการเต้นรำแบบโยซาโคอิ แถมยังมีร้านค้าจำหน่ายของสไตล์ญี่ปุ่น ร้านเหล้าสาเกที่จะเสริฟในถ้วยไม้แบบดั้งเดิมให้เราได้ลองจิบกันเบา ๆ ด้วย
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด – ปิด : 10:00 – 16:00 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Keio ลงที่สถานี Takaosanguchi เดินเท้าต่ออีกประมาณ 3 นาทีจะถึงทางขึ้นเขา
7. ถนนต้นแปะก๊วย อิโช นามิกิ (Icho Namiki)
หนึ่งในจุดชม ใบไม้เปลี่ยนสี โตเกียว ยอดฮิตเลยแหละ เป็นถนนที่มีต้นแป๊ะก๊วยเรียงราวเป็นแนบสายตา ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง แบบเหลืองตะโกน สวยมาก เป็นจุดฮิตสำหรับการถ่ายรูปยิ่งตอนที่ลมพัดแล้วใบไม้ร่วงหล่นลงมาคือมุมดีสุด ๆ ตามสองข้างทางถนนเขาจะมีร้านอาหาร คาเฟ่ส่วนมาจะทำระเบียงยื่นออกมาให้เรานั่งชมใบแป๊ะก๊วยด้วยนะ บรรยากาศดีมาก ๆ เลยล่ะ
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด – ปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินลงสถานี Gaienmae Station แล้วเดินต่ออีก 6 นาที
8. สวนมิสุโมโตะ (Mizumoto Park)
Photo by : nishizken
ปั่นจักรยานชมป่าต้นสนแดงช่วง ใบไม้เปลี่ยนสี โตเกียว กันเถอะ ที่นี่เป็นสวนสาธารณะริมน้ำขนาดใหญ่ที่สุดในโตเกียว เหมาะกับมาเป็นครอบครัวหรือจูงมือเดินเล่นแบบคู่รักมาก ด้านในมีหลายอย่างทั้งน้ำพุ สะพานยาวสีฟ้ามิซูโมโตะโอฮาชิ สะพานข้ามแม่น้ำขนาดใหญ่ของสวน สระบัว สวนดอกไม้และไฮไลต์ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนั้นก็คือต้นสนแดงที่อยู่เลียบแม่น้ำกว่า 1,500 ต้นกันเลย
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด – ปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Chiyoda Line ไปลงที่สถานี Kanamachi Station จากนั้นขึ้นรถบัสหน้าสถานี Kanamachi ไปลงที่ Mizumoto Park ได้เลย
9. สวนโยโยงิ (Yoyogi Park)
สวนสวยย่านฮาราจูกุ ช้อปปิ้งเสร็จแล้วแวะเดินสวนต่อได้เลย สวนโยโยงิเป็นสวนสไตล์ตะวันตกที่คนญี่ปุ่นนิยมมากันมาก เพราะมีพื้นที่ให้นักพักผ่อน ปิกนิกและออกกำลังกายกันเสมอ ในสวนจะมีต้นเมเปิ้ล ต้นแป๊ะก๊วยที่เป็นสีสันของช่วยใบไม้เปลี่ยนสีเลยละ สีส้มเหลืองตันสลับกันสวยงามมาก ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะเห็นได้เลยว่าคนญี่ปุ่นจะนิยมมานั่งชิล ๆ ริมน้ำที่สวนกันเยอะ เป็นสถานที่ไว้พักผ่อนของแท้
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด – ปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟ JR ลงสถานี Harajuku แล้วเดินต่อ 3 นาที
10. พระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace)
Photo by : ruzzell29
สถานที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น แม้อยู่ในโตเกียวก็สามารถชมความเป็นญี่ปุ่นเก่าแก่ได้ที่พระราชวังอิมพีเรียล ได้ชมสถาปัตยกรรมสไตล์ญี่ปุ่นแบบชางวังพร้อมชมใบไม้เปลี่ยนสีไปด้วย อย่าพลาดที่จะถ่ายรูปเชียวนะ สวยมาก ไฮไลต์ของที่นี่มีหลายจุดมากเช่น สะพานนิจูบาชิ เป็นมุมที่จะได้เห็นปราสาทภายในวังหรือสวนตะวันออก เป็นสวนที่ตกแต่งแบบญี่ปุ่น และตรงนี้เป็นจุดฮิตในการชมใบไม้เปลี่ยนสีด้วย
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด – ปิด : เข้าชมได้วันละ 2 รอบ คือรอบเช้า 9.00 น. / รอบบ่าย 13.30 น.
วิธีเดินทาง : จากสถานี Otemachi บน Tokyo Metro & Toei Subway ออกประตูทางออก C13a หรือ C13b แล้วเดินประมาณ 1 นาที
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีโอซาก้า (Osaka)
11. มิโนะ ปาร์ค (Minoo Park)
Photo by : julinjapan
เป็นสวนที่อยู่บนหุบเขามิโนอีกทีหนึ่งซึ่งเป็นหุบเขาที่มีชื่อเสียงของโอซาก้า โดยเฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้หลายล้านคนต่อปี มีจุดชมวิวหลายจุดมาก ๆ ที่รอให้เราไปเห็นความสวยงามด้วยตาตัวเอง เช่น น้ำตกมิโน น้ำตกสูง 33 เมตรท่ามกลางใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนเป็นสีส้มสีแดง ไฮไลต์อีกอย่างคืออาหารเมนูพิเศษช่วงใบไม้เปลี่ยนสีอย่าง โมมิจิเทมปุระ หรือใบเมเปิ้ลชุบแป้งทอดจ้า ใครอยากลองต้องมาที่มิโนะ ปาร์คนะ
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด – ปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟ Hankyu Takarazuka Line จาก Hankyu Umeda Station ไปลงที่ Ishibashi Station แล้วเปลี่ยนสายรถไฟเป็น Hankyu Minoo Line ไปลงที่สถานี Minoo Station
12. ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)
พลาดไม่ได้เลย มาโอซาก้าต้องแวะมาชมความสวยงามของปราสาทโอซาก้าให้ได้เชียวนะ โดยเฉพาะช่วง ใบไม้เปลี่ยนสี โอซาก้า ที่นี่เป็นแลนด์มาร์คในการชมวิวเลยล่ะ รอบปราสาทมีทั้งต้นแป๊ะก๊วยและเมเปิ้ลทำให้ปราสาทโอซาก้ายิ่งอลังการมากขึ้นไปกว่าเดิมอีก ด้านในปราสาทมีพิพิธภัณฑ์แสดงสิ่งของในอดีตและสามารถขึ้นไปที่หอคอยเทนชุคาคุเพื่อชมวิวเมืองโอซาก้าได้ด้วย
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 600 JPY / เด็กเข้าฟรี
เวลาเปิด – ปิด : 09:00 – 17:00 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Osakajokoen Station ให้ต่อแท็กซี่อีกเล็กน้อย หรือเดินก็ได้ระยะทางประมาณ 1.3 กิโลเมตร
