เขาว่าฝรั่งเศสเป็นประเทศที่โรแมนติกและให้บรรยากาศดี ๆ อยู่เสมอเลย แถมยังเป็นหนึ่งในประเทศที่ใหญ่ที่สุดในแถบทวีปยุโรป ศูนย์รวมประวัติศาสตร์ ภาษา ศิลปะ และวัฒนธรรมหลายอย่างก็มีต้นกำเนิดที่ประเทศฝรั่งเศส แต่พอพูดถึงฝรั่งเศสหลายคนน่าจะคิดออกแค่เมืองปารีสเนอะ เดี๋ยววันนี้จะพาไปทำความรู้จักกับ เมืองน่าเที่ยวฝรั่งเศส เมืองอื่น ๆ ในฝรั่งเศสบ้างว่าน่าเที่ยวยังไง รับรองว่าต้องโดนมนต์เสน่ห์ฝรั่งเศสตกเอาแน่นอน
ประเทศฝรั่งเศสมีกี่เมือง ?
ด้วยความที่ฝรั่งเศสเป็นประเทศขนาดใหญ่ฉะนั้นเขาจะแบ่งเขตการปกครองออกเป็นแคว้น จะมีทั้งหมด 13 แคว้น คือ Auvergne-Rhone-Alpes, Bourgogne-Franche-Comte, Bretagne, Centre-Val de Loire, Corse, Grand Est, Hauts-de-France, Ile-de-France, Normandie, Nouvelle-Aquitaine, Occitanie, Pays de la Loire, Provence-Alpes-Côte d’ Azur ซึ่งในแต่ละแคว้นก็จะมีจังหวัดและเมืองย่อย ๆ แบ่งลึกลงไปอีกทั้งหมด 96 จังหวัด 317 เขตเมือง และ 101 เขตเมืองขนาดใหญ่
เที่ยวฝรั่งเศส ไปเดือนไหนดี ?
ฝรั่งเศสไปเที่ยวได้ทั้งปีมี 4 ฤดูกาล ดังนี้
ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม)
อากาศ 10-18 องศา เย็นสบายค่อนไปหนาวนิดหน่อย เหมาะเดินเล่นเดินได้เยอะไม่เหนื่อย บรรยากาศดีมาก แสงแดดอ่อน ๆ กับต้นไม้ดอกไม้เบ่งบานดูโรแมนติกมากเลยล่ะ
ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม)
อากาศ 20-30 องศา ร้อนแต่ไม่แผดเผาเท่าบ้านเรา ข้อดีคือแต่งตัวง่าย ซื้อชุดเหมือนไทยได้เลย ท้องฟ้าแจ่มใสถ่ายรูปสวย เที่ยวได้นานเพราะกลางวันจะยาวกว่ากลางคืน
ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – ธันวาคม)
อากาศ 10-15 องศา กลับมาเย็นอีกครั้ง ฤดูนี้เป็นฤดูที่มีสีสันเพราะเต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีทั้งเหลือง แดง ส้ม น้ำตาล อาจเจอฝนบ้างวันไม่ใช่พายุ
ฤดูหนาว (ธันวาคม – มีนาคม)
อากาศ 2-5 องศา อากาศหนาวเย็นเจี๊ยบ มีหิมะตก ได้จัดเต็มแฟชั่นเครื่องกันหนาวเหมาะกับคนชอบหิมะและอากาศเย็น แถมเป็นช่วงไฮซีซั่นเลยด้วยเพราะจะเต็มไปด้วยบรรยากาศของเทศกาลปีใหม่และคริสต์มาส
การใช้จ่ายในฝรั่งเศสใช้อะไรดี ?

ฝรั่งเศสก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เป็นสังคมไร้เงินสดแล้ว แต่ทั้งนี้ก็ยังสามารถใช้จ่ายแบบเงินสดได้เช่นกัน ใช้เงินสกุล EUR ฉะนั้นไปเที่ยวก็แลกเงินสดไว้นิดหน่อยติดตัวเผื่อฉุกเฉินที่เหลือก็ใช้บัตรได้เลย สะดวกมาก แนะนำวิธีใช้จ่ายให้ประหยัดขึ้นในทริปฝรั่งเศสครั้งนี้ด้วย YouTrip ยกตัวอย่างเช่น ตั้งงบเที่ยวฝรั่งเศสไว้ที่ 1,514 EUR หากจ่ายด้วยบัตรเครดิตจะอยู่ที่ยอด 61,860 บาท แต่หากจ่ายด้วย YouTrip จะเหลือเพียง 60,000 บาทเท่านั้น ประหยัดถึง 1,860 บาทกันไปเลย เพราะ YouTrip ให้เรทที่ดีและไม่มีค่าธรรมเนียม 2.5% ในการใช้จ่ายนั่นเองจ้า
1. เมืองกอลมาร์ (Colmar)

อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศสใกล้กับเยอรมนี ด้วยความที่เมืองนี้ใกล้กับเยอรมนีทำให้สถาปัตยกรรมต่าง ๆ จะได้รับอิทธิพลมาด้วยได้ฉายาว่าเป็นเมืองในเทพนิยายด้วยนะ ใครนึกไม่ออกอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ว่าเหมือนบ้านในการ์ตูนเรื่อง Beauty And The Beast นั้นเอง เมืองเล็ก ๆ ที่มีสถาปัตยกรรมและบรรยากาศของเมืองโบราณ บ้านเรือนสไตล์ Half-timbering บ้านเรือนในยุคกลางศตวรรษของฝรั่งเศสทำจากปูนและโครงสร้างด้านนอกเป็นไม้ ประดับดอกไม้สีสันสดใส บรรยากาศดีมาก ๆ เลย ได้ฟีลยุโรปสุด ๆ เดินทางไปก็ง่ายนะสะดวกทั้งรถไฟความเร็วสูงและรถยนต์เลยล่ะ
มีที่เที่ยวน่าสนใจ คือ Petite Venis ได้ชื่อเล่นว่า little Venice ของฝรั่งเศสเลยด้วยคือมีคลองตัดผ่านถนนและบ้านคนหลากหลายสีสันบวกกับดอกไม้ที่ประดับอยู่เต็มระหว่างทางทำให้บรรยากาศ Feel Good สุด ๆ ไปเลย อีกที่คือ Eglise Saint-Martin โบสถ์โรมันคาทอลิกสไตล์แบบโกธิค เก่าแก่มากสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 13
2. เมืองการ์กาซอน (Carcassonne)

เมืองป้อมปราการที่สวยและอลังการของฝรั่งเศส เมืองน่าเที่ยวฝรั่งเศส พามาดูเมือง Carcassonne เมืองเล็กในแคว้น Occitanie ทางตอนใต้ เมืองนี้น่าเที่ยวมากเพราะเหมือนได้หลุดย้อนกลับไปอยู่ในยุคกลาง สมัยโรมันอะไรแบบนั้นเลย มีส่วนที่เป็นแนวกำแพงเมืองและป้อมปราการโบราณที่อยู่บนเนินเขา ส่วนเขตเมืองจะเรียกว่า Cite de Carcassonne ซึ่งก็สวยอีกแล้วเพราะเป็นตัวเมืองที่ติดกับแม่น้ำ Aude โดยรวมของเมืองนี้คือ 2in1 ได้ความเก่าแก่ของป้อมปราการและความเป็นเมืองที่ไม่ได้วุ่นวาย ชิล ๆ เนิบ ๆ
มีที่เที่ยวน่าสนใจ คือ สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่แนวกำแพงเมืองโบราณที่เขาคาดว่าถูกสร้างขึ้นโดยชาวโรมัน มีหอคอยถึง 53 ป้อม ให้ความรู้สึกเมืองอยู่ในเมืองของอัศวินยุคกลางมาก ๆ และได้รับให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้ด้วย
3. เมืองบอร์โด (Bordeaux)

หนึ่งในแหล่งผลิตไวน์ขนาดใหญ่และสำคัญของโลก เป็นที่เที่ยวฝรั่งเศสที่คอไวน์น่าจะคุ้นชื่อกันดีแน่เลย Bordeaux เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในแคว้น Nouvelle-Aquitaine ติดกับสเปนและทะเลแอตแลนติกก็เลยเป็นเมืองท่าสำคัญอีกด้วย นอกจากเรื่องไวน์แล้วยังได้ฉายาว่าเป็น ‘City of Bikes’ หรือ ‘เมืองแห่งจักรยาน’ อีกต่างหากมีเส้นทางจักรยานกว่า 200 กิโลเมตรทั่วตัวเมืองด้วยสิ่งนี้ก็เลยทำให้อากาศดีเข้าไปอีกเพราะทั้งเมืองใช้รถยนต์แค่ 29% เท่านั้นและมีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ โดยรวมคือมีความเมืองเสียส่วนใหญ่ เมืองตากอากาศ แต่ไม่ได้วุ่นวายมากใครอยากหนีคนเยอะ ๆ จากปารีสเดินทางง่ายนั่งรถไฟความเร็วสูงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น
มีที่เที่ยวน่าสนใจ คือ The Opera House อยู่ใจกลางเมืองเลยเป็นอาคารเก่าแก่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 สไตล์แบบนีโอคลาสสิค ด้านหน้ามีเสาทรงโรมันอยู่หลายต้นและรูปปั้นเทพธิดา 12 รูป ควรค่าแก่การไปดูงานศิลปะเก่าแก่สุด ๆ
4. เมืองปารีส (Paris)

ถึงแม้จะรู้จักปารีสกันอยู่แล้วก็ไม่พูดถึงก็ไม่ได้ เมืองหลวงของฝรั่งเศสบรรยากาศดี คลาสสิค และเป็นแหล่งรวมหลาย ๆ อย่างทั้งสวนสนุก พระราชวัง พิพิธภัณฑ์ระดับโลก มหาวิหารชื่อดังในตำนาน และยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งคาเฟ่ เพราะไม่ว่าจะเดินไปตรงไหนก็จะต้องเจอคาเฟ่สักร้านแน่ ๆ รวมถึงเป็นเมืองที่นำโด่งเรื่องแฟชั่นและการช้อปปิ้งแบรนด์เนม เหมาะกับคนที่ยังไม่เคยมาฝรั่งเศสอยากให้มาปักหลักที่ปารีสก่อนสักครั้งเสพความเป็นเมืองและทันสมัยแล้วค่อยออกไปเที่ยวนอกเมืองก็ง่ายมาก จากปารีสมีขนส่งเชื่อมต่อออกไปได้ทั่วประเทศเลย
มีที่เที่ยวน่าสนใจ คือ สำหรับคนไปครั้งแรกก็ไปเช็คถ่ายรูปที่ Eiffel Tower ห้ามพลาดเลยเพราะเป็นแลนด์มาร์กของเมือง จุดถ่ายภาพหอไอเฟลที่ดีที่สุดคือ ลานหน้าปราสาท Palais de Chaillot เห็นหอไอเฟลแบบเต็มไม่มีต้นไม้บัง แล้วก็ต้องไม่พลาด พระราชวังแวร์ซาย อีกที่เพราะแสดงให้เห็นถึงงานศิลปะทุกแขนงเลย การตกแต่งด้านในยังอลังการแบบวิบวับแสบตา เคยเป็นพำนักสำหรับกษัตริย์และราชินีหลายพระองค์ของฝรั่งเศส
5. อานน์ซี (Annecy)

อีกหนึ่ง เมืองน่าเที่ยวฝรั่งเศส เมืองติดริมคลองบรรยากาศน่ารักอีกแล้ว ด้วยความที่เมืองนี้อยู่ใกล้กับเทือกเขาแอลป์เลยมีพื้นที่หลายส่วนผสมกันทั้งทะเลสาบสีฟ้าที่มีภูเขาสีเขียวอยู่เป็นฉากหลัง ต้นไม้รอบเมืองที่พอถึงช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนจะสวยมาก ๆ เปลี่ยนบรรยากาศของเมืองให้มีความอบอุ่นมากขึ้นไปอีก ลักษณะของเมืองคือเป็นเมืองเล็ก ๆ มีแม่น้ำ Le Thiou ไหลผ่านกลางเมือง โดยรวมคือโรแมนติกและน่ารักมาก เหมาะกับมาพักผ่อนจริง ๆ ให้ 10 คะแนนเต็มเลย เดินทางสะดวกทั้งรถไฟและรถบัส
มีที่เที่ยวน่าสนใจ คือ โบสถ์ Eglise Notre-Dame-de-Liesse ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเก่าแก่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 สวยด้วยสถาปัตยกรรมแบบโบสถ์ในยุคกลาง อีกที่คือ Palais d’ Isle คุกเก่ารูป 3 เหลี่ยมถูกขนาบข้างด้วยคูคลองเป็นทั้งศาลและคุกอยู่หลายร้อยปีเลยก่อนจะถูกทำเป็นพิพิธภัณฑ์จนถึงปัจจุบันนี้
6. เมืองดีฌง (Dijon)

เมืองหลวงของแคว้น Bourgogne เป็นที่เที่ยวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาจากมัสตาร์ดและไวน์แดงแถมเมืองยังเป็นทางผ่านไปสวิตเซอร์แลนด์ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมแวะที่เมืองนี้ก่อนด้วย ด้วยความที่สมัยก่อนช่วงศตวรรษที่ 14-15 เมืองนี้มีอิทธิพลมาก ๆ ทำให้มีหน่วยงานราชการอยู่เมืองนี้หลายหน่วยงานเลยล่ะ พูดถึงความสวยงามของเมืองนี้จะมีตึกรามบ้านช่องที่ได้อิทธิพลมาจากเยอรมนีบางส่วนเลยจะมีความผสม ๆ ระหว่าง Half-timbering กับ ยุโรปคลาสสิค โดยรวมให้ความรู้สึกอุ่น ๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความเก่าแก่และคลาสสิค ที่สำคัญห่างจากปารีสแค่ 2 ชั่วโมง นั่งรถไฟความเร็วมาได้เลย
มีที่เที่ยวน่าสนใจ คือ Jardin des Arquebusiers สวนสาธารณะใจกลางเมืองที่เขาแต่งสวนสไตล์ยุโรปได้สวยมาก ๆ มีรูปปั้นแบบตะวันตกอยู่ทั่วสวนเลยเหมาะกับการไปถ่ายรูปสุด ๆ และอีกที่คือ Eglise Notre-Dame de Dijon โบสถ์สไตล์โกธิคแบบดั้งเดิมสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ดั้งเดิมจริง ๆ เขาเก็บทุกอย่างไว้แบบเดิมเป๊ะ ๆ เป็นโบสถ์เก่าที่สภาพสมบูรณ์มาก
7. เมืองเอกซอง-โปรวองซ์ (Aix-en-Provence)

บ้านเกิดศิลปินชื่อดัง ปอล เซซานน์ (Paul Cezanne) เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่สงบ คนไม่พลุ่งพล่านให้อารมณ์แบบมาพักผ่อนตื่นมาเดินเล่นแล้วจิบกาแฟอะไรแบบนี้เลย ชิลมาก แถมยังเป็นเมืองเก่าที่มีประวัติศาสตร์ ศิลปะ และธรรมชาติ ทุกอย่างกลมกลืนเข้าด้วยกันไม่มีอะไรโดดกว่าเลยมันทำให้ทั้งเมืองมีบรรยากาศที่สมูทมาก ๆ ส่วนใครมีแพลนมาช่วงกรกฎาคม-สิงหาคม อยากให้ไปดูทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่เป็นไฮไลต์ของเมือง นั่งปิกนิกในทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วง ทำไอศกรีมและงานแฮนด์เมนเป็นกิจกรรมไฮไลต์ของเมืองนี้เลย โดยรวมคือเป็นเมืองที่เที่ยวง่ายเหมาะกับคนอยากชิล ๆ ปล่อยเวลาไปกับการชิมขนม จิบกาแฟสักร้านแล้วอ่านหนังสืออะไรแบบนี้ เดินทางสะดวกมีรถไฟ TGV ความเร็วสูงจากปารีสแค่ 3 ชั่วโมง
มีที่เที่ยวน่าสนใจ คือ The Hotel de Caumont – Art Center แมนชั่นที่สร้างในปี 1745 เป็นสถานที่สังสรรค์สำหรับคนรวยชั้นสูงในสมัยนั้น ด้านในเราจะได้เห็นเฟอร์นิเจอร์เก่าโบราณ รวมถึงการตกแต่งที่โชว์ความร่ำรวยแบบสุด ๆ อีกที่คือร้านขนม Monsieur Chou ไปชิมชูครีมดาวดังของร้านที่รสจะสลับเปลี่ยนทุกเดือนนั่นเอง
8. เมืองรูอ็อง (Rouen)