13. อุทยานโออิซึมิ (Oizumi Ryokuchi Park)
Photo by : n_teruteru
ไปเดินเล่นในสวนเพลิน ๆ กันดีกว่า ที่นี่พื้นที่กว้างมาก กิจกรรมเยอะมีอะไรให้ดูเยอะแยะเลย แน่นอนว่าช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่ก็วิวสวยเหมือนกันเพราะว่ามีต้นไม้ถึง 300,000 ต้น คิดดูว่าตอนที่เปลี่ยนสีกันหมดแล้วจะสวยขนาดไหนเนอะ นอกจากนี้ก็ยังมีสนามเด็กเล่น น้ำพุ มีสวนแกะ และสามารถปิกนิก มีโซนบาบีคิวให้ด้วยนะ ปังมาก
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด – ปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Midosuji Line ไปลงที่สถานี Shinkanaoka Station แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที
14. อุทยานโฮชิดะ (Hoshida Park)
Photo by : fun_japan_travel
สูดอากาศบริสุทธิ์ในอุทยานโฮชิดะเป็นหุบเขาและป่าที่สมบูรณ์แห่งหนึ่งในโอซาก้า ไฮไลต์อยู่ที่สะพานแขวนขนาดใหญ่ โฮชิ โนะ บุรังโกะ ยาว 280 เมตร คือยาวแบบผ่ากลางหุบเขาไปเลยนะ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีวิวคือเต็มสิบยิ่งเดินบนสะพานแขวนรู้สึกเหมือนถูกภูเขาโอบกอดเราไว้เลยล่ะ อากาศบริสุทธิ์มากชมวิวแบบ 360 องศาไปเลย
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด – ปิด : 09:00 – 17:00 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟ Keihan สาย Katanosen มาลงที่สถานี Kisaichi แล้วเดินทะลุเส้นทางเดินป่าเข้ามาอีกประมาณ 40 นาที
15. สวนอนุสรณ์บัมปาร์ค (Expo ‘70 Commemorative Park)
เป็นสวนที่เขาทำขึ้นมาเพื่อจัดงาน Japan World Expo เมื่อปี ค.ศ. 1970 เป็นงานใหญ่ระดับโลกที่ปัจจุบันนี้เขาเปลี่ยนจากสถานที่จัดงานมาเป็นสวนสาธารณะให้คนเข้ามาพักผ่อนและรักษาไว้เพื่อรำลึกถึงการจัดงานสำคัญนั่นเอง จุดเด่นอยู่ที่หอคอยพระอาทิตย์เป็นสัญลักษณ์ของสวน และแน่นอนว่าก็เป็นอีกหนึ่งจุดชม ใบไม้เปลี่ยนสี โอซาก้า ยอดฮิตเช่นกัน อย่างริมน้ำตกโมมิจิที่มีต้นเมเปิ้ลสีแดงอยู่ล้อมรอบ
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 250 / เด็ก 70 JPY
เวลาเปิด – ปิด : 09:30-17:00 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Osaka Monorail มาลงที่สถานี Bampaku-Kinen-Koen
16. วัดไดอิโทคุจิ (Ushitakisan Daiitoku-ji Temple)
Photo by : m43_nobutti
ที่เที่ยวใบไม้เปลี่ยนสีโอซาก้าที่ต่อมาพาไปชม ใบไม้เปลี่ยนสี โอซาก้า ที่วัดไดอิโทคุจิ ที่นี่ดังมาก ๆ เรื่องใบไม้เปลี่ยนสีมีจุดถ่ายรูปยอดฮิตที่ต้องไปถ่ายให้ได้อยู่ที่เจดีย์ทะโฮโตที่ถูกล้อมรอบด้วยเมเปิ้ลสีแดง นอกจากนี้รอบ ๆ วัดยังมีหมู่บ้านโบราณ น้ำตก แถมเขายังมีเทศกาลโมมิจิด้วยนะ มีร้านอาหาร ร้านขายของ ได้ชมใบไม้เปลี่ยนสีในวัดญี่ปุ่นสวย ๆ กับของกินอร่อย ๆ แบบนี้ได้ความเป็นโอซาก้ามากบอกเลย
ค่าเข้า : 400 JPY
เวลาเปิด – ปิด : 09:00-17:00 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Nankai มาลงที่สถานี Kishiwada ต่อรถบัสไปลงที่ป้าย Ushitaki แล้วเดินต่อประมาณ 3 นาที
17. ภูเขาคงโก (Mount Kongo)
Photo by : greenwood_tree
กิจกรรมที่พลาดไม่ได้เวลาไปเที่ยวธรรมชาติก็คือการนั่งกระเช้าลอยฟ้าแหละเนอะ โดยเฉพาะการนั่งกระเช้าลอยฟ้าชมวิว ใบไม้เปลี่ยนสี โอซาก้า ที่ภูเขาคงโก ก็คือนั่งกระเช้าผ่ากลางเขาไป บอกเลยว่าวิวเลิศมาก ได้เห็นวิวภูเขาน้อยใหญ่สลับกันแบบไกลสุดลูกหูลูกตาเลย ใบไม้เปลี่ยนสีเป็น ส้ม แดง เขียวสลับกันไป นอกจากนี้ภูเขาคงโกยังมีซากปราสาท วัด ศาลเจ้าเก่าให้ไปเดินเที่ยวชมได้ต่อด้วยล่ะ
ค่าเข้า : ค่ากระเช้า ผู้ใหญ่ 720 JPY / เด็ก 360 JPY
เวลาเปิด – ปิด : 09:00-17:00 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Nankai Koya มาลงที่สถานี Kawachinagano แล้วต่อรถบัสไปลงที่ป้าย Chihaya
18. ถนนมิโดสุจิ (Midosuji Avenue)
ใบไม้เปลี่ยนสีแบบนี้เราจะขาดรูปต้นเป๊ะก๊วยสีเหลืองไม่ได้เด็ดขาด โดยเฉพาะที่ถนนมิโดสุจิย่านช้อปปิ้งของโอซาก้า มีต้นแป๊ะก๊วยที่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองตลอดสองข้างทางกว่า 4 กิโลเมตร บรรยากาศสดใสเต็มสิบ เห็นบอกว่ามีต้นแป๊ะก๊วยอยู่กว่า 900 ต้นเลยนะ ถือเป็นที่เที่ยวใบไม้เปลี่ยนสีโอซาก้าจุดสำคัญของเมืองก็ว่าได้เลย แถมเขายังเพิ่มความสวยงามให้ถนนด้วยการนำประติมากรรมของศิลปินชื่อดังมาจัดแสดงอีกด้วย
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด – ปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินสายสีแดง Midosuji Line ลงได้ 4 สถานี คือ Yodoyabashi, Honmachi, Shinsaibashi และ Namba
19. สวนเซ็ตสึเคียว (Settsukyo Park)
Photo by : akinoemon
เดินป่าเล่น ๆ ชม ใบไม้เปลี่ยนสี โอซาก้า ให้ฉ่ำปอดกันที่สวนเซ็ตสึเคียว เป็นสวนที่อยู่ไม่ไกลตัวเมืองนะเดินทางง่ายด้วย แม้อยู่ไม่ไกลเมืองแต่ธรรมชาติก็สมบูรณ์ไม่แพ้ที่ไกล ๆ เลย มีทางเดินเขาทั้งหมด 5 เส้นทาง สวยทุกทางนะแต่ขอแนะนำเส้นทาง Chufuku Shizenrin Course ไฮไลต์ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเลยล่ะเพราะเราจะได้เจอน้ำตกกลางทางแล้วก็เพลินกับการเดินลัดเลาะป่าชมใบไม้เปลี่ยนสีไปด้วย
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด – ปิด : 09:00 – 21:00 น.
วิธีเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย JR Kyoto Line ลงสถานี Takatsuki จากนั้นขึ้นรถบัส City Bus ไปลงป้าย Tsukawaki แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 20 นาที
20. วัดคัตสึโอจิ (Katsuoji Temple)
Photo by : yuugo_photography
ไปไหว้พระขอพรกันสักหน่อยที่วัดคัตสึโอจิ มีตุ๊กตาดารุมะเป็นเครื่องรางในการขอพร แล้วคือมีตุ๊กตาวางอยู่ทั่ววัดเลยนะ เพราะว่าเราจะต้องใช้ตุ๊กตาดารุมะเขียนคำอธิษฐานนั่นเอง วัดนี้จะเด่นเรื่องของพรด้านการทำงาน การสอบ หรือการแข่งขันต่าง ๆ และที่สำคัญยังเป็นจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีแสนสวย มีวิวเขาที่เต็มไปด้วยสีเหลือง ส้ม แดง ของใบไม้ที่เปลี่ยนสีแล้ว พอค่ำมาทางวัดจะเปิดไฟประดับด้วยนะ สวยประทับใจสุด ๆ
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 400 JPY / เด็ก 100 JPY
เวลาเปิด – ปิด : 09:00-17:00 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Kita-Osaka Kyuko Line ไปลงที่สถานี Senri-Chuo Station แล้วต่อรถบัส Hankyu Bus อีก 35 นาที ลงที่ป้าย Katsuoji-mae
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีเกียวโต (Kyoto)
21. รถไฟสายโรแมนติกซากาโนะ (Sagano Romantic Train)
ที่เที่ยวใบไม้เปลี่ยนสีเกียวโตที่แรกเป็นเส้นทางรถไฟสำหรับชมวิวที่ได้รับความนิยมมากสำหรับการมาเที่ยวเกียวโต รถไฟสายนี้จะวิ่งบริเวณอะราชิยามาคู่ขนานไปกับแม่น้ำโฮซุกาวา ระยะทาง 7 กิโลเมตร วิวข้างทางคือดีเวอร์วังได้ชมวิวทั้งภูเขาและแม่น้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงใบไม้เปลี่ยนสีคือช่วงพีคเลย จะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดง ส้ม ริมแม่น้ำริมภูเขาโรแมนติกสมชื่อเลยล่ะ
ค่าเข้า : ตั๋วรถไฟ ผู้ใหญ่ 630 JPY / เด็ก 320 JPY
เวลาเปิด – ปิด : รอบรถไฟ 09:07 – 17:07 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟลงสถานี JR Kyoto แล้วเปลี่ยนสายรถไฟไปเป็น JR Sagano Line ลงสถานี JR Umahori เดินต่อ 10 นาที เพื่อไปถึงต้นทางขึ้นรถไฟ
22. วัดโทฟุคุจิ (Tofukuji Temple)
หนึ่งในแลนด์มาร์คช่วง ใบไม้เปลี่ยนสี เกียวโต ต้องที่มีวัดโทฟุคุจิแน่นอน ในวัดมีประตูไม้ขนาดใหญ่ Sammon Gate ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติแห่งชาติด้วยนะ เป็นประตูไม้สูง 22 เมตร สร้างแบบเซ็นโบราณแท้ ๆ ส่วนอาคารอื่นของวัดก็สร้างแบบเซ็นทั้งหมดเช่นกันตั้งแต่สมัยมูโรมาชิช่วงปี 1333 – 1573 นู่นเลย แน่นอนไฮไลต์ของการมาวัดคือช่วงใบไม้เปลี่ยนสี โดยเฉพาะบริเวณสะพานซุเทนเคียว มีต้นเมเปิ้ลใบสีแดงส้มคลุมสะพานยาว 100 เมตร ชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีพร้อมความสวยงามของวัดได้พร้อมกันบอกเลยว่าประทับใจสุด ๆ
ค่าเข้า : 400 JPY
เวลาเปิด – ปิด : 08:30 – 16:30 น.
วิธีเดินทาง : จาก Kyoto Station โดยสารรถไฟ JR Nara Line หรือ Keihan Main Line ลงที่ Tofukuji Station แล้วเดินต่อ 10 นาที
23. วัดเท็นริวจิ (Tenryuji Temple)
Photo by : soue12
วัดสวยในเกียวโตได้รับการขึ้นมรดกโลกจากยูเนสโก้เรียบร้อย ที่วัดวัดเท็นริวจิเป็นวัดของศาสนาพุทธนิกายเซนสายรินไซ ถูกบูรณะขึ้นใหม่ช่วงยุคเมจิหลังจากเกิดเหตุไฟไหม้ ในวัดมีสระน้ำขนาดใหญ่ที่มีน้องปลาคาร์ฟว่ายอยู่ในน้ำหลาก และตรงนี้ก็เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสียอดฮิตของวัดด้วย เพราะรอบ ๆ เต็มไปด้วยต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์พอถึงช่วงไม้ใบเปลี่ยนสี เกียวโตบริเวณสระน้ำตรงนี้จะดูมีสีสันขึ้นมาเลยล่ะ
ค่าเข้า : รอบวัดคนละ 500 JPY
เวลาเปิด – ปิด : 08:30 – 17:30 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟ Keifuku trains ลงที่สถานี Keifuku Arashiyama Station แล้วเดินต่อ 5 นาที
24. วัดเอคันโดะ (Eikando Temple)
Photo by : kamaaachan
เป็นวัดเก่าแก่ของศาสนาพุทธนิกายโจโด อายุกว่า 1000 ปี มาแล้วนะ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเก่าแก่ของเมืองเกียวโตเลยล่ะ ที่นี่เขาก็โด่งดังในเรื่องการเป็นที่เที่ยว ใบไม้เปลี่ยนสี เกียวโต มาตลอดเลย เพราะว่าในวัดมีต้นเมเปิ้ลเยอะมาก ๆ 3,000 กว่าต้นเลย พอถึงช่วงใบไม้เปลี่ยนสีวัดนี้ก็จะกลายเป็นแดงของต้นเมเปิ้ลสวยงามมาก ๆ เลยเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว นอกจากนี้วัดยังมีงานสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นที่น่าไปชมด้วยอย่าง เจดีย์ทาโฮโต และสวนโฮโจ มีทั้งลำธาร บ่อน้ำ สะพานเชื่อม ตอนกลางคืนมีเปิดไฟประดับด้วย
ค่าเข้า : 600 JPY
เวลาเปิด – ปิด : 09:00 – 16:00 น.
วิธีเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Kyoto Station ให้นั่งรถไฟสาย Karasuma-Oike ไปลงที่สถานี Keage Station แล้วเดินต่ออีกประมาณ 15-20 นาที
25. ล่องเรือในแม่น้ำโฮซูกาวะ (Hozugawa River Cruise)
เปลี่ยนบรรยากาศไปล่องเรือชม ใบไม้เปลี่ยนสี เกียวโต กันบ้าง แต่ก่อนแม่น้ำสายโฮซูกาวะเป็นเส้นทางหลักในการขนส่งสินค้าไปโอซาก้าเลยนะ แต่พอเวลาผ่านไปมีขนส่งอื่น ๆ มาแทนที่เรือพวกนี้เลยเอาไว้ใช้ในการท่องเที่ยวแทน การล่องเรือใช้เวลา 2 ชั่วโมงไปสิ้นสุดที่อาราชิยาม่า ชมใบไม้เปลี่ยนสีสวย ๆ ริมแม่น้ำ กับอากาศเย็น ๆ ฟินสุด ระหว่างทางจะมีเรือขายสินค้ามาเทียบขายของกินเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยนะ ซื้อทานบนเรือได้ เป็นกิจกรรมชมใบไม้เปลี่ยนสีที่น่าสนุกมากเลยล่ะ
ค่าเข้า : 4,100 JPY
เวลาเปิด – ปิด : 10:00 – 15:30 น.
วิธีเดินทาง : จาก Kyoto Station ให้ขึ้นรถไฟไปลงที่สถานี JR Kameoka Station แล้วต่อรถบัสหรือเดินอีก 10 นาทีก็ได้
26. วัดคิโยมิซุ (Kiyomizu-dera Temple)
Photo by : amnetusa
หรือที่คนไทยเรียกว่าวัดน้ำใสนั่นเอง เป็นวัดเก่าแก่สร้างตั้งแต่ปี 798 ที่ได้ชื่อว่าวัดน้ำใสก็เพราะวัดนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาและมีสายน้ำบริสุทธิ์ถึง 3 สายที่ไหลลงมาจากน้ำตกโอโตวะ บอกเลยว่าวิวและบรรยากาศโดยรอบช่วง ใบไม้เปลี่ยนสี เกียวโต สวยมาก ๆ เป็นแลนด์มาร์คที่ต้องมาเลยนะห้ามพลาด ไหน ๆ มาแล้วก็อยากให้อยู่รอดูพระอาทิตย์ตกดินและช่วงกลางคืนที่เขาจะเปิดไฟประดับทั่ววัดอีกด้วย
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 300 JPY / เด็ก 200 JPY
เวลาเปิด – ปิด : 06:00 – 21:30 น.
วิธีเดินทาง : ขึ้นรถบัสสาย 100 หรือ 206 ไปลงที่ป้าย Gojo-zaka แล้วเดินต่อ 15 นาที
27. วัดบิชามอนโด (Bishamondo)
ไปเที่ยวขอพรเทพเจ้าแห่งความโชคดีกัน เดินทางยากนิดหนึ่งแต่รับรองคุ้ม วัดอยู่แถบตอนเหนือของเกียวโต มาถึงจะเดินทางเข้าวัดเป็นประตูสีแดงแบบญี่ปุ่นก่อนเลย โดนเด่นมาก ๆ คนนิยมถ่ายรูปตรงทางเข้าเหมือนกัน แต่ที่เด็ดกว่าคือเส้นทางเดินในวัดที่จะปกคลุมด้วยใบเมเปิ้ลสีแดงตลอดสองข้างทาง เหมือนเป็นอุโมงค์เมเปิ้ลเลยก็ว่าได้
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 500 JPY / เด็ก 300 JPY
เวลาเปิด – ปิด : 08:30 – 17:00 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Tozai subway line ไปลงที่สถานี Yamashina Station จากนั้นต้องเดินขึ้นเนินเขาประมาณ 20 นาที หรือใครเดินไม่ไหวนั่งแท็กซี่ได้
28. วัดไดโกจิ (Daigo-ji Temple)
จุดชม ใบไม้เปลี่ยนสี เกียวโต ที่ต่อมาเป็นวัดเก่าแก่ของเกียวโตที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในวัดมรดกโลกทรงคุณค่าของญี่ปุ่น ในวัดบอกเลยว่าร่มรื่นมาก มีทั้งต้นไม้ ทั้งคูน้ำ บรรยากาศดีโดยเฉพาะด้านหลังวัด เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีของที่วัดไดโกจิแห่งนี้เลย ด้านหลังวัดจะมีอาคารเบนเทนโดะอยู่ติดกับสระน้ำ มีสะพานโค้งข้ามคูน้ำสีแดง พอใบไม้เปลี่ยนสีมันจะเข้ากับสีของสะพานและอาคารสุด ๆ ไปเลย เป็นภาพที่สวยงามต้องถ่ายรูปเก็บไว้
ค่าเข้า : คนละ 1,500 JPY เข้าชมได้ทั่วทั้งวัด
เวลาเปิด – ปิด : 09:00 – 16:00 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Tozai ลงสถานี Daigo Station แล้วเดินต่อ 15 นาที
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีฮอกไกโด (Hokkaido)
29. บ่อน้ำสีฟ้า (Blue Pond)
Photo by : jaystravelguide
บ่อน้ำมหัศจรรย์ของฮอกไกโด เกิดขึ้นโดยธรรมชาติแบบแท้ ๆ ซึ่งสีฟ้าในบ่อน้ำเกิดจากการสร้างเขื่อนเป็นแนวป้องกันโคลนถล่มของภูเขาไฟ เลยมีสารที่ชื่อว่าอะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ทำให้น้ำในบ่อกลายเป็นสีฟ้าสวยงามแบบนี้นั้นเอง และสีฟ้าของน้ำจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลมีสีอ่อนเข้มเปลี่ยนกันไปขึ้นอยู่กับแสงแดดที่กระทบตอนนั้นด้วยนะ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ฮอกไกโดต้นไม้รอบ ๆ จะเปลี่ยนสีและสะท้อนลงน้ำทำให้เกิดเป็นภาพที่สวยงามเลยล่ะ
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด – ปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Biei นั่งรถบัสของ Dohoku Bus ไปลงที่ป้าย Shirogane Aoi Ike Iriguchi ประมาณ 20 นาที
30. อุทยานแห่งชาติไดเซสึซัง (Daisetsuzan National Park)
Photo by : tomocampers
อุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในฮอกไกโด ป่าที่นี่อุดมสมบูรณ์มากและด้วยความที่สมบูรณ์ขนาดเลยช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็เลยอลังการว่าที่ไหน ๆ เลยล่ะ เราจะได้เห็นวิวไม้เปลี่ยนสี ฮอกไกโดไล่ตั้งแต่ยอดเขาลงมาเรื่อย ๆ สลับสีกันมีทั้งเขียว ส้ม แดง เหลือง สวยสุด ๆ จุดชมวิวยอดฮิตจะอยู่ที่ปากทางขึ้นเขาเรียกว่า กินเซ็นได มีน้ำพุร้อนด้วยนะ
ค่าเข้า : ไม่มีข้อมูล
เวลาเปิด – ปิด : ไม่มีข้อมูล
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Sekihoku มาลงที่สถานี Kamikawa จากนั้นนั่งรถบัสของ Dohoku Bus ไปลงที่ป้าย Sounkyo Onsen
31. โจซังเค ออนเซ็น (Jozankei Onsen)