เมืองที่เห็นแล้วให้ความรู้สึกหรูหราแบบยุคกลางสุด ๆ กับ เมืองน่าเที่ยวฝรั่งเศส เมือง Rouen เมืองขนาดใหญ่ติดริมแม่น้ำ Seine เป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในช่วงยุคกลางของยุโรปด้วยนะเป็นเมืองหลวงที่ราชวงศ์ปกครองไปทั่วเกาะอังกฤษและทางเหนือของฝรั่งเศส เมืองเลยก็มีความหรูหรา อลังการของตึกต่าง ๆ อยู่นั่นเอง โดยรวมคือตึกและบ้านต่าง ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนไปยุคกลางในช่วงที่รุ่งเรืองและร่ำรวยมาก ๆ ด้วยงานสถาปัตยกรรมแบบ half-timbered ที่ยังสมบูรณ์อยู่ ห่างจากปารีสแค่ร้อยกว่าโลนะใครจะเช่ารถขับเป็น Road Trip ก็ได้ หรือนั่งรถไฟก็แค่ชั่วโมงเดียวเอง
มีที่เที่ยวน่าสนใจ คือ Gros-Horloge (Great-Clock) หอนาฬิกาดาราศาสตร์ยุคศตวรรษที่ 14 สวย หรูมากที่สุดแห่งหนึ่งในฝรั่งเศสอยู่ใจกลางเมืองเลย อีกที่คือ Rouen Cathedral มหาวิหารเก่าแก่โรมันคาทอลิกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมโกธิคที่เก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 รายละเอียดทุกอย่างยังอยู่เหมือนเดิม สวยและดูขลังมาก ๆ
9. เมืองเบอซ็องซง (Besancon)

เมืองแห่งศิลปะและประวัติศาสตร์อยู่ทางตะวันออกของฝรั่งเศสเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา Jura เลย คือเป็นเมืองที่มีเสน่ห์เลยนะเพราะว่าประวัติศาสตร์ยาวนานมีสถาปัตยกรรมสวย วัฒนธรรมหลากหลายและด้วยความอยู่กลางเขาก็คือธรรมชาติล้อมรอบ โดยรวมคือบรรยากาศมันเก่า ๆ ดูหนักแน่น ด้วยความเป็นเมืองประวัติศาสตร์ก็เลยมีสิ่งก่อสร้าง ประติมากรรมเยอะหน่อย ใครชอบเมืองเก่า ความโบราณ แนะนำเมืองนี้มาก ๆ
มีที่เที่ยวน่าสนใจ คือ ป้อมปราการ Besancon ที่เที่ยวฝรั่งเศสมรดกโลกของยูเนสโก้ สามารถขึ้นชมวิวมุมสูงด้านบนได้ มีประวัติทางการทหารให้อ่านด้วยสำหรับคนชอบประวัติศาสตร์ อีกหนึ่งที่คือ Jardin des Plantes รวมทุกการพักผ่อนไว้ที่นี่คือมีทั้งสวนพฤกษศาสตร์ สวนสัตว์ สวนสนุก ครบจบในที่เที่ยวเลย
10. เมืองเลโบเดอโพรวองซ์ (Baux-de-Provence)

หนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส Baux-de-Provence เป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่บนเขาสูงโบราณจริง ๆ ยังมีซากของประติมากรรมเก่าแก่ทิ้งไว้อยู่เลย ทิ้งไว้อยู่ที่เมืองเลยนี่แหละเก่าจริง แถมยังมีการพบร่องรอยการอยู่อาศัยของมนุษย์มากกว่า6,000 ปีเลยด้วยนะ ตัวหมู่บ้านค่อนข้างมีความเป็นเมืองท่องเที่ยวเลยมีของขาย ของฝากเยอะมาก ๆ แบบสไตล์โพรวองซ์ พวกผ้าทอลาย กระเป๋าผ้า แต่ร้านตกแต่งสวยชวนให้เข้าไปซื้อ โดยรวมคือเป็นเมืองท่องเที่ยวเลยผสานกับสถาปัตยกรรมเก่าแก่ เป็นอีกหนึ่ง เมืองน่าเที่ยวฝรั่งเศส สำหรับคนชอบเมืองเก่า
มีที่เที่ยวน่าสนใจ คือ L’eglise Saint Vincent โบสถ์ประจำหมู่บ้าน เก่าแก่มากสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 ไม่มีการตกแต่งเพิ่มใด ๆ ทุกอย่างของเดิม ให้ความรู้สึกเหมือนโบสถ์ในหนังผีฝรั่ง ดูขลังมากเลยล่ะ อีกที่คือ La chapelle des Penitents blancs เป็นโบสถ์เก่าเหมือนกัน ข้างในมีภาพวาดฝาผนังเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ด้วย
11. เมืองจีแวร์นี (Giverny)

เป็นเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากปารีสสามารถเป็นที่เที่ยวฝรั่งเศสแบบไปเที่ยวแบบเช้า-เย็นกลับได้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น Giverny เป็นเมืองเล็ก ๆ ดังมากเรื่องธรรมชาติแล้วบรรยากาศทั้งเมืองมันดูละมุน อุ่น ๆ อยู่ตลอดเวลาเลย โดยเฉพาะใครที่ชอบดอกไม้ เดินชมสวนเหมาะมากเลยกับเมืองนี้ ธรรมชาติไม่ได้สวยว้าวอลังการแต่ให้ความรู้สึกน่ารัก ร่มรื่น มองแล้วสบายตามากกว่า ใครชอบแนวธรรมชาติเบา ๆ ชมนกชมไม้ต้องมาเลย
มีที่เที่ยวน่าสนใจ คือ Fondation Claude Monet เหมาะกับเที่ยวช่วงใบไม้ผลิเป็นบ้านของคุณโมเนต์ศิลปินอิมเพรสชั่นนิสต์ น่ารักมากมีทั้งสวนผัก สวนดอกไม้หลากหลายพันธุ์ จัดสวนในสไตล์ของเขาเองสวยมากให้ความรู้สึกแบบฟูฟ่องสุด ๆ อีกที่คือ Le Vieux Moulin โรงสีเก่าติดแม่น้ำ จุดถ่ายรูปยอดฮิตและเป็นโลเคชั่นในการวาดภาพของศิลปินหลาย ๆ คนด้วย
12. เมืองมาร์เซย (Marseille)

เมืองท่าสุดโรแมนติกเมืองนี้เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 ของฝรั่งเศส ใครมาเที่ยวกับแฟนหรือคนพิเศษแนะนำมากเลยนะ เป็น เมืองน่าเที่ยวฝรั่งเศส ที่บรรยากาศดีมากเลย แล้วทุกคนเหมือนใช้ชีวิตแบบช่วงพักร้อนอยู่ตลอดเวลาเลย คือใช้ชีวิตช้า ๆ ไม่เร่งรีบ อยากแวะจิบกาแฟสักแก้วแล้วนั่งมองวิวเพลิน ๆ จนพระอาทิตย์ตกก็ไม่ผิด เหมาะมากสำหรับคนที่อยากหนีความวุ่นวาย หนีทุกอย่างแล้วมาพักร้อนใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ที่นี่
มีที่เที่ยวน่าสนใจ คือ The Old Port (Vieux Port) ท่าเรือเก่าของเมืองมีเรือหลายลำจอดเรียงรายและมี Notre-Dame de la Garde เป็นฉากหลังโบสถ์ จะมีตลาดเช้าในวันเสาร์เป็นตลาดปลา ชาวประมงจะนำปลาสด ๆ และอาหารทะเลมาวางขายกันตรงนี้เลย
13. เมืองชาโมนิกส์ (Chamonix)

เมืองเล็ก ๆ ติดริมชายแดงสวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี วิวสวยแบบเวอร์มาก เหมือนอยู่ในหมู่บ้านจากเทพนิยายแบบนั้นเลย ที่นี่เป็นเมืองสกีรีสอร์ตระดับโลกมียอดเขา Mont Blanc ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาแอลป์และยุโรปตะวันตก เมืองนี้เล็กมากเดินเล่นประมาณ 2-3 ชั่วโมงก็ทั่วแล้ว ใครอยากมาสกีก็มาช่วงหน้าหนาวนะหิมะหนามาก ๆ สวนใครมาฤดูอื่นก็สวยสดใสเหมือนหลุดออกมาจากภาพวาดเลยล่ะ เหมาะกับคนชอบวิวแบบหมู่บ้านและภูเขานะ เดินเล่นถ่ายรูปน่ารัก ๆ ในเมือง
มีที่เที่ยวน่าสนใจ คือ ชมวิวยอดเขา Mont Blanc นั่งเคเบิ้ลคาร์ขึ้นไปด้านบนสูง 3,842 เมตรวิวยอดเขาแอลป์มีหิมะสีขาวปกคลุมวิวสุดยอดมาก ๆ และยังมีสกายวอร์คกระจกใสกิ๊งที่สูงที่สุดในยุโรปให้ท้าทายความหวาดเสียวอีกด้วย อีกหนึ่งที่คือ หมู่บ้านชาโมนิกซ์-มงบล็อง หมู่บ้านน่ารักที่ถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขามีดอกไม้เยอะมาก ช่วงแดดส่องลงมาเป็นนาทีทองถ่ายรูปสวยเวอร์
14. แบนาเกกาเซอนัก (Beynac and Cazenac)

หมู่บ้านสวยที่ต้องเรียกว่าเป็นหมู่บ้านเคียงผาอ่ะคือเขาปลูกบ้านกันริมผาเรียง ๆ กันไปซึ่งติดแม่น้ำอีกที บรรยากาศดีมาก ร่มรื่น อยู่กับธรรมชาติอากาศสุดยอดสุด ๆ ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในชุมชนที่สวยที่สุดของฝรั่งเศสด้วย ด้านบนของภูเขายังมีปราสาทแบนัก เป็นไฮไลต์ของหมู่บ้านนี้เลย มองแล้วเหมือนเมืองเก่าที่อยู่ในป่าลึกลับในหนังอะไรแบบนี้แล้ว เห็นแล้วอยากไปมาก ใครชอบแนวหมู่บ้านเก่าแก่ชมการก่อสร้างแบบยุคเก่านะที่นี่ตอบโจทย์มาก
มีที่เที่ยวน่าสนใจ คือ พายเรือในแม่น้ำดอร์ดอญชมความสวยงามของธรรมชาติและหมู่บ้านและชมปราสาท Chateau de Beynac บนยอดเขาเป็นหนึ่งในปราสาทที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในฝรั่งเศสและยังเป็นจุดชมวิวมุมสูงอีกด้วย
15. เมืองม็องตง (Menton)