เที่ยวญี่ปุ่นก็อยากจะลองเข้าออนเซ็นสักหน่อยเนอะ ที่ฮอกไกโดเองก็มีออนเซ็นวิวสวย ๆ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีด้วย ที่โจซังเค ออนเซ็น เป็นรีสอร์ตชื่อดังของฮอกไกโดซึ่งเขาจะเปิดบริการแค่ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีและฤดูหนาวเท่านั้น วิวสวยมากเพราะอยู่ในอุทยานแห่งชาติชิโกะซุ โทยะจะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีแบบอลังการมีแหล่งน้ำธรรมชาติ ค้างที่นี่สักคืนรับรองได้ผ่อนคลายขั้นสุด ในนี้จะมีเรียวกังอยู่หลายที่เลือกพักได้ตามใจชอบเลย
ค่าเข้า : ออนเซ็นเริ่มที่ 640 – 1,500 JPY / คน
เวลาเปิด – ปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟ Sapporo’s Namboku Subway Line ลงที่สถานีปลายทาง Makomanai Station แล้วต่อรถบัส Jotetsu Bus หมายเลข 12 อีก 50 นาที
32. สวนโจเซนไก ฟุตะมิ (Jozankei futami Park)
Photo by : activityjapan
ที่เที่ยวใบไม้เปลี่ยนสีฮอกไกโดที่ต่อมาพาไปเดินเล่นในสวยฟุตะมิ ไฮไลต์ของที่นี่คือการเดินชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สะพานแขวนฟุตะมิ ในเส้นทางเดินริมแม่น้ำโทโยฮิระ รอบ ๆ บริเวณนี้มีต้นไม้และพืชพันธุ์กว่า 800 ชนิด ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ฮอกไกโดเลยที่จุดที่คนนิยมมาชมวิวและถ่ายรูปมากที่สุดนั้นเอง นอกนี้จุดแล้วยังมีร้านอาหาร ขนม มีฟาร์มด้วยนะ สามารถเข้าไปชิมผลไม้ตามฤดูกาลข้างในได้ด้วย
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด – ปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : จากสถานี JR Sapporo โดยสารรถบัส Josankei Hot Springs Direct Bus Kappa Liner ไปลงที่ป้าย Josankei ใช้เวลา 1 ชั่วโมง แล้วเดินอีก 10 นาที
33. โนโบริเบทสึ ออนเซ็น (Noboribetsu Onsen)
Photo by : photo10.10.10
รีสอร์ตบ่อน้ำพุร้อนอีกหนึ่งที่สำหรับชมวิวช่วงใบไม้เปลี่ยนสีโดยเฉพาะ มีบ่อน้ำพุร้อนมากถึง 11 จุดเลยทีเดียวนะโดยเฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสีคือฮอตไม่ไหว ใครจะค้างคืนแนะนำจองไว้ก่อนเลยนักท่องเที่ยวนิยมมากันมาก ๆ รอบ ๆ จะเป็นเขาที่ใบไม้พากันเปลี่ยนสีเป็นส้มแดงตัดเขียวเล็กน้อย เป็นโทนสีของธรรมชาติที่ควรค่าแก่การมาชมวิวและพักผ่อน
ค่าเข้า : ออนเซ็นเริ่มที่คนละ 900 JYP
เวลาเปิด – ปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Sekihoku มาลงที่สถานี Kamikawa จากนั้นนนั่งรถบัสของ Dohoku Bus ไปลงที่ป้าย Sounkyo Onsen
34. มหาวิทยาลัยฮอกไกโด (Hokkaido University)
Photo by : masaji.ueda
ในมหาวิทยาลัยมักจะมีมุมสวย ๆ ให้เดินเล่นอยู่เสมอที่มหาวิทยาลัยฮอกไกโดก็เหมือนกัน เป็นที่เที่ยวใบไม้เปลี่ยนสีฮอกไกโดแสนสวยอีกหนึ่งที่นะ มีอุโมงค์ต้นแป๊ะก๊วยกว่า 70 ต้นอยู่เลียบถนนไปประมาณ 380 เมตร เหลืองอร่ามทั้งทางเหมาะกับการถ่ายรูปเป็นที่สุด แถมมหาวิทยาลัยก็กว้างขวางมาก ๆ นะ สามารถเดินเที่ยวเล่นได้ทั้งหมดเลย เป็นที่เที่ยวฮอกไกโดสำหรับเดินเล่นชิว ๆ พอหายเหนื่อย
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด – ปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟลงสถานี Sapporo แล้วเดินต่อ 7 นาที
35. สวนสาธารณะโกเรียวคาคุ (Goryokaku Park)
Photo by : japanese.store
หรืออีกชื่อคือป้อมโกเรียวคาคุ เป็นป้อมปราการแบบตะวันตกสร้างตั้งแต่สมัยยุคปลายเอโดะ ลักษณะเด่นคือมีรูปทรงเป็น 5 แฉก ต่อมาปี 1910 จากป้อมปราการได้เปลี่ยนเป็นสวนสาธารณะจนถึงทุกวันนี้ เปิดให้ผู้คนได้เข้ามาพักผ่อนกันและยังเป็นจุดชมวิว ใบไม้เปลี่ยนสี ฮอกไกโด ที่สวยงามด้วยนะ ถ้าอยากดูวิวแบบกว้างแนะนำให้ขึ้นไปที่หอคอยโกเรียวจะได้ชมวิวช่วงใบไม้เปลี่ยนสีและเห็นป้อมปราการ 5 แฉกชัดเจนมาก ๆ หรือหากจะเดินเล่นในสวนก็ดีไม่แพ้กัน ต้นไม้ร่มรื่นและมีอาคารสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นและตะวันตกอยู่ด้วย
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด – ปิด : 05.00 – 18.00 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถรางสาย 2 หรือ 5 จาก Hakodate Station ไปลงที่ Goryokaku Koen Mae แล้วเดินต่อ 750 เมตร
36. ศาลาว่าการเก่าฮอกไกโด (Former Hokkaido Government Office Building)
Photo by : mika.jplife
ปิดจบที่เที่ยวใบไม้เปลี่ยนสีฮอกไกโดกับที่เที่ยวที่ได้รับการยกย่องให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของชาติญี่ปุ่น หรือเรียกกันอีกชื่อง่าย ๆ ว่าทำเนียบอิฐแดงและถูกใช้งานมากกว่า80 ปี ตัวอาคารโดดเด่นแปลกตาเพราะการสร้างสไตล์อเมริกันและใช้อิฐกว่า 2.5 ล้านก้อน ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีถือเป็นจุดที่คนมาเที่ยวกันเยอะ โดยเฉพาะบริเวณด้านหน้าอาคารมีต้นแป๊ะก๊วยเรียงยาวเป็นแนวสองข้างทางนั้นเอง
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด – ปิด : 07.00 – 21.00 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดิน Sapporo Subway สาย Namboku และสาย Toho ไปลงรถที่สถานี Sapporo จากนั้นเดินไปยังอาคารโดยใช้เวลาประมาณ 8 นาที
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีนารา (Nara)
37. สวนสาธารณะนารา (Nara Park)