อยู่ติดกับชายฝั่งอิตาลีด้านหน้าเป็นชายฝั่งได้หลังเป็นเมืองเก่าของเมือง Menton อีกทีหนึ่ง จุดเด่นก็อยู่ที่สีสันของตัวอาคารที่เน้นเป็นโทนร้อนสีเหลือง ส้ม แดง ทำให้ดูมีสีสันขึ้นมาเลย ที่จริงในความรู้สึกเหมือนอิตาลีมากกว่าเพราะได้อิทธิพลจากชายแดดที่อยู่ใกล้ ๆ กัน และได้ฉายาว่า Pearl of France เมืองไข่มุกหลากสีแห่งฝรั่งเศสอีกด้วย ในย่านเมืองเก่าส่วนใหญ่จะเป็นแกลเลอรี ร้านค้าและต้องไม่พลาดผลิตภัณฑ์จากมะนาวไม่ว่าจะเป็นครีม แยม และเครื่องดื่ม เป็นเมืองตากอากาศเมืองหนึ่งที่น่าสนใจเลยล่ะ
มีที่เที่ยวน่าสนใจ คือ หาด Les Sablettes เดินเล่นริมหาดพร้อมถ่ายรูปสวย ๆ มีตึกสีสันสดใสเป็นฉากหลัง น้ำทะเลใสมากหาดทรายสีขาว แต่ที่นี่ไม่อนุญาตให้เล่นกิจกรรมทางน้ำนะเพราะน้ำตื้นเกินไป อีกที่คือสุสานของปราสาทเก่า อยู่บนเนินเขาของมหาวิหารเซนต์ไมเคิล เป็นที่พักสุดท้ายของบุคคลมีชื่อเสียงมากมายหนึ่งในนั้นมี วิลเลียม เวบบ์ เอลลิส ผู้สร้างกีฬารักบี้ด้วย
16. เมืองโบนิฟาซิโอ (Bonifacio)

อยู่บนเกาะ Corsica ทางใต้สุดของเกาะเลย ที่เที่ยวฝรั่งเศสเมืองติดหน้าผาที่แปลว่าติดหน้าผาจริง ๆ อ่ะ หน้าผาหินปูนที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำมาหลายล้านปี แน่นอนว่าขึ้นชื่อเรื่องวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเพราะว่าติดชายหาดทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและยังเป็นเมืองที่มีประวัติยาวนานอีกด้วย แถมยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในเมืองบนหน้าผาที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลกด้วยนะ
มีที่เที่ยวน่าสนใจ คือสะพานชัก Genes เป็นสะพานทางเข้าเมืองที่สร้างตั้งแต่ทศวรรษที่ 1830 ไปเดินชมวิวทะเลพร้อมดูความเก่าแก่ของทางเดินหินนี้ได้ อีกที่คือตรอกซอกซอยของเมืองนี่แหละแนะนำให้ขึ้นไปถึงยอดผาที่สูง 70 เมตรจะได้เห็นวิวสุดว้าวของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
17. เมืองแวร์ซาย (Versailles)

เมืองนี้ต้องคุ้นชื่อกันอยู่แล้วแน่นอนเพราะเป็นชื่อของพระราชวังแวร์ซายชื่อดังระดับโลกนั่นเอง ปัจจุบันนี้เมืองแวร์ซายก็ถือเป็นย่านชานเมืองของปารีสแหละ แต่เป็นชานเมืองที่ร่ำรวยแล้วก็เป็นศูนย์กลางทางการปกครองที่สำคัญด้วย สามารถเดินทางมาเที่ยวฝรั่งเศสด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ เลยเพราะห่างจากปารีสแค่ 17 กิโลเท่านั้นเอง แถมยังรวมที่เที่ยวสำคัญ ๆ ไว้เพียบเลย ก็เป็นอีกหนึ่งเมืองใกล้ ๆ เมืองหลวงที่ได้รับความนิยม
มีที่เที่ยวน่าสนใจอย่างแรกหนีไม่พ้นพระราชวังแวร์ซายแน่นอน หนึ่งในพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดและสวยงามที่สุดในโลก เต็มไปด้วยห้องหอรองที่ตกแต่งอย่างหรูหรา สวนสวย น้ำพุ และประติมากรรมยุโรปชั้นดี อีกที่คือ Opera Royal de Versailles โรงละครโอเปร่าแห่งนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 เป็นหนึ่งในโรงละครโอเปร่าที่เก่าแก่และสวยงามที่สุดในโลก
18. เซนต์ พอล เดอ วองซ์ (Saint Paul de Vence)

เป็นหมู่บ้านแห่งศิลปะที่สร้างตั้งแต่ยุคกลาง อยู่บนยอดเขาทางใต้ของฝรั่งเศสอยู่ไม่ไกลจากเมืองนีซ โด่งดังจากเรื่องราวที่มีจิตรกรชื่อดังแห่งฝรั่งเศสชื่อ Marc Chagall เลือกมาใช้ชีวิต 20 ปีให้หลังก่อนเขาเสียชีวิตนั่นเอง ปัจจุบันนี้ก็เลยเป็นเหมือนศูนย์ศิลปะแขนงต่าง ๆ มีร้านค้างานศิลป์และพื้นที่จัดแสดง โดยรวมให้ความรู้สึกเป็นเหมือนต่างอากาศเหมือนกันส่วนมากตึกทำจากหินเลยแบบในสมัยยุคกลาง
มีที่เที่ยวน่าสนใจ คือถนนคนเดิน Rue Grande เต็มไปด้วยร้านค้าน่ารัก ๆ เป็นของท้องถิ่นจริง ๆ อย่างน้ำผึ้งสารพัดรส ร้านขายลาเวนเดอร์ ร้านขายของกระจุกกระจิกทำมือ ร้านไวน์ และแกลเลอรี่รูป ซื้อเป็นของฝากกลับไปได้ อีกที่คือโบสถ์ Chapelle Notre-Dame de la Gardette สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 มีผลงานภาพวาดของ Marc Chagall ของจริงอยู่ด้วย
19. เมืองวานน์ (Vannes)

เมืองท่าเล็ก ๆ ทางตอนใต้ของ Brittany ในภูมิภาคตะวันตกจองฝรั่งเศสถึงเมืองจะเล็กแต่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์เก่าแก่และยาวนาน อารมณ์เมืองเก่าก็จะนิ่ง ๆ สงบ ๆ หน่อย ใครไม่ชอบความวุ่นวายก็คือถูกใจแน่นอน ติดหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในฝรั่งเศสอีกด้วย มีป้อมปราการสวย การแต่งสวนแบบสไตล์ยุโรปที่เป๊ะเวอร์ และยังมีที่เที่ยวมรดกโลกอยู่กว่าร้อยอาคารเลย Mood ดีมากเป็น เมืองน่าเที่ยวฝรั่งเศส ที่น่าไปเยือนสุด ๆ
มีที่เที่ยวน่าสนใจ คือ Vannes Ramparts ป้อมปราการสูง แบบโรมันสร้างมาตั้งเเต่ศตวรรษที่ 1 มีสวนสวยอยู่ด้านในเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรูป อีกที่คือ Cathedrale Saint-Pierre มหาวิหารเก่าแก่เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามที่สุดในเมือง
20. เมืองอาวินยง (Avignon)

ที่เที่ยวฝรั่งเศสในแคว้น Provence ได้สมัยก่อนได้ฉายาว่าเป็นเมืองหลวงแห่งโรมันคาทอลิกแต่ตอนนี้จะรู้จักกันในนามของเมืองแห่งเทศกาลศิลปะเพราะมีเทศกาลศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในประเทศฝรั่งเศสจัดทุกปี ช่วงเทศกาลคนจะเยอะหน่อยแต่ช่วงที่ไม่มีงานก็จะเป็นเมืองน่ารัก ๆ มีประวัติศาสตร์ให้ตามรอยและมีบรรยากาศของเมืองท่องเที่ยว ร้านค้า ร้านขนม ของพื้นเมืองท้องถิ่นเพียบ
มีที่เที่ยวน่าสนใจ คือ Palais des Papes พระราชวังแห่งพระสันตะปาปา หนึ่งในสถาปัตยกรรมสไตล์กอธิคยุคกลางที่สำคัญที่สุดในยุโรปเคยเป็นที่อยู่อาศัยชาวศาสนาคริสต์ช่วงศตวรรษที่ 14 อีกที่คือย่าน Rue des Teinturiers ย่านชิล ๆ น่ารัก เต็มไปด้วยร้านขายของและคาเฟ่ ส่วนใหญ่เป็นร้านแบบนั่งกลางแจ้งเพื่อให้ซึมซับกับวิวเมือง
21. เมืองฟงแตนโบล (Fontainebleau)

อีกหนึ่ง เมืองน่าเที่ยวฝรั่งเศส ใกล้ปารีสห่างแค่ 55 กิโลเมตรไปเช้าเย็นกลับได้เลย จะบอกว่าเป็นเมืองผู้ดีเก่าก็ไม่ผิดนะเพราะในสมัยก่อนเมืองที่ก็เป็นที่พักของบุคคลมีชื่อเสียง ขุนนางต่าง ๆ จนถึงปัจจุบันลูกหลานขุนนางเก่าหรือชาวเมืองเชื้อสายขุนนางเก่าก็ยังอาศัยอยู่ที่เมืองนี้เหมือนกัน เมืองนี้โด่งดังจากชื่อเสียงของพระราชวังฟงแตนโบลชื่อดังเช่นกัน และยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้
มีที่เที่ยวน่าสนใจ คือ พระราชวังฟงแตนโบลมรดกโลกของ UNESCO เป็นหนึ่งในพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดและสวยงามที่สุดในฝรั่งเศส เต็มไปด้วยห้องหอรองที่ตกแต่งอย่างหรูหรา สวนสวย น้ำพุ และประติมากรรมเก่าแก่ อีกที่คือMuee National du Chateau de Fontainebleau พิพิธภัณฑ์ที่อยู่ในพระราชวังฟงแตนโบล จัดแสดงวัตถุโบราณที่มาจากหลายยุครวมถึงภาพวาดและของใช้เก่าแก่ด้วย
22. เมืองนีซ (Nice)

เมืองตากอากาศอันดับ 1 ของฝรั่งเศสเป็นเมืองใหญ่อันดับ 5 ของประเทศติดริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเป็นเมืองที่มีประวัติมายาวนานมากเขาว่านานพอ ๆ กับอาณาจักรกรีกเลยซึ่งก็มีหลักฐานผ่านโบราณสถานไว้ด้วยประมาณปี 350 ก่อนคริสตกาล ได้รับความนิยมมากในช่วงซัมเมอร์หน้าร้อนชาวเมืองนิยมมาอาบแดด ทะเลก็สวยเพราะแสงแดดจ้ากระทบกับน้ำทะเลส่องประกายวิบวับสวยงาม เที่ยวในเมืองก็ง่ายเดินถึงกันหรือปั่นจักรยานก็ได้มีเลนจักรยานทั่วทั้งเมือง
มีที่เที่ยวน่าสนใจ คือ Place Massena จัตุรัสใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดมีสถาปัตยกรรมคลาสสิคที่เก็บรักษาเอาไว้ตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 17 เป็นแลนด์มาร์กของเมืองที่ต้องมาถ่ายรูป อีกที่คือ Vieille Ville ย่านเมืองเก่าเต็มไปด้วยตรอกซอกซอยเล็ก ๆ ให้เดินเข้าไปร้านอาหารท้องถิ่นเพียบ
23. เมืองลียง (Lyon)