หรือบางคนก็จะเรียกว่าสวนกวางนารานะ เพราะว่าภายในสวนเป็นที่อยู่ของน้องกวางมากมายเลยนะ ได้ใกล้ชิดกวางสุด ๆ เป็นสวนสาธารณะที่มีความร่มรื่นและธรรมชาติสมบูรณ์แถมวิวก็สวยมากด้วย ไฮไลต์ของที่นี่ช่วงใบไม้เปลี่ยนก็คือการมาชมต้นแป๊ะก๊วยและต้นเมเปิ้ลที่พากันเปลี่ยนสีผลัดใบนั่นเอง แถมยังมีกวางน้อยน่ารักให้เราได้ให้อาหารและถ่ายรูปด้วย
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด – ปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟ JR ไปลงที่สถานี Nara Station แล้วเดินต่อ 10 นาที
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีโทะยะมะ (Toyama)
38. หุบเขาคุโรบะ (Kurobe Gorge)
แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติของเมืองโทะยะมะ ตั้งอยู่ในป่าทางทิศเหนือของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น ตัดผ่านแม่น้ำคุโรเบะเป็นหุบเขาที่ลึกที่สุดในญี่ปุ่นเลยนะ มีหน้าผาสูงชัน ป่าหนาทึบที่สมบูรณ์มาก น้ำพุร้อนกลางแจ้ง ไฮไลต์คือการรถไฟชมวิวสายหุบเขาคุโรเบะ เป็นเส้นทางที่คดเคี้ยวยาว 20 กิโลเมตร ยิ่งช่วงใบไม้เปลี่ยนสีคือเป็นกิจกรรมยอดนิยมเลยก็ได้ นั่งรถไฟชมใบไม้เปลี่ยนสี บอกเลยสวยประหนึ่งอยู่ในภาพวาด ใช้เวลาเดินทาง 80 นาที โดยรถไฟจะวิ่งผ่านสะพาน 20 แห่ง และลดอุโมงค์กว่า 40 อุโมงค์
ค่าเข้า : 1,710 JPY
เวลาเปิด – ปิด : 08:00-16:30 น.
วิธีเดินทาง : จากโตเกียวนั่งรถไฟ JR Hokuriku Shinkansen ไปยัง Kurobe Unazuki Onsen ซึ่งเป็นสถานีสำหรับรถไฟสายหุบเขาคุโรบะ
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีมิยางิ (Miyagi)
39. หุบเขานารูโกะ (Naruko Gorge)
Photo by : japanairlines
เป็น จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น ที่สวยที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ หุบเขานี้จะกินพื้นที่ประมาณ 2 กิโลเมตร มีจุดชมธรรมชาติสวย ๆ อยู่ที่ศาลา Narukokyo Resthouse ซึ่งเป็นที่พักที่ร้านอาหารด้วย แต่วิวเด็กที่ใคร ๆ ก็ต้องมาถ่ายรูปช่วงใบไม้เปลี่ยนสีคือสะพานโอฟุคะซะวะ เป็นสะพานที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติเห็นวิวเขาได้แบบเต็มตา ช็อตถ่ายภาพยอดฮิตคือภาพที่รถไฟกำลังวิ่งออกมาจากอุโมงค์นั่นเอง
ค่าเข้า :320 JPY
เวลาเปิด – ปิด : 08:30 – 17:00 น. (ปิดมกราคม – มีนาคม)
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย Rikuu-to Line ลงที่สถานี Naruko Onsen Station จากนั้นต่อแท็กซี่ประมาณ 10 นาที
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีอาโอโมริ(Aomori)
40. ทะเลสาบโทวาดะ (Lake Towada)
Photo by : japanairlines
ทะเลาสาบโทวาดะเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติโทวาดะ-ฮาชิมันไต เป็นที่รู้กันดีว่าที่นี่เป็นจุดใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามของเมืองอะโอโมริ ไฮไลต์คือการล่องเรือชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ทิวเขาฮักโกดะเป็นฉากหลังนั่นเอง สวยเหมือนอยู่ในโลกนิยายอะไรแบบนั้นเลย วิวหลักล้านมากเวอร์ หรือใครไม่อยากล่องเรือก็สามารถเช่าพายเรือแคนูหรือเดินป่าก็ได้เหมือนกัน เป็นที่เที่ยว ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น ที่เหมาะกับมาพักผ่อนชมธรรมชาติสุด ๆ
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด – ปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Aomori ให้ขึ้นรถ JR Bus Mizuumi-Go ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ลงที่สถานีทะเลสาบโทวาดะได้เลย
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีโทชิงิ (Tochigi)
41. เมืองนิกโก (Nikko)
เมืองนิกโกเป็นเมืองในจังหวัดโทชิกิ ความพิเศษคือเราสามารถเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ทั่วทั้งเมืองเลย มีแต่จุดที่สวย ๆ วิวว้าว ๆ ไม่ว่าจะเป็น Nikko Futarasan Jinja shinkyoสะพานไม้สีแดงที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองนิกโก,ถนน Irohazaka ถนนที่อยู่ท่ามกลางหุบเขา สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีได้เต็มตาเลย,นั่งกระเช้า Akechidaira ขึ้นไปชมวิว ได้เห็นทั้งภูเขา Nantaisan ทะเลสาบ Chuzenjiko และน้ำตก Kegon ฯลฯ เรียกได้ว่าเมืองเดียวเที่ยวคุ้ม ค้างสักคืนรับรองได้ชม ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น เต็มอิ่ม
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด – ปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย Tobu จากสถานี Asakusa ไปเปลี่ยนรถไฟที่สถานี Shimo-Imaichi จากนั้นไปลงที่สถานี Tobu-Nikko ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีกุนมะ (Gunma)
42. อุทยานแห่งชาติโอเซะ (Oze National Park)
เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำท่ามกลางภูเขาที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ใหญ่ขนาดไหนก็คือครอบคลุมพื้นที่ไปกว่า 4 จังหวัดเลยน่ะสิ แน่นอนว่ามาป่าแบบนี้ต้องไม่พลาดกิจกรรมเดินป่าชมวิวช่วงใบไม้เปลี่ยนสีพร้อมสำรวจธรรมชาติไปพร้อมกัน ด้วยความที่พื้นที่ใหญ่แบบนี้มีเส้นทางเดินป่าให้เลือกเยอะเลย เช่น ทางเดินริมทะเลที่สูงขึ้นไปผ่านที่ลุ่ม Ozegahara Marshland และเส้นทางรอบๆ บ่อน้ำ Ozenuma Pond ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 6 ชั่วโมง