เมืองใหญ่ของฝรั่งเศสที่มีกลิ่นอายความเก่าแก่แบบชัดเจนมาก เป็นเมืองที่มีจุดตัดของแม่น้ำขนาดใหญ่อย่าง Rhone และ Saone มาบรรจบกันพอดี เมือง Lyon ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศฝรั่งเศสเลยล่ะ มีความโด่งดังและชัดเจนของสถาปัตยกรรมโบราณและวัฒนธรรมซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากโรมันเพราะเคยอยู่ภายใต้การปกครองของโรมันนั่นเอง
มีที่เที่ยวน่าสนใจ คือ La Basilique Notre Dame de Fourviere โบสถ์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนภูเขา โบสถ์สีขาวใหญ่โตขึ้นไปชมวิวของเมืองได้ อีกที่คือ Vieux Lyon ย่านร้านค้าที่อยู่ในตึกทรงโบราณมีทางเดินลับ Traboules ที่เชื่อมต่ออาคารต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ทำให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมอาคารลับ ๆ ที่ซ่อนอยู่ในทางเดินอาคารแห่งนี้ด้วย เป็น เมืองน่าเที่ยวฝรั่งเศส ที่แนะนำอีกเมืองหนึ่งเลย
24. เมืองสตราสบูร์ก (Strasbourg)

เป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีสถาปัตยกรรมแบบยุคกลางบ้านเรือนหลากหลายสีสันและยังเป็นเมืองแห่งเทศกาลคริสต์มาสเพราะเป็นเมืองที่จัดงาน Christmas market เก่าแก่มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1517 ช่วงเทศกาลปีใหม่หน้าหนาวเมืองนี้จะคนแน่นมากคึกคักสุด ๆ เต็มไปด้วยการตกแต่งจัดเต็มทั้งแสง สี ไฟระดับสว่างสวยงามเป็นฤดูไฮไลต์ของเมืองเลยก็ว่าได้ ใครมาเที่ยวแล้วอยากเดิน Christmas market สักครั้งแนะนำที่ Strasbourg เลยจัดทุกปี
มีที่เที่ยวน่าสนใจ คือ มหาวิหารสตราสบูร์ก สวยงามและอลังการด้วยสถาปัตยกรรมโกธิคล้อมรอบด้วยแม่น้ำและยังเป็นสถานที่สำคัญของเมืองด้วย อีกที่คือ จัตุรัส Place Kleber สถานที่จัดงาน Christmas market มีสินค้าแฮนด์เมด ของแต่งบ้าน ขนมในธีมคริสต์มาส พร้อมจิบไวน์ร้อนคลายหนาว
25. เมืองเอแปร์เนย์ (Epernay)
ปิดท้ายที่เที่ยวฝรั่งเศสที่เมือง Epernay ได้ฉายาว่าเป็นดินแดนแห่งแชมเปญศูนย์กลางผลิตไวน์และแชมเปญชื่อดัง วิวสวยนะเพราะส่วนใหญ่จะถูกล้อมรอบด้วยต้นองุ่นสมกับเป็นเมืองแห่งการผลิตไวน์จริง ๆ แถมยังมีทัวร์พาชิมไวน์ร้านดังด้วยนะ ถือว่าเป็นเมืองน่าเที่ยวสำหรับสายดื่มหรือใครอยากศึกษาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำไวน์หรือแชมเปญมาเมืองนี้ได้ความรู้เต็ม ๆ แถมมีที่เที่ยวสวย ๆ เพียบ
มีที่เที่ยวน่าสนใจ คือ Cellars of Mercier โรงกลั่นไวน์ในอุโมงค์ใต้ดินที่ยาวกว่า 18 กิโลเมตร ที่เราสามารถนั่งรถไฟชมอุโมงค์และชิมไวน์กับแชมเปญได้ด้วย อีกที่คือ Chateau de Pierry ปราสาทที่อยู่บนยอดเขาเป็นจุดชมวิวเมืองที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองเลย ได้เห็นวิวมุมกว้างและไร่องุ่น
เที่ยวฝรั่งเศสด้วย YouTrip คุ้มกว่า

เท่านั้นยังไม่พอ! และเพื่อให้การไปเที่ยวฝรั่งเศสครั้งนี้ให้สะดวกมากขึ้น ขอแนะนำผู้ช่วยอย่าง YouTrip Perks ใครอยากคุ้มสามารถใช้จองโรงแรมหรือโฮสเทลผ่าน Agoda หรือจองตั๋วเข้าที่เที่ยวผ่าน Klook ก็ได้เงินคืนเพิ่มสูงสุด 10% ด้วยนะ
และทั้งหมดนี้ก็คือ เมืองน่าเที่ยวฝรั่งเศส ที่เราแนะนำว่าควรไปเที่ยวหากมีโอกาส เต็มไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่จริง ๆ ที่สำคัญบรรยากาศดีมากทุกเมือง วิวสวย การเดินทางก็เข้าถึงหมดนะมีรถไฟความเร็วสูงนั่งจากปารีสไปได้เลย ไวเหมือนวาร์ปได้ ที่สำคัญทริปนี้จะเพอร์เฟคและประหยัดได้ดีกว่าเดิมต้องมี YouTrip ไปด้วย สบายขึ้นเยอะ เพราะ YouTrip ใช้จ่าย เรทดี ทุกที่ทั่วโลก สมัครไว้รอเลย คุ้ม! ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี!