ค่าเข้า : ไม่มีข้อมูล
เวลาเปิด – ปิด : ไม่มีข้อมูล
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟ JR ไปลงที่สถานี Nutama แล้วต่อรถบัสที่มุ่งหน้าไป Hatomachi Toge เป็นหนึ่งในทางเข้า Oze National Park โดยให้ขึ้นรถบัส Kan-etsu Transportation Bus ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชั่วโมง จากนั้นต่อรถบัสอีกครั้งให้ขึ้นรถบัส Kan-etsu Transportation Bus จาก “Hatomachi Toge Bus Junction” ใช้เวลา 25 นาทีจะไปถึง Hatomachi Toge
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีไอจิ (Aichi)
43. หุบเขาโครันเค (Korankei Gorge)
หุบเขาที่เหมาะกับการชม ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น ในจังหวัดไอจิ นอกจากจะโด่งดังจังหวัดเขายังได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในโลเคชันที่ดีที่สุดในการชมใบไม้เปลี่ยนสีของภูมิภาคชุบุด้วยล่ะ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของวัดโคจาคุจิ ซึ่งรอบวัดจะมีต้นเมเปิ้ลเปลี่ยนเป็นสีแดงอมน้ำตาลสวยสะพรั่งมาก ส่วนจุดชมวิวที่ดีที่สุดของหุบเขาโครันเคคือ ริมแม่น้ำโทโมเอะซึ่งจะมีสะพานไม้ไทเกะสึเคียวเป็นจุดถ่ายรูปสวยงามท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสีนั่นเอง
ค่าเข้า : 300 JPY
เวลาเปิด – ปิด : 09:00 – 17:00 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟลงสถานี Nagoya Station จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย Meitetsu Nagoya Line ไปลงที่สถานี Higashi Okazaki Station ต่อรถบัสอีกครั้งสาย Meitetsu Bus ไปยัง Korankei
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสียามานาชิ (Yamanashi)
44. ทะเลสาบคาวากูจิโกะ (Lake Kawaguchiko) – จังหวัดยามานาชิ
Photo by : pinoy_sushi
หนึ่งในทะเลสาบรอบภูเขาไฟฟูจิ ถ้าอยากชม ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น พร้อมดูฟูจิซังล่ะก็นี่เป็นที่เที่ยว ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น ที่ตอบโจทย์แน่นอน มุมดีที่สุดคือทางชายฝั่งตอนเหนือของทะเลสาบจะมีต้นไม้โน้มกิ่งก้านลงมาโชว์สีแดง ส้ม ตามธรรมชาติให้เราได้ถ่ายรูปกัน โดยมีภูเขาไฟฟูจิอยู่เป็นฉากหลังนั่นเอง นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียงก็มีที่เที่ยวอีกมาก เช่น นั่งกระเช้า Kachi Kachi Ropeway หรือ พิพิธภัณฑ์คาวากูจิโกะมิวสิคฟอร์เรส เป็นต้น
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด – ปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : จากโตเกียวนั่งรถไฟ LTD. Express ที่สถานี Shinjuku และแวะไปเปลี่ยนสายที่สถานี Otsuki เพื่อขึ้นรถไฟขบวน Fujikyu Railway ไปยังสถานี Kawaguchiko
45. โมมิจิ ไคโร อุโมงค์ใบเมเปิ้ล (Momiji Kairo)
Photo by : lunedune
ช่วง ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น พลาดไม่ได้เลยที่จะไปตามหาต้นเมเปิ้ลเนอะ ที่โมมิจิ ไคโร จะได้เห็นใบสีแดงสีส้มสวย ๆ ของเมเปิ้ลแบบจุใจแน่นอน เพราะเขามีอุโมงค์เมเปิ้ล เป็นหนึ่งในจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีสุดโรแมนติกรอบฟูจิเลยด้วยนะ ช่วงที่ใบเมเปิ้ลร่วงหล่นลงมาตามลมจะปกคลุมทั่วทางน้ำกลายเป็นทะเลเมเปิ้ลเลยล่ะ แดงทั่วทั้งอุโมงค์ พอตกค่ำเขาจะเปิดไฟประดับตามทางเดินด้วยนะ สวยทั้งกลางวันกลางคืนเลย
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด – ปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : จากโตเกียวนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Kawaguchiko จากนั้นก็ขึ้นรถ Retro Bus หรือ Omni Bus สายสีแดง ไปลงที่ป้าย Itchiku Kubota Art Museum เดินต่อเล็กน้อยจะเจออุโมงค์เมเปิ้ล
46. สวนสาธารณะอาราคุระยามะเซ็นเก็น (Arakurayama Sengen Park)
จุดชมฟูจิชื่อดังที่เขาว่าดีที่สุดเลยล่ะ แถมยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้า Arakura Sengen และเจดีย์ Chureito 5 ชั้น ภาพถ่ายยอดฮิตที่คุ้นตาเหล่านักท่องเที่ยวนั่นเอง รอบ ๆ สวนสาธารณะจะมีทั้งร้านอาหาร เครื่องดื่มให้เราซื้อแล้วก็นั่งกินบรรยากาศไปด้วยนะ แต่ถ้าอยากได้วิวยอดฮิตต้องขึ้นไปที่ศาลเจ้า เดินบันได 400 กันไปเลย แต่ข้างในสวยมาก ได้เห็นฟูจิซังและเหล่าต้นไม้ที่ผลัดใบเป็นสีส้มแดง
ราคาค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด – ปิด : ไม่มี
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Fuji kyuko มาลงที่สถานี Shimoyoshida จากนั้นเดินต่ออีก 5 นาที
47. ศาลเจ้าคาวากุจิ อาซามะ (Kawaguchiko Asama Shrine)
Photo by : latestjapan
ศาลเจ้าที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการบูชาทางศาสนาของภูเขาไฟจิในปี 864 อายุกว่าพันปีได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเรียบร้อยแล้วด้วย จุดเด่นของที่นี่อยู่ที่เสาโทริอิซึ่งสร้างในปี 2019 พื้นที่ตรงนี้โล่งมากทำให้เราได้เห็นมุมมองของเสาโทริที่ตั้งตรงกับยอดฟูจิเป๊ะเลย แถมช่วงใบไม้เปลี่ยนสีต้นไม้รอบ ๆ รวมถึงเนินเขาก็เปลี่ยนสีผลัดใบจะได้บรรยากาศอบอุ่น ๆ โทนส้มกับฟูจิซังล่ะ
ค่าเข้า : ไม่มี
เวลาเปิด – ปิด : 09:00 – 16:00 น.
วิธีเดินทาง : จากโตเกียวขึ้นรถไฟด่วน Limited Express Fuji Excursion ไปลงที่สถานี Kawaguchiko Station ใช้เวลา 2 ชั่วโมง จากนั้นต่อรถบัสไปที่ ป้าย Kawaguchi Kyoku-mae ได้เลย
48. หุบเขานากาโทโระ (Nagatoro Raver)
ชม ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น กับเป็นหุบเขาที่มีวิวทิวทัศน์สวยงามจุดเด่นอยู่ที่หินรูปร่างแปลกตาซึ่งเกิดจากธรรมชาติที่แหละ รอบ ๆ เขาเลียบทางยาวมีต้นไม้น้อยใหญ่เป็นพุ่มหนามองแล้วสบายตามาก โดยเฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสียิ่งสวยที่นี่เวลาใบไม้เปลี่ยนสีอาจจะไม่ได้ส้มไปทั้งเขานะ มีเขียวแซมมาด้วยเพราะบางต้นยังไม่ผลัดใบนั่นเอง แต่กิจกรรมยอดฮิตที่พลาดไม่ได้เลยคือการล่องเรือไม้นากาโทโระชมความงามของหุบเขา ซึ่งสามารถนั่งไปลงที่ Iwadatami ได้ ด้านบนมีร้านอาหาร ร้านค้าเยอะแยะให้แวะด้วย
ค่าเข้า : ค่าเข้ารวมล่องเรือ ผู้ใหญ่ 1,800 JPY / เด็ก 900 JPY
เวลาเปิด – ปิด : 09:00 – 16:00 น.
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Chichibu มาลงสถานี Nagatoro จากนั้นเดินต่อประมาณ 2 นาที
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีอิบารากิ (Ibaraki)
49. สวนฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi Seaside Park)
หนึ่งในจุดถ่ายรูปที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น ล้อมรอบไปด้วยไม้หลากหลายพันธุ์โดยเฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสีคือที่สุดเพราะมีทุ่งโคเซียอยู่ด้วย เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดงเรียงกันไปตามเนินเขากลายเป็นทุ่งดี ๆ นี่เอง แล้วตัดกับสีของท้องฟ้าสวยมาก ถ่ายรูปรัว ๆ นอกจากนี้ยังมีดอกคอสมอสส์อีกด้วยนะ พื้นที่เขากว้างมาก ๆ เดินเล่นเดินถ่ายรูปได้ทุกมุมเลย เป็นที่เที่ยว ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น ที่ไม่ควรพลาดนะ
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 450 JPY / เด็ก 210 JPY
เวลาเปิด – ปิด : 09:30 – 17:00 น.
วิธีเดินทาง : จากโตเกียวนั่งรถไฟสาย JR Joban ไปลงที่สถานี Katsuta Station ใช้เวลาประมาณ 70 นาที จากนั้นจึงต่อรถไฟไปลงที่สถานี Ajigaura station ใช้เวลาอีกประมาณ 30 นาที
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีชิงะ (Shiga)
50. วัดเคียวรินโบ (Kyorinbo Temple)
Photo by : alie_yoesof
จุดชมเมเปิ้ลสีแดงของจังหวัดชิงะ มาที่นี่นอกจากได้ดู ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น แล้ว ยังได้ดูอาคารของวัดซึ่งมีความเก่าแก่สร้างตั้งปี ค.ศ. 605 เป็นสถาปัตยกรรมสมัยต้นเอโดะเลยนะ ตอนนี้ก็ยังอนุรักษ์ไว้อยู่เลยด้วย ไฮไลต์ของที่นี่อยู่อาคารศาลาเก่าแก่ตรงนี้แหละ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีต้นเมเปิ้ลจะเปลี่ยนเป็นสีแดงซึ่งจะตัดกับสีเขียวของมอสที่ขึ้นอยู่ตามพื้น เป็นคู่สีตามธรรมชาติที่ตัดกันได้สวยงามจริง ๆ ใครมีโอกาสมาถ่ายรูปกลับไปเยอะ ๆ เลย
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 500 JPY / เด็ก 200 JPY
เวลาเปิด – ปิด : 09:30 – 16:30 น.
วิธีเดินทาง : จากโตเกียวนั่งรถไฟสาย Yamanote Line ไปลงสถานี Shinagawa Station เพื่อขึ้นรถไฟ Shinkansen นั่งสาย Tokaido-Sanyo Shinkansen ไปลงที่สถานี Maibara Station แล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย Tokaido-Sanyo Line ไปลงที่สถานี Ōmihachiman Station แล้วนั่งรถไฟท้องถิ่น Yokaichi ไปลงที่ Yokaichi Station จากนั้นต่อรถบัสไปลงที่ป้าย Kokudoishizuka Bus Stop แล้วเดินต่อ 2 กิโลเมตร
เที่ยวญี่ปุ่นด้วย YouTrip ประหยัดกว่า
แนะนำวิธีเที่ยวญี่ปุ่นให้ประหยัดกว่าเดิมด้วย YouTrip ประหยัดกว่าขนาดไหนมาดูกัน สมมุติตั้งงบเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ไว้ที่ 120,000 JPY ที่ร้านแลกเงินจะเป็นไทยทั้งสิ้น 32,520 บาท หากจ่ายด้วยบัตรเครดิตทั่วไปจะต้องจ่ายที่ 33,350 บาท แต่หากจ่ายผ่าน YouTrip จะได้จ่ายเพียง 32,418 บาท ประหยัดถึง 932 บาทกันเลย เพราะ YouTrip ให้เรทที่ถูกกว่า แถมไม่มีค่าธรรมเนียม 2.5% เหมือนบัตรเครดิตด้วย
เท่านั้นยังไม่พอ! เมื่อมีแพลนเดินทางอย่าลืมจองที่พักล่วงหน้าเตรียมไว้ด้วยล่ะ นอกจาก YouTrip จะให้คุณแลกเงินได้เรทที่ดีกว่าเที่ยวถูกกว่าใครแล้ว เรายังมีฟีเจอร์ใหม่ “YouTrip Perks” จองที่พัก Agoda หรือซื้อตั๋วค่าเข้าที่เที่ยวผ่าน Klook ได้เงินคืนแบบคุ้มๆ กันไปเลย
ถือเป็นช่วงเวลาที่น่ารักและอบอุ่นไปด้วยบรรยากาศของการเป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี อากาศก็ดีบรรยากาศก็สวย ใครเตรียมแผนไปเที่ยวญี่ปุ่นอยู่บอกเลยว่าช่วงใบไม้เปลี่ยนสีคือตัวเลือกที่พลาดไม่ได้ แถมยังมีที่เที่ยว ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น สวย ๆ เยอะมาก ใครสายธรรมชาติโดนใจชัวร์ และจะโดนใจกว่าเดิมถ้ามี YouTrip ใช้ได้ได้ประหยัดเพราะ YouTrip เรทดีกว่าทุกสกุลเงิน มี Cashback ตลอดปี อย่าลืมพาความคุ้มแบบนี้ไปเที่ยวด้วยนะ